SMEs-การเกษตร

ขายผักจับฉ่าย มีให้เลือกครบทุกชนิด เติบโต 26 ปี จากมีแค่กระบะคันเก่า ทุกวันนี้มี รถสิบล้อ

เส้นทางเศรษฐี
อัพเดต 20 เม.ย. เวลา 01.18 น. • เผยแพร่ 20 เม.ย. เวลา 01.03 น.
ขายผักจับฉ่าย มีให้เลือกครบทุกชนิด เติบโต 26 ปี จากมีแค่กระบะคันเก่า ทุกวันนี้มี รถสิบล้อ

ขายผักจับฉ่าย มีให้เลือกครบทุกชนิด เติบโต 26 ปี จากมีแค่กระบะคันเก่า ทุกวันนี้มี รถสิบล้อ

เพราะเติบโตมาในครอบครัวเกษตรกร ทำให้เห็นว่าผักที่ปลูกถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง และเมื่อขายไม่ได้ก็ต้องทิ้งทั้งไร่ ทำให้ คุณพัชรินทร์ เลาหอุดมโชค หรือ เจ้ฉิม เดินหน้าหาโอกาส จนได้เข้ามาเปิดแผงขายที่ตลาดสี่มุมเมือง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จากวันแรกที่มีเพียงรถกระบะคันเก่า ปัจจุบันเป็นเวลา 26 ปี ร้านผักของเธอเติบโตขึ้น มีรถหกล้อและสิบล้อ อีกทั้งยังได้รับฉายาจากลูกค้าว่าเป็นร้านผักจับฉ่าย เพราะมีผักขายแทบทุกชนิด

เจ้ฉิม เจ้าของร้าน หมู-ฉิม ผักจับฉ่าย อายุ 44 ปี เล่าให้ฟังว่า เธอเป็นลูกเกษตรกรที่ครอบครัวยึดอาชีพนี้มาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ทำให้เห็นและชำนาญทุกขั้นตอนในเรื่องการเพาะปลูกพืชผักต่างๆ และเมื่อผลผลิตออกก็จะมีพ่อค้าคนกลางเข้ามาติดต่อที่สวนของแม่ มีทั้งขายได้ราคาดีบ้างไม่ดีบ้างสลับกันไป หากขายไม่ได้ ต้องทิ้งทั้งไร่ก็มี ซึ่งคนปลูกก็หวังอยากให้ราคาดีตลอด ในตอนนั้นจึงเริ่มคิดอยากนำผลผลิตของแม่ไปขายเอง

“ตอนนั้นบอกตามตรงว่าไม่รู้จักแหล่งหรือตลาดรองรับผลผลิตเลย จนได้คำแนะนำจากเฮียหมู (สามี) นี่ละ ก่อนแต่งงานรู้จักกันเพราะเฮียหมูเข้ามารับผักที่สวนไปขายตามตลาดต่างๆ ทำให้เขามีข้อมูลและรู้ดีว่าตลาดไหนขายดีไม่ดียังไง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ตอนนั้นก็ชวนกันมาลองขายที่ตลาดสี่มุมเมือง พอเข้ามาขายที่นี่บอกได้เลยว่าพลิกชีวิต 26 ปีที่แล้วเริ่มจากมีแค่รถกระบะคันเก่าๆ คันเดียวเข้ามาขาย ปัจจุบันมีทั้งรถหกล้อ รถสิบล้อ เราขายดีมากๆ ในทุกๆ วัน ธุรกิจก็เติบโตขยับขึ้นทุกปี และประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน” เจ้ฉิม เล่าให้ฟังถึงความสำเร็จ

ก่อนเล่าต่อว่า

ชื่อร้านหมู-ฉิม ผักจับฉ่าย คือฉายาที่ลูกค้าตั้งให้ นั่นเป็นเพราะนึกถึงเจ้ฉิมเมื่อไหร่ ต้องนึกถึงต้มจับฉ่าย 1 หม้อ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

“ในต้มจับฉ่ายร้านเจ้มีขายทุกผัก เพราะเป็นเกษตรกรจากจังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดในภาคกลางที่มีดินที่สามารถปลูกผักได้เกือบทุกอย่าง ก็เลยปลูกผักที่กินง่ายขายง่าย ตลาดมีความต้องการ ตั้งแต่ กวางตุ้งใบ คะน้า กะเพรา โหระพา มะเขือลาย มะเขือเหลือง ต้นหอม ผักชีไทย-ลาว ตั้งโอ๋ กะหล่ำปลี ใบกุยช่าย ดอกกุยช่าย มะละกอ หัวไชเท้า ถั่วฝักยาว ใบยี่หร่า ชะอม ผักขะแยง ฯลฯ

ซึ่งตัวเองเป็นทั้งเกษตรกรและผู้รวบรวมผักจากในพื้นที่ใกล้เคียงหรือลูกสวนที่มาฝากขาย โดยวิ่งรับผักอยู่ 3 จังหวัด คือ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี และจังหวัดนครปฐม ฯลฯ เพื่อมาขายที่ตลาดสี่มุมเมือง มาขายรอบหนึ่ง 2 คัน ปริมาณผักจะอยู่ที่ประมาณ 18 ตันต่อวัน

แต่ถ้าเกษตรกรสนใจอยากให้เจ้รับผักมาขายให้ ก็ลองติดต่อมาคุยรายละเอียดกันก่อนได้ เพราะในบางพื้นที่เจ้ไม่ได้เข้าไปรับเองที่สวน แต่จะมีจุดให้นำผักมารวมไว้แล้วเจ้เข้าไปรับอีกที” เจ้ฉิม เล่าเสริม

