ไอที ธุรกิจ

พานาโซนิค ผนึก จุฬาฯ-3 ยักษ์อสังหาฯ นำร่องทดลอง ‘Home IoT’

The Bangkok Insight
อัพเดต 30 ก.ค. เวลา 06.31 น. • เผยแพร่ 30 ก.ค. เวลา 06.31 น. • The Bangkok Insight

พานาโซนิค จับมือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ 3 ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ เสนา-เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง-สถาพร เอสเตท ทดลองระบบ Home IoT ร่วมสร้างนวัตกรรมที่อยู่อาศัยแบบยั่งยืน

นายมาซาอาคิ อิโซะดะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท พานาโซนิค อีเล็คทริค เวิร์คส์ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า จากวิสัยทัศน์Panasonic GREEN IMPACT ของพานาโซนิคทั่วโลก ที่มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน พานาโซนิคจึงพยายามคิดค้นนวัตกรรมที่สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้ง่ายด้วยการสร้างโซลูชั่นส์ใหม่ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ของพานาโซนิคที่มีอยู่แล้ว ให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหาคุณภาพชีวิตในที่อยู่อาศัย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
Home IoT

ทั้งนี้ โซลูชั่นส์แรกที่พานาโซนิคคิดค้น เพื่อตอบโจทย์แนวคิดข้างต้น นั่นคือ การให้เทคโนโลยีอย่าง Home IoT และ algorithm มาช่วยควบคุม โดยคาดหวังว่าผลของการวิจัยจะทำให้สามารถค้นพบสภาวะน่าสบายภายในบ้าน สำหรับคนไทยโดยเฉพาะ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่อยู่อาศัยในอนาคต ที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในประเทศไทย

นายฮิเดคาสึ อิโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อคิดค้นระบบที่สร้างความน่าสบาย ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2565 โดยมีการสร้างโมเดลที่อยู่อาศัยแบบจำลอง Zen Model ขึ้นที่ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจำลองบรรยากาศที่อยู่อาศัยในสภาวะน่าสบาย และทำการเก็บข้อมูล

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จากนั้นได้นำไปสู่การทดลองกับบ้านจริงหลังแรก ภายในบ้านตัวอย่างของ โครงการเสนา แกรนด์โฮม บางนา กม. 29 โดยร่วมกับ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป เมื่อปลายปี 2023 ที่ผ่านมา

สำหรับในปีนี้ พานาโซนิคจะเร่งเดินหน้าพิสูจน์การทำงานของระบบ ว่าสามารถเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนการลดการใช้พลังงานภายในบ้าน โดยจะทดสอบระบบในที่อยู่อาศัยจริง 12 หลัง จากบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) รวมถึง บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด ซึ่งแต่ละหลังมีการออกแบบอาคารที่โดดเด่นเฉพาะตัว ในบริบทที่ต่างกันไป เพื่อใช้ในการทดสอบ

พร้อมกันนี้ ยังได้รับความร่วมมือจาก สำนักส่งเสริมโครงการระหว่างประเทศ องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO) ประเทศญี่ปุ่น ที่ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณเพื่อช่วยผลักดันการศึกษาวิจัยให้บรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว รวมถึงความร่วมมือจาก กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ของประเทศไทย ในการสนับสนุนด้านข้อมูลพร้อมทั้งเตรียมผลักดันแนวคิดดังกล่าวนี้สู่นโยบายบ้านประหยัดพลังงานในอนาคต

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ภาครัฐไทยและญี่ปุ่น ร่วมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน

นายทาคาชิ นารุเสะ ผู้อำนวยการบริหาร สำนักส่งเสริมโครงการระหว่างประเทศ องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า NEDO มีพันธกิจหลักคือการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาในด้านพลังงาน เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มีเป้าหมายเพื่อนำผลการวิจัยมาใช้ในทางปฏิบัติและเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสังคม โดยการร่วมมือหลายประเทศ

สำหรับประเทศไทย NEDO ได้มีความร่วมมือกับภาครัฐบาลทั้ง กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการอุดมศึกษา กระทรวงวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น เพื่อดำเนินโครงการสาธิตหลายโครงการในด้านเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน พลังงานทางเลือก การลดคาร์บอน การปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาอุตสาหกรรม

