กระสุนชโลม “น้ำมันหมู-น้ำมันวัว” หนึ่งในต้นเหตุ “กบฏอินเดีย” ที่ ทหารซีปอย ลุกฮือขึ้นต่อต้านจักรวรรดิอังกฤษ
ย้อนเวลากลับไปในศตวรรษที่ 19 ที่ประเทศอินเดีย ที่ขณะนั้นเป็นอาณานิคมของอังกฤษ กระสุนที่แปดเปื้อนด้วย น้ำมันหมู และ น้ำมันวัว เคยเป็นชนวนให้เกิดการจลาจลมาแล้ว
เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นใน ค.ศ. 1857 เมื่อกองทัพอาณานิคมได้นำกระสุนปืนคาบศิลาของ Enfield รุ่นหนึ่งมาใช้ โดยตัวกระสุนถูกชโลมด้วยน้ำมันหมูและน้ำมันวัว ซึ่งนับเป็นการดูหมิ่นทั้งชาวมุสลิมและชาวฮินดูในคราวเดียวกัน เนื่องจากชาวฮินดูถือว่า วัว คือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
กระสุนรุ่นนี้ผู้ใช้จำเป็นต้องใช้ปากกัดปลอกกระสุนที่ทำจากกระดาษ จากนั้นจึงเทดินปืนลงไปในลำกล้อง ซึ่งตัวกระสุนจำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่นเพื่อป้องกันการขัดลำกล้อง และสารหล่อลื่นที่จะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์หากเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร ย่อมหนีไม่พ้นผลิตภัณฑ์จากสัตว์
ทหารท้องถิ่นหรือที่เรียกว่า “ทหารซีปอย” ที่อังกฤษนำมาฝึกทหารแบบยุโรป พวกเขานับถือศาสนาอิสลามและฮินดู ยึดมั่นในหลักความเชื่อศาสนา ไม่ต้องการกัดปลอกกระสุนรุ่นนี้ และขอให้เปลี่ยนไปใช้วิธีการอื่น ๆ เช่น ใช้น้ำมันเนย หรือ “กี” แทน หรือใช้มือฉีกปลอกกระสุน แต่ก็ถูกกองทัพสั่งห้าม เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสมในเชิงปฏิบัติ เมื่อกองทัพไม่เคารพต่อความเชื่อของพวกเขา ทหารซีปอย บางส่วน จึงปฏิเสธที่จะใช้ปากกัดปลอกกระสุนตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเช่นกัน
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ ทหารซีปอย 90 นาย จากกองพลทหารม้าที่ 3 ในเมืองมีรุต (Meerut) ถูกจำคุก สร้างความไม่พอใจให้กับเพื่อนทหาร จึงพากันใช้กำลังสังหารเจ้าหน้าที่อังกฤษ เพื่อช่วยเหลือนายทหารที่ถูกจำคุก ในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1857 ก่อนยกกองทัพบุกยึดนครเดลี กลายเป็นชนวนให้พื้นที่อื่น ๆ เอาเป็นเยี่ยงอย่าง (ซึ่งแน่นอนว่า ปัจจัยที่ทำให้ชาวอินเดียลุกฮือขึ้นขนาดนี้ ย่อมมีเรื่องความไม่เป็นธรรมอื่น ๆ เป็นเชื้อไฟอยู่แล้ว ก่อนที่เหตุการณ์ดูหมิ่นทางความเชื่อครั้งนี้จะกลายเป็นตัวจุดชนวนสำคัญ)
“กบฏอินเดีย” ใช้กำลังสังหารผู้ต่อต้านอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายก็ถูกปราบปรามได้ภายในปลาย ค.ศ. 1858 และเหตุการณ์สังหารหมู่ของฝ่ายกบฏได้กลายเป็นข้ออ้างชั้นดีของฝ่ายจักรวรรดินิยมในการเล่นงานฝ่ายตรงข้ามอย่างโหดร้ายยิ่งกว่า
เหตุดังกล่าวนำไปสู่การก่อตั้ง“บริติชราช” (British Raj) ของอังกฤษ เพื่อเป็นองค์กรปกครองอินเดียโดยตรง แทนที่บริษัทอินเดียตะวันออก ถึงอย่างนั้นอินเดียก็ยังคงมีผู้ลุกขึ้นต่อต้านจักรวรรดินิยมอังกฤษอยู่เสมอ แต่กว่าพวกเขาจะได้รับอิสรภาพจากอังกฤษ ก็กินเวลาหลังจากเหตุการณ์จลาจลในครั้งนี้เกือบ 100 ปี
อ่านเพิ่มเติม :
- ฉายา “เพชรประดับยอดมงกุฎกษัตริย์อังกฤษ” น้อยไปไหมสำหรับอินเดีย
- “วรรณะ” ของคนรับใช้ชาวอินเดีย สิ่งที่ชาวอังกฤษเจ้าอาณานิคมต้องยอม
อ้างอิง :
“Causes of the Indian Mutiny”. The Telegraph, 8 May 2007. Web. 14 Aug. 2016 <http://www.telegraph.co.uk/news/worldnews/1550946/Causes-of-the-Indian-Mutiny.html>
“Indian Mutiny”.Encyclopædia Britannica. Encyclopædia Britannica Online.
Encyclopædia Britannica Inc., 2016. Web. 14 Aug. 2016
<https://www.britannica.com/event/Indian-Mutiny>.
แก้ไขปรับปรุงเนื้อหาในระบบออนไลน์เมื่อ 16 กรกฎาคม 2564
Derya คนคิดวีธีนี้ก็โง่สิ้นดี มุสลิมแค่กิน ซื้อ ขาย หมูไม่ได้เท่านั้นแหละ ถ้าจับต้องก็ไม่เป็นอะไร!
20 ก.พ. 2562 เวลา 06.05 น.
Grit กินเถอะ เนื้อหมูอร่อย เนื้อวัวก็อร่อย ร่างกายคนต้องการโปรตีนจากเนื้อสัตว์ กินอาหารหลากหลายจะได้มีสุขภาพดี
19 ก.พ. 2562 เวลา 18.03 น.
โชค เมืองไทยมีนักพูดเคยบอก เอาน้ำมันทาจรวดไปถล่มภาคใต้นี่ใครนะ
19 ก.พ. 2562 เวลา 15.19 น.
คุณ อรรถ. cnk เอามานำเสนอเพื่ออะไร มิทราบ?อยู่ดี ไม่ว่าดี.!ต้องการเป็นสายชนวน ให้เขาจุดหรือไง?
19 ก.พ. 2562 เวลา 14.52 น.
Preecha Rawi' เมืองไทยก็อีกไม่นาน..ไม่มีทหารก็สู้ใครเขาไม่ได้ สมใจคนบางกลุ่มที่พร้อมจะเปลี่ยนประเทศ
19 ก.พ. 2562 เวลา 14.27 น.
ดูทั้งหมด