ยานยนต์

แนะนำวิธีขับรถยนต์ไฟฟ้าช่วงหน้าฝนอย่างปลอดภัยเต็มที่

AutoFun Thailand
อัพเดต 18 ต.ค. 2566 เวลา 00.00 น. • เผยแพร่ 03 ก.ย 2566 เวลา 12.41 น. • May
เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ถนนหนทางอาจเปียกแฉะไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหมาะกับการออกไปท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างออกไป

เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ถนนหนทางอาจเปียกแฉะไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหมาะกับการออกไปท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างออกไป

Great Wall Motor หรือ GWM แนะนำมีข้อแนะนำในการขับขี่ รวมถึงสิ่งที่ควรทำและควรระมัดระวัง เพื่อเพิ่มความสบายใจและความปลอดภัยสำหรับในทุกการเดินทางในช่วงฝนตก พร้อมกับเน้นย้ำว่ารถยนต์ไฟฟ้าตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบและในทุกฤดูกาล

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ตรวจสอบความพร้อมของรถยนต์คู่ใจก่อนล้อหมุน

ก่อนเดินทางไม่ว่าจะระยะทางใกล้หรือไกล หรือในฤดูกาลไหนก็แล้วแต่ GWM แนะนำให้ผู้ขับขี่ทุกคนตรวจสอบความพร้อมของรถยนต์ให้มั่นใจก่อนสตาร์ท ไม่ว่าจะเป็น ระบบไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณต่าง ๆ สภาพของยางปัดน้ำฝน ระดับน้ำฉีดกระจก ระบบเบรก สภาพยางรถยนต์ หรือ แบตเตอรี่ของรถยนต์ เพราะองค์ประกอบเล็ก ๆ เหล่านี้ล้วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับขี่ในช่วงหน้าฝน ยกตัวอย่างเช่น หากลมยางอ่อนและสภาพดอกยางที่เหลือน้อยเกินไป จะทำให้ยางรีดน้ำได้น้อย และทำให้รถลื่นไถลได้ง่าย

เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ถนนหนทางอาจเปียกแฉะไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหมาะกับการออกไปท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างออกไป
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หลีกเลี่ยงการขับด้วยความเร็วสูง และเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าเมื่อขับขี่

ได้เวลาล้อหมุน ผู้ขับขี่ควรหลีกเลี่ยงการขับชิดท้ายคันหน้าจนเกินไป ควรเว้นระยะห่าง 3-4 เมตรเพื่อความปลอดภัย รวมถึงควรลดระดับความเร็วที่ใช้เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ยิ่งในหน้าฝน วิสัยทัศน์และความสามารถในการมองเห็นจะลดลงเป็นอย่างมาก แนะนำให้รักษาความเร็วในการขับขี่อยู่ที่ประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยในขณะเข้าโค้ง โดยกล้องจะตรวจสอบความโค้งของถนนและปรับความเร็วอัตโนมัติเมื่อจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย เมื่อแล่นผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่กำหนดไว้ ปลอดภัยและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการขับขี่ผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวสลับซับซ้อนของเนินเขา

อุ่นใจแม้จะเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

บางครั้งการขับขี่ในช่วงหน้าฝน ผู้ขับขี่อาจเจอเหตุการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งจากคนเดินถนน มอเตอร์ไซด์ หรือแม้แต่รถยนต์ด้วยกัน ในกรณีเหตุสุดวิสัย ฟังก์ชันอัจฉริยะต่าง ๆ ที่อยู่ในรถยนต์ก็มีส่วนสำคัญและมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ที่ช่วยตรวจจับรถยนต์ทั้งทางตรงและทางแยก รวมถึงคนที่เดินถนน เมื่อเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก ให้คุณอุ่นใจหายห่วงในทุกทางแยก หรือในขณะที่เร่งแซง ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) จะช่วยตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว เพื่อรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสม และกลับสู่เลนเดิมโดยอัตโนมัติเมื่อขับผ่าน เพื่อให้การเร่งแซงรถคันใหญ่มีความปลอดภัยมากขึ้น

นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ควรระมัดระวังสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นหรือรถยนต์ที่อยู่รอบข้าง หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) จะช่วยหลีกเลี่ยงการชน หากมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) ช่วยตรวจสอบรถในเลนที่ติดกัน รวมถึงระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (LSEB) ที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย

เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ถนนหนทางอาจเปียกแฉะไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหมาะกับการออกไปท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างออกไป

ไปไหนไปกัน ทางชันหรือน้ำขัง ก็พร้อมลุย

GWM ออกแบบฟังก์ชันการขับขี่ที่ตอบโจทย์การเดินทางไกลบนพื้นที่สูง ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) โดยใช้เบรกช่วยควบคุมความเร็วขณะขับบนทางลาดชัน เพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการบังคับพวงมาลัย และยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) เมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน โดยเบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง ทั้งนี้ เมื่อฝนตกถนนจะลื่นจึงมีระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและป้องกันการลื่นไถล (Traction Control) ที่ช่วยควบคุมการทำงานของล้อทั้งสี่ล้อให้หมุนไปอย่างสัมพันธ์กัน ป้องกันการลื่นไถล และช่วยควบคุมรถไม่ให้เสียหลักในขณะที่เข้าโค้ง