การดำเนินโครงการทดลองระบบ Home IoT นับเป็นโครงการสำคัญที่จะนำไปสู่การลดใช้พลังงานในภาคที่อยู่อาศัยในประเทศไทยอย่างยั่งยืนในอนาคต NEDO จึงได้ให้การสนับสนุนในด้านงบประมาณเพื่อช่วยเร่งการทดสอบประสิทธิภาพและยืนยันความสำเร็จของระบบได้เร็วยิ่งขึ้น และผลักดันให้การอยู่อาศัยในสังคมไทยให้มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (NET ZERO society) ได้รวดเร็วมากขึ้น

ด้าน นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นการขับเคลื่อนเชิงความมั่นคงทางพลังงานที่สำคัญ เนื่องจากเป็นโครงการสาธิตเรื่องการอนุรักษ์พลังงานในภาคครัวเรือนในประเทศไทย โดยเน้นไปที่ระบบเครื่องปรับอากาศเนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่กินไฟมาก ด้วยการนำใช้เทคโนโลยี IoT มาควบคุมช่วยลดการใช้เครื่องปรับอากาศ

ขณะเดียวกัน ยังมาพร้อมกับการออกแบบพื้นที่อย่างเหมาะสม โดยยังคงรักษาและสร้างสภาวะน่าสบาย หรือ Comfort Environment ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัย สถานที่ตั้ง และรูปแบบของบ้าน โดยทางกรม ฯ จะช่วยให้คำปรึกษาด้านนโยบาย ช่วยประสานงานกับหน่วยงานอื่นและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และนำผลที่ได้จากโครงการไปขยายผลต่อรวมถึงการออกมาตรการส่งเสริมที่เกี่ยวข้องต่อไป

หากสามารถขยายผลเทคโนโลยีในเชิงพาณิชย์ได้ ก็จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศได้ ถือว่าเป็นประโยชน์ทั้งกับประเทศไทยและญี่ปุ่น และถือว่าเป็นโครงการที่มาถูกที่ถูกเวลา ช่วยลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนซึ่งตอนนี้ค่าไฟมีราคาสูงขึ้นมาก

นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับแผนอนุรักษ์พลังงานปี 2565 ของกระทรวงพลังงานที่ส่งเสริมการใช้ IoT มาช่วยเรื่องการประหยัดพลังงานในภาคครัวเรือนมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้มีการนำนวัตกรรมด้านพลังงานมาใช้ในวงการอสังหาริมทรัพย์ของไทย เพื่อร่วมกันสร้างสังคมคาร์บอนต่ำในประเทศไทย ตามกระแสโลกในปัจจุบัน

จุฬาฯ ใช้ระบบ BIM ผนึก Home IoT

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สรายุทธ ทรัพย์สุข คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า การดำเนินโครงการนี้เริ่มต้นจากสมมติฐานที่ว่าการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส อาจไม่ใช่วิธีการประหยัดพลังงานที่ดีที่สุด และไม่ใช่อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไทย

ดังนั้น จึงทำการทดลองหาค่า Predicted Mean Vote (PMV) หรือสภาวะน่าสบายของคนไทย มาตั้งแต่ปี 2022 ผ่านโมเดลที่อยู่อาศัยแบบจำลอง ZEN Model ที่มีการเขียนแบบบ้านโดยใช้ระบบ BIM (Building Information Modeling) และระบบต่าง ๆ ภายในบ้านถูกควบคุมด้วยระบบดิจิทัล Home IoT (the Internet of Things)

ปัจจุบันสามารถประมวลผลจากการทดลอง PMV ขั้นต้นได้ว่า สามารถจัดการพื้นที่ภายในบ้านให้ผู้พักอาศัยยังคงรู้สึกสบาย โดยที่ประหยัดค่าไฟได้จริง นอกจากนี้ขั้นตอนการเก็บข้อมูลและจัดการสภาวะภายในที่พักอาศัยด้วยการประยุกต์อุปกรณ์ IoT ผ่าน Platform BIM และ Digital Twin ก็ถือเป็นอีกความพยายามของทีมวิจัย เพื่อให้เกิดความยั่งยืนตามเงื่อนไขที่สามารถรักษาสภาวะดังกล่าวได้