ผัก ร้านหมู-ฉิมผักจับฉ่าย ต่างจากเจ้าอื่นอย่างไร

ผักของร้านเจ้ฉิม มี 5 อย่างที่คิดว่าต่างจากเจ้าอื่น อันดับแรก คือซื้อกับเจ้ไม่มีคำว่าแพง เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านคือพ่อค้าแม่ค้า เจ้ฉิมจึงขายในราคาที่ลูกค้าสามารถไปต่อได้ง่าย หากตั้งราคาแพงหรือสูงจะทำให้ไปต่อยาก โดยเน้นขายให้ได้ปริมาณมาก เพื่อให้มีกำไร

2. ผักดีมีคุณภาพ เจ้ฉิมการันตีด้วยการเปิดร้านมานานถึง 26 ปี ถ้าสินค้าไม่ดีจริงอยู่ไม่ได้ ทางร้านจะไม่มีการยัดไส้ผสมเกรดขายลูกค้าแน่นอน

3. ความต่อเนื่องของสินค้า เจ้ฉิมไม่เคยมีวันหยุด ลูกค้าสามารถเชื่อใจได้ บางคนมีร้านอาหาร ถ้าร้านหยุดไปก็จะทำให้เดือดร้อนต้องไปเดินหาซื้อเจ้าอื่น และร้านเองจะเสียลูกค้า ดังนั้น จึงต้องมีผักขายทุกวัน

4. ซื้อที่เจ้ผักได้ครบทุกอย่าง ร้านหมู-ฉิม ผักจับฉ่ายมีผักขายครบทุกอย่าง เรียกว่ามาที่เดียวได้ครบ และอันดับสุดท้าย ไม่กดราคาลูกสวน เพราะทุกวันนี้เจ้ฉิมยังเป็นเกษตรกรเอง จึงรู้ดีว่าขายแล้วขาดทุนมันช้ำใจมากขนาดไหน เพราะฉะนั้น จะไม่มีวันกดราคาเกษตรกร

“ทั้ง 5 ข้อ มันทำให้ครบวงจรธุรกิจในตัวมันเอง เราไม่กดราคาเกษตรกร เขาก็อยากขายให้เรา และเราก็มีของมาขายได้ทุกวัน พอของมีต่อเนื่องแล้วเราขายไม่แพง ก็มีลูกค้าประจำ และลูกค้าก็ไปบอกปากต่อปาก ทำให้มีลูกค้าใหม่แวะมาซื้อ ขายของได้เยอะขึ้น เวลา 26 ปี เราทำแบบนี้มาตลอด มันเป็นการทำธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน”

ปัจจุบันร้านหมู-ฉิม ผักจับฉ่าย มีลูกค้าประจำทั้งรายใหญ่และรายย่อย ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน หรือเรือนจำละแวกปริมณฑลก็มารับผักจากร้านของเธอไป ส่วนรายย่อยรองลงมาคือกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าจากตลาดสด รถเร่ ก็มารับผักราคาส่งจากที่นี่เช่นกัน เพื่อนำไปจำหน่ายในราคาปลีกอีกที

“ปริมาณผักที่ขายได้ประมาณ 540 กว่าตันต่อเดือน ส่วนรายได้ที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านกว่าบาทต่อเดือน ค่าใช้จ่ายหลักๆ ก็พวกค่าขนส่ง ค่าน้ำมันที่แพงขึ้น แต่เราก็ไม่ได้เอาไปขึ้นราคาสินค้ามากนัก อะไรพยุงได้ก็ช่วยๆ กัน จะได้รอดไปด้วยกัน”

มือใหม่อยากรับผักไปขาย ทุนน้อยเริ่มต้น 1,000 บาท

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าคนไหนที่อยากรับผักไปขาย หากมีทุนน้อย ให้ตั้งตัวเลขกลมๆ ที่ 1,000 บาท หากมาซื้อที่ร้านหมู-ฉิม ผักจับฉ่ายจะได้ผักหลายอย่าง แต่ทั้งนี้ ต้องดูรอบหรือวันนั้นๆ ด้วยว่าผักชนิดไหนมาแพง ผักชนิดไหนมาถูก เพราะราคาผักในแต่ละรอบอาจจะไม่เท่ากัน

โดยสามารถแวะมาคุยมาปรึกษากันก่อนได้ และอยากแนะนำให้ซื้อพวกผักใบจะดีกว่า เช่น ผักชี, ผักบุ้ง, ผักคะน้า, พริก, กะเพรา, โหระพา, แมงลัก, ผักกวางตุ้ง เป็นต้น เพราะเป็นผักที่ขายง่าย และจะต้องมีติดบ้านแทบทุกบ้านอยู่แล้ว ทำให้ซื้อง่าย ขายง่าย และได้กำไร

สนใจสั่งสินค้า ติดต่อ เจ้ฉิม หรือ หมู-ฉิม ผักจับฉ่าย ขายท้ายรถ ป้าย 52 ฝั่งสะพาน ตลาดสี่มุมเมือง เข้ารอบ : 22.00-07.30 น. เบอร์โทร. 086-161-2504

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2566

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ขายผักจับฉ่าย มีให้เลือกครบทุกชนิด เติบโต 26 ปี จากมีแค่กระบะคันเก่า ทุกวันนี้มี รถสิบล้อ

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.sentangsedtee.com

ดูข่าวต้นฉบับ