และหากเจอฝนตกหนักต้องลุยน้ำ หากเป็นรถยนต์เครื่องยนต์ไฮบริด หรือ ปลั๊กอินไฮบริด เพียงเปิด “โหมดลุยน้ำ” เพื่อตัดการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า และใช้มอเตอร์เครื่องยนต์แทน ให้รถสามารถลุยน้ำได้แม้เจอน้ำท่วมขังหลังฝนตกหนัก สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่างรุ่น ORA Good Cat นั้นสามารถขับลุยน้ำได้ในระดับน้ำสูงถึง 40 เซนติเมตร และแบตเตอรี่สามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP67 อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ควรประเมินระดับน้ำอย่างระมัดระวัง หากระดับน้ำเกิน 40 ซม. ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางจะดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของแบตเตอรี่ที่อยู่ใต้ท้องรถที่อาจเกิดการกระแทกจากสภาพถนนที่มองไม่เห็น

แวะจอดจุดพักรถเมื่อฝนตกหนักจนทัศนวิสัยยากต่อการมองเห็น

เมื่อฝนตกกระหน่ำจนไม่สามารถมองเห็นทัศนวิสัยได้ไกลเกิน 10 เมตร ผู้ขับขี่ควรแวะจอดพักเพื่อรอให้ฝนซาลงเสียก่อน โดยก่อนจะจอด แนะนำให้ตรวจสอบทัศนวิสัยรอบด้านให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งกีดขวาง หรือรถยนต์ที่อาจวิ่งสวนมาข้างหลัง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ สำหรับรถยนต์ของ GWM มีระบบช่วยจอดอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ที่ใช้เซนเซอร์และกล้องรอบคันในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเส้นบริเวณช่องจอดรถหรือจุดจอดรถ ช่วยให้การเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียงเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่งเองโดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งซ้ายและขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอด เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการชน

เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ถนนหนทางอาจเปียกแฉะไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหมาะกับการออกไปท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างออกไป

เมื่อแบตเตอรี่รถยนต์ต่ำ ก็สามารถพักชาร์จระหว่างฝนตกได้แบบไร้กังวล

ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถพารถยนต์คู่ใจไปสู่จุดหมายได้อย่างสบายใจ เพราะปัจจุบันมีหลากหลายสถานีชาร์จกระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่ง GWM ได้ขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จเร็ว (DC Fast Charge) เพิ่มขึ้นเป็น 19 แห่งทั่วประเทศภายในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และจะเดินหน้าขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าดังกล่าวตาม Partner Store ของ GWM ให้ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 55 แห่งภายในปี 2566 นอกจากนี้ ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถค้นหาสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้มากถึง 700 สถานีของสถานีชาร์จสาธารณะทั่วประเทศได้ใน GWM Application ที่รวมสถานีชาร์จอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จเร็ว หรือ DC Fast Charge ทั้งของ GWM และค่ายอื่น ๆ ได้แก่ EA, EGAT, PEA, SHARGE, EV Station PluZ, Evolt, ESPRO Noodoe, MEA, และ HAUP ไว้

โดยผู้ขับขี่สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างไร้กังวล เพราะแท่นชาร์จไฟฟ้านั้นมีระบบป้องกันน้ำที่สามารถระบายน้ำได้อย่างทันท่วงทีและทำให้ไม่มีน้ำค้างอยู่ที่บริเวณหัวประจุ รวมถึงมีระบบตัดไฟรั่วและลงสายดินเพื่อป้องกันการลัดวงจร นอกจากนี้ ตัวรถยนต์ยังสามารถป้องกันน้ำฝนกระเด็นเข้าไปยังขั้วชาร์จไฟฟ้าเพราะมีซีลกันน้ำ รวมถึงระบบเซนเซอร์ที่จะตัดกำลังไฟฟ้าทันทีหากมีกระแสไฟรั่วไหลในวงจร แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าควรตรวจสอบความพร้อมของสถานีชาร์จไฟฟ้า หัวประจุ และสายไฟทุกครั้ง รวมถึงเช็ดทำความสะอาดบริเวณจุดที่ชาร์จให้แห้งทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ดูข่าวต้นฉบับ

ดูบทความอื่นๆ จาก AutoFun Thailand

ย้อนประวัติ GM รีคอลล์รถครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์มากกว่า 30 ล้านคัน สูญเงินถึง 900 ล้านดอลล่าร์
AutoFun Thailand
เปิดไฟตัดหมอกตอนฝนตก ไม่ได้ช่วยให้มองทางชัดขึ้น แถมแยงสายตาคนอื่นและโดนปรับด้วย
AutoFun Thailand
คุ้มค่าหรือไม่ เปลี่ยนแบต Hybrid ในรถ Toyota Camry มีค่าซ่อมเท่ากับราคามือสองรถทั้งคัน
AutoFun Thailand
Peugeot 505 รถบ้านยุคเก่า มีชิ้นส่วนหนึ่งที่ช่วยรถสปอร์ต Aston Martin Vantage ให้แจ้งเกิดได้
AutoFun Thailand
เปิดเบื้องหลังการซ่อมตัวถังรถหรูในไทย วิธีพ่นและอบสีร้อน ไม่กระทบแบต Hybrid เหมือนใหม่จากโรงงาน
AutoFun Thailand
Mitsubishi ลงทุนผลิตเครื่อง 4N16 Hyper Power ใหม่ ให้ใช้งานได้เกิน 400,000 กม.ขึ้นไป
AutoFun Thailand