พ่อเฮียตี๋ไม่เชื่อลูกชายสุดที่รักกู้เงินจากลุ่มเพื่อนมากกว่า 10 ล้านบาท ขอวอนหยุดพูดและให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
จากกรณี นายกัณตภณ แป้นวงศ์ อายุ 40 ปี หรือเฮียตี๋ เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสองกัณตภณออโต้ ตั้งอยู่เลขที่ 114 หมู่ 1 ต.จอมทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่กินยาฆ่าตัวตายแล้วใช้เตาอั้งโล่รมควันพร้อมกับคนในครอบครัว ประกอบด้วย นางสุนิสา แป้นวงศ์ มารดา นางยอดขวัญ แป้นวงศ์ ภรรยา ด.ช.รชฏ แป้นวงศ์ บุตรชาย และ น.ส.สุธิพร แป้นวงศ์ พี่สาว และสุนัขอีก 6 ตัว ทั้งหมดเสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอนของบ้านด้านหลังเต็นท์รถดังกล่าว คาดสาเหตุเกิดจากความเครียดเรื่องหนี้สินที่หยิบยืมเพื่อนฝูงมาลงทุนจำนวนหลายล้านบาท แล้วหมุนเงินไม่ทันจากพิษเศรษฐกิจจนต้องฆ่าตัวตายยกครัว สร้างความสลดหดหู่ใจให้กับผู้ที่ทราบข่าวเป็นอย่างมาก โดยนายธงชัย แป้นวงศ์ อายุ 61 ปี บิดาของเฮียตี๋ ยังไม่ปักใจเชื่อว่าบุตรชายตนเองจะลงมือฆ่าตัวตายพร้อมกับครอบครัว และไม่เชื่อว่าไปยืมเงินเพื่อนมามากมายขนาดนั้นตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 23 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ที่ศาลาการเปรียญวัดท่าตะเคียน ต.จอมทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ นายกัณตภณ แป้นวงศ์ หรือเฮียตี๋ เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสองกัณตภณออโต้ นางสุนิสา แป้นวงศ์ มารดา และ น.ส.สุธิพร แป้นวงศ์ พี่สาว ซึ่งค่ำคืนนี้ถือเป็นคืนแรกที่มีการสวดพระอภิธรรมศพ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจของบรรดาญาติสนิทมิตรสหายที่ทราบข่าว ต่างทยอยเดินทางมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก
ด้าน นายธงชัย แป้นวงศ์ หรือเฮียตี๋สั้น บิดาของเฮียตี๋ เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตนเองไม่เชื่อว่าบุตรชายจะรมควันฆ่าตัวตายแบบนี้ยังทำใจยอมรับไม่ได้ เพราะเงินลงทุนทำธุรกิจตนเองก็เป็นผู้ควักออกให้ ที่ดินก็ซื้อให้ บ้านก็ปลูกให้ ขัดสนเงินทองครั้งใดก็เข้ามาหาและหยิบยื่นให้เสมอ ไม่เคยมาปรับทุกข์เรื่องใดๆ ไม่มีลางสังหรณ์บอกเหตุมาก่อนเลย จึงไม่เชื่อว่าบุตรชายไปยืมเงินเพื่อนมาลงทุนทำธุรกิจมากมายกว่า 10 ล้านบาท อยากให้กลุ่มเพื่อนหยุดพูดและหยุดให้ข่าว เพราะไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยันชัดเจน มีการพูดจาค่อนข้างรุนแรง การให้ร้ายหมิ่นประมาทต่อหน้าศพก็ดีมีโทษถึงขั้นติดคุก แต่ตนไม่อยากเอาความใดๆ เพราะการกู้ยืมเงินไปขนาดนั้นน่าจะมีเอกสารหรือหลักฐานเก็บเอาไว้ด้วย ส่วนเรื่องการเขียนโน้ตข้อความสั่งเสียเอาไว้ในโทรศัพท์ตนเองก็ไม่เชื่อ เพราะตนเองเชื่อเหตุผลเนื่องจากความจริงพบศพช่วงเวลา 10.00 น. ของวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ทำไมถึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตอน 12.00 น. จึงยังเคลือบแคลงใจในจุดนี้ ซึ่งต้องให้เป็นเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนนางยอดขวัญ แป้นวงศ์ ลูกสะใภ้ ตนเองสังเกตเห็นความผิดปกติเพราะระยะหลังไม่ค่อยร่าเริง อาจจะเป็นในเรื่องของการทำธุรกิจเต็นท์รถที่มีการระดมทุนร่วมหุ้นกัน อาจจะไปพลาดท่าตรงไหนให้หุ้นส่วนขึ้นขี่คอขย่มได้ หรือเรียกว่าพลาดพลั้งทางธุรกิจนั่นเอง ไม่มีใครกล้าให้ยืมเงิน 10 ล้านบาท โดยไม่มีเอกสารหลักฐานแน่นอน ส่วนศพครอบครัวตนจะตั้งบำเพ็ญกุลสวดพระอภิธรรมจำนวน 3 คืน ก่อนทำการฌาปนกิจต่อไป
ขณะที่ น.ส.อัจฉรา พานทอง อายุ 43 ปี ปลัดอำเภอเมืองพิษณุโลก ซึ่งเป็นพี่สาวของ นางยอดขวัญ แป้นวงศ์ ภรรยาเฮียตี๋ และ ด.ช.รชฏ แป้นวงศ์ บุตรชาย ได้นำร่างของแม่กับลูกมาตั้งศพสวดพระอภิธรรมที่วัดธรรมจักร อ.เมือง จ.พิษณุโลก บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจท่ามกลางแขกเหรื่อมาร่วมงานจำนวนมากเช่นกัน พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้ทั้ง 2 ครอบครัว ยังมีเรื่องที่ยังติดใจและเข้าใจไม่ตรงกันแต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ส่วนใหญ่เจอน้องสาวก็จะพูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาพี่น้อง ระยะหลังสังเกตเห็นน้องสาวมีสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อถามน้องสาวก็ตอบเพียงว่าไม่สบายติดกันทั้งบ้าน ไม่ได้มีเรื่องเครียดเรื่องอื่น ส่วนเรื่องการดูแลรายรับรายจ่ายของเต็นท์รถนั้น เท่าที่ทราบจะเป็นหน้าที่ของพี่สาวเฮียตี๋เป็นคนดูแลบัญชี แต่น้องสาวของตนจะดูแลการเงินด้วยไหมไม่ทราบแน่ชัด แต่ก็มั่นใจว่าเรื่องการฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการสมัครใจเพราะว่าพบโน้ตสั่งเสียเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือของน้องสาว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ลูกน้องคนสนิทที่ดูแลเต็นท์รถยนต์มือสองให้กับเฮียตี๋ เปิดเผยว่า ธุรกิจเต็นท์รถของเฮียตี๋นั้นเริ่มแรกขายดีมาก เดือนหนึ่งจะขายรถได้มากถึง 20 คัน มีกำไรเข้ามาเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ต้องจ่ายเป็นค่าจ้างค่าลูกน้อง ค่าดูแลธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่เฮียตี๋ลงทุน คือ ร้านกาแฟ สถานตรวจสภาพรถเอกชน