ภาวะโลกร้อน และภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง ถือว่าเป็นวิกฤติการณ์ของโลกที่ตอนนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้กระทบเพียงที่ใดที่หนึ่ง ทว่ากระทบกับ ‘ทุกชีวิต’ ที่อยู่บนโลกด้วย การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ หรือภาวะโลกร้อนนั้นได้ส่งผลกระทบหลายอย่าง และสำหรับประเทศชายฝั่งทะเล หรือเกาะนั้น ก็ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของระดับน้ำทะเลเป็นอย่างมาก
#ลัดเลาะรอบโลก เลยขอพาไปสำรวจเกาะต่าง ๆ ที่กำลังจะจมภายใน 80 ปี ถ้าเรายังไม่สามารถหาวิธีชะลอการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของระดับน้ำทะเล การกัดเซาะชายฝั่งทะเล นอกจากการที่มนุษย์อาจจะต้องหาที่อยู่ใหม่แล้ว ระบบนิเวศในทะเลก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
หมู่เกาะโซโลมอน
หมู่เกาะในทางใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกที่ประกอบด้วยเกาะกว่าหนึ่งพันแห่ง รวมไปถึงยังมีแนวปะการังที่กำลังจะค่อย ๆ หายไป โดยปกติแล้วระดับทะเลนั้นมีระดับสูงขึ้นประมาณ 3 มิลลิเมตรต่อปีมาตั้งแต่ปี 1993 แต่ในปี 2016 มีการศึกษาที่ออกมาเผยว่า เกาะนั้นได้จมหายไปแล้วจำนวน 5 เกาะ และแน่นอนว่าการจมของเกาะส่งผลให้หมู่บ้านได้ถูกทำลายไปด้วย
มัลดีฟ
เป็นสถานที่ในฝันของใครหลาย ๆ คน ที่ต้องการไปท่องเที่ยว เนื่องจากมีความสวยงามเป็นอย่างมาก อย่างที่ทราบกันว่ามัลดีฟนั้นเป็นเกาะในหมู่เกาะอินเดีย และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่โดยลักษณะภูมิประเทศแล้ว เป็นที่ที่ตั้งอยู่ต่ำ ทำให้มีความเปราะบางต่อการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล โดยมัลดีฟนั้นถูกทำนายว่าจะจมในปี 2100 ด้วยสถานการณ์นี้ ในปี 2009 ผู้นำประเทศได้มีการจัดการประชุมใต้น้ำขึ้น เพื่อเรียกร้องความสนใจจากทุกคนบนโลกให้กับภัยพิบัตินี้
หมู่เกาะปาเลา
หมู่เกาะปาเลาตั้งอยู่ในตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลนั้นจะขึ้น 0.35 นิ้วต่อปี แต่มีการทำนายว่าจะสูงขึ้นถึง 24 นิ้วหรือมากกว่านั้นในปี 2090
ไมโครนีเซีย
ไมโครนีเซียเป็นประเทศที่มีเกาะกว่า 600 เกาะ ซึ่งไมโครนีเซียอยู่ทางตอนใต้ของฮาวาย เต็มไปด้วยภูเขา, ป่าชายเลน, บึง และหาดทราย แต่เพราะการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ทำให้เกาะหลายเกาะได้จมหายไป และมีอีกหลายๆ เกาะที่ตอนนี้พื้นที่ก็กำลังจะจมลงไปอีกด้วย
หมู่เกาะฟิจิ
เป็นอีกแห่งที่ภูมิประเทศอยู่ต่ำ ทำให้ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล หมู่บ้านวูนิโวโดลัว เป็นที่ที่จะถูกอพยพออกเป็นที่แรก เพราะว่าการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของระดับน้ำทะเล ทำให้พื้นที่จมหายไป คาดว่าในปี 2050 ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นถึง 43 เซนติเมตร มีการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิซึ่งจะส่งผลต่อระบบนิเวศทางทะเล ปะการังจะฟอกขาว
ตูวาลู
ด้วยระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น ตูวาลูจึงเป็นอีกที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก จนผู้นำก็ออกมายอมรับว่าอยู่ในภาวะวิกฤติ การเกิดภัยพิบัติครั้งนี้ส่งผลกระทบกว่าหมื่นครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในตูวาลูด้วย
เซเชลส์
เป็นประเทศที่อยู่ชายฝั่งตะวันออกของแอฟริกา อุดมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ถือว่าเป็นระบบนิเวศที่สมบูรณ์ แต่โดยปกติแล้ว 85 เปอร์เซ็นของประเทศชายฝั่งมักได้รับผลกระทบจากระดับน้ำทะเลอยู่แล้ว จึงทำให้เซเชลส์เป็นอีกแห่งที่หวั่นจมเช่นเกียวกัน
คิริบาส
คิริบาสตั้งอยู่ที่แปซิฟิกกลาง และเป็นสถานที่มีแผนการที่ย้ายประชากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล มีการซื้อที่ในฟิจิไว้แล้ว รวมไปถึงประกันการเปลี่ยนแปลงทางอากาศให้กับประชากรบนเกาะอีกด้วย ซึ่งผู้นำของเขาได้ออกมาพูดว่า การย้ายถิ่นฐานนั้นไม่ใช่ตัวเลือก แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เราอยู่รอด มีการคาดการณ์ว่าประเทศจะจมภายในปี 2050 ซึ่งเหลือเวลาน้อยมาก ๆ
อ้างอิง
Poonsub U. (นิค) เดี๋ยวธรรมชาติ ก็กวาดล้างมนุษย์เองแหละ ไม่ต้องห่วง ทุกวันนี้ที่เกิดปรากฎการณ์แปลกๆ ทางธรรมชาติก็ฝีมือมนุษย์ทั้งนั้น ไม่ต้องโทษใครอื่นหรอก... (ตายเพราะธรรมชาติ ก็ยังดีกว่าตายเพราะสงครามล่ะนะ มองโลกในแง่บวกเข้าไว้)
22 ก.ค. 2563 เวลา 10.52 น.
idom คิดไปไกลจนจิตเศร้าหมองเปล่าๆ มองโลกให้สวยงามจะดีกว่าสิ่งที่เป็นธรรมชาติมันเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วสูญสลายไปในที่สุด ทำชีวิตเราให้มีคุณค่าด้วยการสั่งสมบุญและเจริญสมาธิภาวนาให้ได้ทุกวัน นั่นแหละคือสิ่งประเสริฐที่ควรทำอย่างยิ่ง อย่าปล่อยให้เวลาสูญเสียไปอย่างไร้ค่า
19 ก.ค. 2563 เวลา 20.15 น.
Ballantine ไปเที่ยวมาแล้วทั้ง9เกาะ
18 ก.ค. 2563 เวลา 08.10 น.
สุกิติ์ กูไม่สน..อยู่ไม่ถึงวันนั้นหรอก แค่อย่าติดโควิดก็พอ
17 ก.ค. 2563 เวลา 11.29 น.
พัฒน์ เอี่ยมเอม เกาะรอบโลกจะจมครับ
17 ก.ค. 2563 เวลา 10.49 น.
ดูทั้งหมด