สวมหน้ากากอนามัยแบบไหน ปลอดภัยจากโควิด-19 “โอมิครอน”

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สื่อต่างประเทศรายงานว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) กำลังพิจารณาแก้ไขข้อแนะนำเกี่ยวกับการใช้หน้ากากอนามัยในการป้องกันโควิด-19 จากอัตราการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนที่พุ่งสูง โดย CDC อาจแนะนำให้ประชาชนใช้หน้ากากอนามัยชนิด N95 แทนเพราะมีประสิทธิภาพสูงกว่า

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวกลายเป็นคำถามที่ทั้งประชาชนในสหรัฐฯ และทั่วโลกให้ความสนใจว่า เราต้องเปลี่ยนหน้ากากอนามัยจริงหรือ?

ฮ่องกงพัฒนาหน้ากากอนามัยที่ “ฆ่าเชื้อโควิด-19” ได้ใน 10-20 นาที

คาด CDC แนะใส่หน้ากาก N95 กันโอมิครอน

แพทย์ยัน หน้ากากผ้าป้องกัน "โอมิครอน" ได้แต่ต้องเลือกผ้าฝ้ายมัสลิน

นักวิทยาศาสตร์และแพทย์หลายคนกล่าวว่า หน้ากากผ้าซึ่งประชาชนในสหรัฐฯ นิยมใช้กันมากกว่าหน้ากากอนามัยนั้น อาจไม่เพียงพอต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โอมิครอน รวมถึงสายพันธุ์อื่น ๆ ที่แพร่กระจายอย่างได้รวดเร็ว ดังนั้นผู้ที่ใช้หน้ากากผ้าควรเปลี่ยนไปใช้ตัวเลือกอื่นที่ปลอดภัยกว่า

โดยคำแนะนำล่าสุดของ CDC คือ “แนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากป้องกันที่ดีที่สุดที่คุณสามารถสวมใส่ได้พอดีและสวมใส่ได้อย่างสม่ำเสมอ”

CDC ตั้งข้อสังเกตว่า หน้ากากอนามัยบางชนิด ให้การป้องกันได้มากกว่าหน้ากากแบบอื่น และพบว่า หน้ากากผ้าที่ทอแบบหลวม ๆ ให้การป้องกันโควิด-19 น้อยที่สุด หน้ากากผ้าเป็นหน้ากากที่หลายคนชอบใส่ เพราะใส่สบายและเป็นเรื่องของแฟชั่น แต่มันสามารถป้องกันได้เพียงละอองขนาดใหญ่ แต่ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันละอองลอยขนาดเล็กหรืออนุภาคที่นำพาไวรัส

ในขณะที่ “หน้ากากที่ทอละเอียดเป็นชั้น ๆ” ให้การปกป้องได้มากกว่า โดยเฉพาะหน้ากาก N95 ให้การป้องกันสูงสุด

หน้ากาก N95 ซึ่งได้รับการรับรองโดยสถาบันความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติสหรัฐฯ รวมถึงโดยหน่วยงานสาธารณสุขของหลายประเทศทั่วโลก มีข่ายเส้นใยที่หนาแน่นกว่าหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Surgical Mask) หรือหน้ากากผ้า

ข่ายเส้นใยที่แน่น บวกกับประจุไฟฟ้าสถิตในวัสดุ ทำให้หน้ากากดังกล่าวมีประสิทธิภาพสูงสุดในการดักจับละอองที่ผู้สวมใส่หายใจออก และป้องกันการสูดดมอนุภาคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายได้ดี ดังนั้น จึงน่าจะสามารถป้องกันการติดเชื้อและแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ดีกว่า

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่า หน้ากากอนามัยบางชนิดมีประสิทธิภาพมากกว่าหน้ากากแบบอื่นในการป้องกันผู้คนจากสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำหน้าให้มีการใช้หน้ากากคุณภาพสูงเช่น N95 หรือตัวเลือกอื่นที่คล้ายคลึงกัน ตรงกับที่ CDC แนะนำ

ทั้งนี้ ไม่ว่าประชาชนจะเลือกหน้ากากแบบใด CDC กล่าวว่า ควรมีขนาดที่พอดีและสบายพอที่จะสวมใส่อย่างสม่ำเสมอ และเน้นย้ำว่า การสวมใส่หน้ากากใด ๆ ก็ยังดีกว่าการไม่ใส่หน้ากากเลย

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำเพิ่มเติมว่า หากไม่สามารถหาหรือใส่หน้ากาก N95 ได้ แพทย์ก็แนะนำให้ใส่หน้ากาก KN95, KF94 และ FFP2 แทนได้

ประการสำคัญที่ประชาชนต้องระลึกและให้ความสำคัญคือ ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้ากากที่ใส่พอดีกับใบหน้า เพราะหน้ากากที่พอดีสามารถให้การป้องกันที่ยาวนาน

ขณะที่ในส่วนของหน้ากากอนามัยที่นิยมใช้ในไทย ทำจากโพลีโพรพีลีนซึ่งมีลักษณะประจุไฟฟ้าสถิตที่สามารถป้องกันไวรัสได้ แต่ข้อเสียของหน้ากากอนามัยคือมักใส่ได้ไม่พอดี ทำให้เกิดช่องว่างที่อนุภาคไวรัสสามารถเล็ดลอดเข้าสู่ร่างกายได้

แพทย์แนะนำว่า หากมีแต่หน้ากากอนามัยปกติ ให้หาหน้ากากผ้ามาสวมทับ เพื่อให้หน้ากากมีความกระชับมากขึ้น แต่หากสวมหน้ากาก N95 ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอื่นทับ

เรียบเรียงจาก Wall Street Journal

ภาพจาก AFP