ในการจัดการพื้นที่ภายในบ้านให้ผู้พักอาศัย จะมีการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องปรับอากาศ พัดลม สวิตซ์ และเซนเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งทํางานผ่านอุปกรณ์และระบบ Comfort Air and Home IoT ของพานาโซนิค ภายในบ้านพักอาศัยโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กสองชั้น ขนาดประมาณ 140-180 ตารางเมตร

ขณะที่อุปกรณ์ในการทดลองจะถูกติดตั้งตามการออกแบบที่เหมาะสมกับบ้านแบบต่าง ๆ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านซอฟต์แวร์ของพานาโซนิค ซึ่งส่งผลให้อาคารแต่ละหลังอาจมีจํานวน และตําแหน่งของอุปกรณ์แตกต่างกันไป โดยจะทําการทดลองเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อสังเกตประสิทธิภาพในแต่ละฤดูของประเทศไทย ซึ่งจะมีการวัดค่าและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการประสิทธิภาพการประหยัดงานของระบบ ผ่านการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิ ความเร็วลม เป็นต้น

3 ยักษ์อสังหาฯ สนับสนุนบ้าน 12 หลัง ร่วมวิจัย

ดร. เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ได้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานวิจัยเพื่อค้นหาสภาวะน่าสบายมาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โดยการให้พานาโซนิคได้ทำการทดสอบระบบในบ้านตัวอย่างของโครงการเสนา แกรนด์ โฮม บางนา กม.29 เมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นโปรเจคที่ให้คุณค่าต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

อีกทั้งยังตรงกับแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์พลังงานของ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ SENA Low Carbon ที่สนับสนุนการใช้ชีวิตแบบ Decarbonized Lifestyle ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิต ไม่เพียงแค่พัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพ แต่ยังพัฒนาสินค้า บริการ และธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกช่วงวัย ลูกบ้านสามารถใช้ชีวิตรักษ์โลกได้ง่าย ๆ และเป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ได้ให้การสนับสนุนบ้านตัวอย่าง โครงการเสนา วิลเลจ บางนา กม. 29 จำนวน 4 หลัง แบ่งออกเป็น บ้านแฝด THANN+ จำนวน 2 หลัง ขนาดประมาณ 35 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 165 ตร.ม. และบ้านทาวน์โฮม THEE+ จำนวน 2 หลัง ขนาดประมาณ 27 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม.

บริษัทฯ หวังว่าจะสามารถนำไปพัฒนาเป็นเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามแนวคิด SENA Low Carbon ทั้งในด้านประหยัดพลังงาน และความสะดวกสบายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย

นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด Home Expert Living Care ให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในโครงการเพื่อเพิ่มมูลค่าและความสะดวกสบาย รวมถึงการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม

การได้ร่วมมือกับ พานาโซนิคในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ ในการพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัยสู่ความยั่งยืน และประหยัดพลังงานเพื่อคนไทย โดยทางบริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนบ้านตัวอย่างในโครงการ บ้านฟ้ากรีนเนอรี่ NEOLA รังสิต คลอง 2 เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัย จำนวน 4 หลัง แบ่งออกเป็น บ้านแฝด Modish จำนวน 2 หลัง ขนาดพื้นที่ 39 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 140 ตารางเมตร และบ้านเดี่ยว Louis จำนวน 2 หลัง ขนาด 57 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 155 ตารางเมตร

ทางด้าน นายสุนทร สถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มอบบ้านที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ 4 หลัง จากโครงการ ดิ อิเธอร์นิตี้ กรีนวู้ด รังสิต- วงแหวน โดยเป็นบ้านเดี่ยวแบบ Companion จำนวน 1 หลัง ขนาด 53.7 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 220 ตารางเมตร และบ้านเดี่ยวแบบ Beloved จำนวน 3 หลัง ขนาด 50.6 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 185 ตารางเมตร ให้ Panasonic ได้ทำการวิจัยอย่างอิสระ เพื่อให้ได้แนวทางอันเป็นประโยชน์ต่อการอยู่อาศัยที่ดี ภาวะน่าสบาย และการบริหารจัดการพลังงานด้วยเทคโนโลยี เพื่อต่อยอดนวัตกรรมการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับประเทศไทย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

ดูข่าวต้นฉบับ