และส่งน้ำแข็ง ซึ่งธุรกิจเต็นท์รถมือสองเริ่มจะส่อเค้าว่าไปไม่ไหวเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพราะขายรถออกไม่ได้เลยสักคัน เฮียตี๋เครียดมากว่าไม่มีลูกค้ามาติดต่อขอซื้อรถ ทำให้ไม่มีเงินหมุนเวียนในธุรกิจ และการเงินขาดสภาพคล่องอย่างหนัก ไหนจะต้องจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยที่กู้ยืมมาจากกลุ่มเพื่อนอีกหลายคน สร้างความหนักใจกังวลใจจนต้องตัดสินใจฆ่าตัวตายกันหมดทั้งบ้านในที่สุด
ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้ไม่มีความซับซ้อน เพราะทุกอย่างที่เก็บหลักฐานได้ในที่เกิดเหตุบ่งชี้แล้วว่าเป็นการฆ่าตัวตายเอง ทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาตร์ ทั้งในเรื่องของกล้องวงจรปิดที่ถูกถอดออกตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งจะการตรวจสอบแล้วก็พบว่าทางเฮียตี๋เป็นคนให้ลูกน้องไปถอดออกเอง รวมถึงภายในบ้านก็ถูกล็อคจากข้างในทั้งประตู หน้าต่าง ห้องนอนที่เกิดเหตุก็มีกลอนล็อคจากข้างใน ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ว่าจะมีคนนอกเข้าไปก่อเหตุในลักษณะเป็นการฆาตกรรมอำพราง ส่วนเรื่องหนี้สินที่เฮียตี๋ไปขอยืมเงินจากกลุ่มเพื่อนฝูง และมรดกทรัพย์สินอื่นๆ ที่ยังเหลืออยู่ คงต้องเรียกให้ทั้งสามฝ่าย คือ ครอบครัวเฮียตี๋ ครอบครัวภรรยาเฮียตี๋ และกลุ่มเพื่อนๆ มาพูดคุยหาข้อสรุปตกลงกันอีกครั้งหนึ่งต่อไป
game phusinghospital สรุปใครจะใช้หนี้ ??
23 ก.พ. 2563 เวลา 16.41 น.
"from the inside" เงินร่วมลงทุนหรือเปล่าอาจไม่ได้กู้ แต่ร่วมลงทุน หลายคน อาจจะหลายบาท
23 ก.พ. 2563 เวลา 15.54 น.
supe®model สงสาร แต่งานศพ เฮียตี๋ เมีย และลูกไม่ได้ตั้งด้วยกัน
เพราะมีรอยร้าวสองฝั่ง
ยังไงขอให้ทั้ง11ชีวิตไปสู่ภพภูมิที่ดี
23 ก.พ. 2563 เวลา 14.12 น.
waraporn ระดมความคิดเห็นกันต่างๆนาๆ_เขาคงอยากตายกันน่ะตายแล้วพูดไม่ได_ไม่มีใครรุ้_ต้องตามไปถามกันเองถ้าใครอยากรุ้_อิๆๆ
23 ก.พ. 2563 เวลา 12.43 น.
พ่อพูดจาไม่ค่อยดีเลยนะ. ลูกคงไม่ได้บอกทุกเรื่องหรอก เพราะเห็นว่าพอไม่มีก็มาเอา ถ้าบอกหมดคงกลัวโดนด่าว่าเอาเงินไปทำไร เพื่อนบางคนให้ยืมจริงโดยไม่ทำหลักฐานให้เพราะสงสารไว้ใจ ไม่ได้คิดว่าจะตายเร็วด้วยวิธีนี้ บางคน อาจยกหนี้ให้ก็ได้เพราะไม่ได้โกงแต่ตาย เราเคยช่วยคนเป็นล้านยังไม่ทำหลักฐานเลย แต่เราโดนโกงเพราะมันไม่มีให้เพื่อนกัน แต่นั่นมันอยู่ไม่ตาย โดนหลายคนยังไม่กล้าบอกคนในครอบครัวเลยรวมแล้วหลายล้าน แต่เรื่องมาแตกตรงไปทำร้ายร่างกายเขาคนในครอบครัวก็เลยรู้พ่อพูดไม่ดีเลยนะ ระวังจะตายเพราะปาก
23 ก.พ. 2563 เวลา 11.47 น.
ดูทั้งหมด