ไอที ธุรกิจ

10ความเสี่ยงโลก-5ความเสี่ยงไทยท้าทายศก.ปีหน้า

Businesstoday
เผยแพร่ 19 พ.ย. 2562 เวลา 02.05 น. • Businesstoday

พลันที่เข้าโค้งสุดท้ายของปีนี้ ทำให้เห็นภาพเศรษฐกิจปีหน้าชัดเจนว่าคงจะอยู่ในช่วงขาลง ทั้งหมดเป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งน่าจะยังไม่จบลงและยังยืดเยื้อไปถึงในปีหน้าจะส่งผลให้อัตราการเติบโตเศรษฐกิจปีหน้าอ่อนเปลี้ยเพลียแรง

ยิ่งเมื่อเร็วๆนี้สภาเศรษฐกิจโลก( World Economic Forum) ได้จัดทำรายงานเกี่ยวกับข้อมูลการจัดอันดับความเสี่ยงในการทำธุรกิจของภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกซึ่งในรายงานในปี 2019 นี้ ใช้สำหรับเป็นข้อมูลในการหารือของผู้บริหารจากทั่วโลกที่จะเข้าร่วมการประชุมประจำปีของสภาเศรษฐกิจโลกที่เมือง ดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่จะมีขึ้นในเดือน ม.ค. 2563

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทั้งนี้สภาเศรษฐกิจโลก ได้จัดอันดับความเสี่ยงในการทำธุรกิจทั่วโลกปี 2562 ซึ่ง10 อันดับแรก ได้แก่ 1) วิกฤติทางการเงิน 2) การโจมตีทางไซเบอร์ 3) ภาวะการว่างงาน 4) วิกฤตราคาพลังงาน 5) ความล้มเหลวของรัฐบาล 6) ความวุ่นวายทางสังคม 7) การโจรกรรมข้อมูล 8) ความขัดแย้งระหว่างรัฐ 9) การขาดโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 10) เศรษฐกิจฟองสบู่

ทีสำคัญยังได้จัดอันดับความเสี่ยงในการทำธุรกิจในไทยด้วยโดยในรายงานระบุว่าประเทศไทยต้องเผชิญ ความเสี่ยงในการทำธุรกิจ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) เศรษฐกิจฟองสบู่ 2) ความล้มเหลวของรัฐบาล 3) การโจมตีทางไซเบอร์ 4) ภัยพิบัติทางธรรมชาติและโดยมนุษย์ และ 5) ความไม่มั่นคงทางสังคม

ต้องบอกก่อนว่าการสำรวจของสภาเศรษฐกิจโลกนั้นเขาทำกันเป็นประจำทุกปีและทำกันทั่วโลกในปีนี้โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลก 12,000 กว่าคน เฉพาะในประเทศไทยมีผู้ตอบแบบสอบถามรวม 102 คน ว่าไปแล้วตามหลักในการทำการสำรวจจริงๆถือว่าจำนวนค่อนข้างน้อยอาจไม่สะท้อนความจริงในภาพรวมของสถานการณ์ปัจจุบันเท่าใดนักยิ่ง ห้วงเวลาของการสำรวจแบบสอบถามเป็นช่วงที่ประเทศไทยอยู่ระหว่างการเตรียมการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ  ย่อมมีผลต่อการตอบแบบสอบถามโดยเฉพาะในเรื่องของความเชื่อมั่นของนักธุรกิจค่อนข้างมากทีเดียว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

อย่างไรก็ตามแม้แบบสอบถามจะน้อยไปซักหน่อย ไทม์มิ่งก็อาจจะไม่ใช่ห้วงเวลาปกติ ข้อมูลจึงอาจจะคลาดเคลื่อนได้ แต่อย่างน้อยที่สุดก็สะท้อนให้เห็นว่านักธุรกิจไทยวิตกกังวลเรื่องไหนมากที่สุด อันที่จริง 5ข้อที่สภาธุรกิจโลกกลั่นจากผลสำรวจมีความใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงของไทยเวลานี้พอสมควร อย่างกรณี ความเสี่ยงว่าด้วยความล้มเหลวของรัฐบาล ซึ่งในรายงานนั้นหมายถึงระบบธรรมาภิบาล การทุจริตคอร์รัปชั่น การบริหารจัดการเชิงสถาบันมากกว่าการเจาะจงไปที่การบริหารงานของรัฐบาลในภาพรวม

เรื่องนี้สำคัญมากเพราะในสายตานักลงทุน เขาถือเป็นเรื่องใหญ่ในการตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่

บางบริษัทหรือรัฐบาลบางประเทศเขาประกาศออกมาเลยว่าจะไม่ลงทุนในประเทศที่ ไม่โปร่งใส หรือ มีปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ที่ผ่านมาไทยยังมีปัญหานี้ค่อนข้างมาก เขาจึงให้เป็นหนึ่งในความเสี่ยงของประเทศในปีหน้า

อย่างความเสี่ยงจากเศรษฐกิจฟองสบู่ เขาหมายถึงฟองสบู่จากสินทรัพย์โดยอาจจะดูจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆประกอบกับดอกเบี้ยในบ้านเราต่ำอาจทำให้นักธุรกิจมีความวิตกกังวล ได้ หรือในกรณีภัยธรรมชาติ ต้องยอมรับว่าในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาบ้านเราเจอกับวิกฤติจากภัยธรรมชาติค่อนข้างบ่อยและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งน้ำท่วมและภัยแล้งยิ่งในช่วงปีสองปีหลังนี้ ก็เจอปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งมีความรุนแรงในช่วงฤดูหนาวที่อากาศนิ่ง หรือความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่น่าห่วงทั้งสิ้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อคนข้างนอกเขาชี้ช่องให้เห็นจุดอ่อนมีอะไรตรงไหนในปีหน้าเราจะต้องเจอความเสี่ยงอะไรบ้าง ก็คงเป็นหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งทำงานเชิงรุกเพื่อลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 1
  • Wa M`Prapassaro
    คอรัปชั่นมันฝังรากลึกเดินจะถอนจากสังคมไทยซะแล้วล่ะ คนดีอยู่ยาก
    19 พ.ย. 2562 เวลา 10.01 น.
ดูทั้งหมด