จากกรณีนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นว่าการเสียบบัตรแทนกันในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เมื่อกระบวนการไม่ชอบ กฎหมายก็จะไม่ชอบตามด้วย โดยไม่ต้องไปตีความเนื้อหา
.
วันที่ 23 ม.ค.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามเรื่องนี้ว่า ที่กล่าวมาก็ถูก แต่ที่มีการไปแชร์กันว่าตนบอกว่าการเสียบบัตรแทนกันเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่เป็นไร ตนไม่เคยพูด ตรงกันข้ามตนบอกว่าเรื่องนี้แยกเป็น 2 เรื่อง คือ 1.เรื่องเสียบบัตรไม่ว่าจะแทนหรือไม่แทน เป็นความเสียหายร้ายแรง มีความผิดและบทลงโทษด้วย แต่ที่ตนบอกว่าจะไม่เกิดผลกระทบน่ากลัวรุนแรง ไม่ถึงขั้นวิบัติ นั่นเป็นเรื่องของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งเป็นเรื่องที่ 2
การที่จะไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมี 2 อย่างคือ 1.เนื้อหา กับ 2.กระบวนการ กรณีนี้เป็นเรื่องกระบวนการ ซึ่งเมื่อเป็นเรื่องกระบวนการก็ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยดีที่สุด ว่ากระบวนการชอบหรือไม่ ถ้าไม่จะต้องดำเนินการอย่างไร
.
กรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ ปี 2556 และ 2557 ข้อเท็จจริงตอนนั้นเป็นอย่างหนึ่ง ส่วนที่เกิดขึ้นในขณะนี้เรายังไม่รู้ว่าเป็นอย่างเดียวกันหรือไม่ ซึ่งตนก็ยังไม่ได้บอกว่าเป็นคนละอย่างกัน อาจจะเหมือนก็ได้ แต่วันนี้ก็น่าจะดูท่าจะออกมาแล้วว่ามีคนเอาบัตรไปเสียบและลงมติเห็นชอบ
"ขอยืนยันว่าเป็นประเด็นเรื่องเสียบบัตรแทนกันมีความผิด มีโทษร้ายแรง เสียหาย เสียหายทั้งต่อภาพพจน์ของสภาด้วย แต่ในส่วนผลกระทบต่อร่าง พ.ร.บ. ไม่น่าจะถึงขั้นร้ายแรงอะไร ส่วนจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ มันอาจจะออกมาในทางใดทางหนึ่งได้ 2-3 ทางด้วยกัน ก็จะยังไม่พูดชี้นำว่ามันทางไหน"
นริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร เพื่อไทย ถูกถอดถอนและยังมีคดีความจากการเสียบบัตรแทน
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า กระบวนการไม่ชอบ จะทำให้มติอันนั้นไม่ชอบแต่บังเอิญในกรณีปี 2556 คือร่างรัฐธรรมนูญและ ปี 2557 คือ ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เป็นกระบวนการที่เมื่อมติไม่ชอบก็เท่ากับไม่มีมติก็จบ แต่กรณีกฎหมายงบประมาณแปลกกว่ากฎหมายอื่น เพราะมีบทบัญญัติ มาตรา 143 ขึ้นนมาเป็นกรณีพิเศษต่างหาก ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีการนำมาตรานี้มาใช้ได้หรือไม่อย่างไร ตนเห็นคำร้อง ส.ส.ที่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญผ่านสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการโยงไปถึง มาตรา 143 ด้วยก็ดีแล้ว ให้ศาลมีอำนาจวินิจฉัยในส่วนนี้ด้วย
.
"ความแตกต่างตรงนี้ก็คือว่า กรณีกฎหมายอื่นถ้ามติไม่ชอบ ร่างก็จะไม่ชอบ แต่บังเอิญกรณีกฎหมายงบประมาณ มาตรา 143 บอกว่าถ้าหากว่าสภาพิจารณาไม่เสร็จ ภายใน 105 วันเกิดอะไรขึ้น วุฒิสภาพิจารณาไม่เสร็จใน 20 วันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งลักษณะแบบนี้ เงื่อนเวลาแบบนี้ ไม่มีอยู่ในกรณีกฎหมายอื่น แม้แต่กระทั่งการพิจารณารัฐธรรมนูญก็ไม่มี เพราะงบประมาณเป็นเรื่องใหญ่ที่เขาเกรงว่าถ้าช้าแล้วไม่ทันจะเกิดผลกระทบรุนแรงต่อประเทศ"
นายวิษณุ กล่าวว่า ตรงนี้จะเอามาใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ประการใด เราก็ไม่เคยลอง ไหนๆ จะยื่นคำร้องต่อศาลแล้วก็เป็นการดีที่ ส.ส.ที่ยื่นได้รวมประเด็นเหล่านี้ไป ตอนนี้เป็นไปได้หมดทั้ง 1.กฎหมายตกทั้งฉบับ 2.เสียไปเฉพาะมติอันนั้น 3.เสียไปเฉพาะหักคะแนนที่เสียบบัตรแทนกัน หรืออาจะจะ 4-5-6 พูดอย่างนี้เป็นการชี้นำแล้วจริงๆ ด้วย
.
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 143 ระบุกำหนดเวลาพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณไว้ 105 วัน ถ้าพิจารณาไม่ทันให้ถือว่าสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบแล้ว และให้เสนอให้วุฒิสภา พิจารณา ซึ่งถ้าไม่ทัน 20 วันตามที่กฎหมายกำหนด ก็ให้ถือว่าวุฒิสภาให้ความเห็นชอบ
.
ดังนั้น ในความหมายของนายวิษณุ แม้จะเกิดปัญหาการลงมติ แต่อาจมีช่องที่จะตีความว่าการพิจารณากฎหมายไม่ทันตามกำหนดเวลาให้ถือว่าสภาให้ความเห็นชอบแล้วแทน
orasa นี่หรือคือ เนติบริกร นักกฎหมาย นักวิชการ ของประเทศ แต่เขาคงไม่เข้าใจ คำว่า (โกง) คืออะไร ถึงได้ตีความกฎหมาย ออกมาแต่ละอย่าง เข้าข้างพรรคพวกตัว อย่างน่าไม่ละอาย แถมยังเห็นชอบอีกต่างหาก
24 ม.ค. 2563 เวลา 05.16 น.
Waraporn เบื่อไอ้คนแก่ที่พูดออกมาแต่ละครั้งเหมือนหมาสำลอก.. ทำให้ประเทศไทยไม่มีบรรทัดในการใช้กฎหมายอย่างถูกต้องเที่ยงธรรมเลย... ประเทศฉิบหายก็เพราะไอ้คนแบบนี้
24 ม.ค. 2563 เวลา 05.12 น.
อำนาจ ประเทศกูมี
24 ม.ค. 2563 เวลา 04.49 น.
แต่ก่อนชอบอาจารย์นะ ตอนนี้กุอยากเตะปากมึงคนแรก ไอ้ควาย
24 ม.ค. 2563 เวลา 04.42 น.
Tham .. รองเท้า บู๊ช.. หวาน มัน ทุก วัน
24 ม.ค. 2563 เวลา 05.34 น.
ดูทั้งหมด