กระตุกหนวดเสือ! “ปฏิรูปกองทัพ” นโยบายหาเสียงที่ทำได้จริงหรือ?
อาทิตย์ที่ผ่านมานั้นกระแส #หนักแผ่นดิน ได้กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนพูดถึงแทบจะทุกที่ทั้งในโลกโซเชียลหรือชาวบ้านร้านตลาดเอง เหตุก็เพราะ “พล.อ.อภิรัชต์คงสมพงษ์” ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวตอบผู้สื่อข่าวว่า “ก็ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดินไง” หลังผู้สื่อข่าวสอบถามกรณีที่ “คุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธุ์” ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย และหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรคฯ กล่าวปราศรัยเสนอนโยบายตัดงบกลาโหม 10% และยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
แล้วเหตุใดพรรคการเมืองต่าง ๆ ถึงชูนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกองทัพในการหาเสียงครั้งนี้ ทั้งการปรับลดงบประมาณฯ การจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ หรือกระทั่งลดกำลังพลของกองทัพลง เราลองมาย้อนดูกันว่ากองทัพไทยได้รับงบประมาณไปเท่าไหร่บ้างในแต่ละปี
นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา งบประมาณของกระทรวงกลาโหมนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรัฐบาล คสช. เข้ามาบริหารประเทศในปี 2557 งบประมาณของกระทรวงกลาโหมก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น และปี 2559 จนถึงปัจจุบัน งบประมาณกระทรวงกลาโหมก็พุ่งทะลุตัวเลข 2 แสนล้านบาทต่อปีไปแล้ว
แน่นอนว่ากระทรวงกลาโหมของไทยนั้น ติดอันดับ 5 กระทรวงแรกที่ได้รับงบประมาณจากภาษีของประชาชนสูงที่สุดในแต่ละปีมาโดยตลอด ย้อนกลับไปในปี 2558 กระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณ 192,000 ล้านบาท ปี 2559 ได้รับงบประมาณ 206,000 ล้านบาท ปี 2560 ได้รับงบประมาณ 213,500 ล้านบาท ปี 2561 ได้รับงบประมาณ 222,000 ล้านบาท และล่าสุดปี 2562 ได้รับงบประมาณ 227,671 ล้านบาท รวมย้อนหลัง 5 ปี ที่รัฐบาล คสช.เข้ามาบริหารประเทศกระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณไปถึง 1,061,171 ล้านบาท
แม้งบประมาณกลาโหมในแต่ละปี หากเปรียบเทียบกับ GDP ของประเทศอาจจะดูไม่สูงมาก เนื่องจากอยู่ในระดับไม่ถึง 2% ของ GDP แต่หากเทียบกับงบประมาณที่รัฐบาลมีในแต่ละปี ซึ่งเป็นเงินในมือของรัฐจริง ๆ ไม่ใช่ GDP ซึ่งเป็นเงินที่ไม่ได้อยู่ในมือของรัฐบาล กลับอยู่ในระดับ 7-9 % ของงบประมาณรวมเลยทีเดียว และหากพิจารณาเรื่องสภาพเศรษฐกิจของประเทศก็ต้องยอมรับว่างบประมาณกลาโหมของไทยนั้นถือว่าสูงมากเกินไปจริง ๆ
และงบประมาณกลาโหมนั้นก็สูงกว่ากระทรวงซึ่งมีความสำคัญอย่างกระทรวงสาธารณสุขซึ่งต้องดูแลสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศเสียอีก!!!
ด้วยจำนวนตัวเลขงบประมาณที่สูงมากนี้ จึงไม่แปลกใจที่พรรคการเมืองต่าง ๆ ถึงพยายามหยิบยกประเด็นเรื่องกองทัพมาหาเสียง ซึ่งพรรคการเมืองที่หยิบยกประเด็นนี้มาหาเสียงนั้น หลัก ๆ ก็มีอยู่ 3 พรรค
พรรคอนาคตใหม่ ถือเป็นพรรคการเมืองแรกที่กล้าประกาศ “ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร” เปลี่ยนมาใช้ระบบสมัครใจ ตามนโยบายปฏิรูปกองทัพ ลดกำลังพลและนายพล พร้อมตัดงบประมาณกองทัพ 50,000 ล้านบาท เพื่อไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ
พรรคเพื่อไทย ระบุว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ตัดงบกองทัพปีละ 10% หรือราว 20,000 ล้านบาทต่อไปเพื่อนำงบประมาณไปใช้สร้างอาชีพให้กับคนรุ่นใหม่
พรรคเสรีรวมไทย ประกาศจะยุบกองบัญชาการกองทัพไทย ลดขนาดกองทัพ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร โดยอ้างว่าสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ไม่มีความจำเป็น สิ้นเปลืองงบประมาณ จะให้คนที่สมัครใจเท่านั้นไปเป็นพลทหาร และประเด็นสำคัญจะให้อำนาจนายกรัฐมนตรีสั่งย้ายผู้บัญชาการเหล่าทัพได้
แต่ว่าพวกเขาจะทำได้อย่างที่หาเสียงไว้หรือไม่หากได้รับเลือกเป็นรัฐบาลก็อย่างที่รู้กันว่ากองทัพเป็นหน่วยงานที่ใหญ่และมีบทบาทอย่างมากทั้งทางสังคมและการเมืองไทยอีกทั้งหากจะลดงบประมาณที่ว่ามานั้นก็ต้องแก้กฎหมายกันหลายฉบับและการแก้กฎหมายนั้นก็ต้องผ่านสภาฯซึ่งในสภาฯ เองก็มีผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นสมาชิกฯ อยู่คงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนักหากจะทำตามนโยบายที่ตัวเองหาเสียงเอาไว้หรือพวกเขาแค่หยิบยกประเด็นนี้มาพูดเพื่อให้เป็นกระแสเพราะรู้อยู่แก่ไจว่าคงเป็นไปไม่ได้
อ้างอิง
http://www.ispacethailand.org/political/16464.html
https://www.bbc.com/thai/thailand-38656190
https://www.springnews.co.th/politics/445614
cob ที่สำคัญคืองบมากกว่ากระทรวงสาธารณสุขครับ ทั้งที่ยังขาดแคลนเงินที่จะเพิ่มบุคคลากรหมอและพยาบาล และยังสามารถเพิ่มมาตรฐานการรักษาได้ ไม่ทราบว่าคำว่าพอเพียงจะใช้กับกองทัพได้ไหมครับ
25 ก.พ. 2562 เวลา 11.45 น.
somshine ทหารบอกได้แต่เรื่องปริมาณ แต่บอกไม่ได้เรื่องคุณภาพของกองทัพ จนประชาชนไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะปกป้องประเทศได้จริงดังว่าหรือเปล่า? ถามไม่ได้ สงสัยไม่ได้
25 ก.พ. 2562 เวลา 12.39 น.
Sravut Bkk33 ชื้ออาวุธไว้ถล่มเสื้อแดงไง!!
25 ก.พ. 2562 เวลา 12.50 น.
Jew1565 ทำไมไม่มีพรรคไหนเสนอปฎิรูปตำรวจนะ รับรองคะแนนล้นหลาม
25 ก.พ. 2562 เวลา 13.39 น.
BOM ถ้าผบทบชี้แจงเงิน 4พันล้านได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่คนก็ตายไปแล้ว กฏหมายก็ย้อนหลังไม่ได้ อีกหน่อยคงไม่มีแค่แดงใบเล่แล้ว คงมีแดง4พันเพิ่มมาอีกคน
25 ก.พ. 2562 เวลา 12.30 น.
ดูทั้งหมด