วันนี้ (24 ม.ค.2562) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระ ทรวงสาธารณสุข เปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับกระทรวง (EOC) ประสานการทำงานกับ กรุงเทพมหานคร กรมควบคุมมลพิษอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากปัญหาฝุ่น PM2.5 สื่อสารแจ้งเตือนประชาชน จัดทำแนวทางการดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยง
โดยจัดทีมแพทย์ลงพื้นที่ให้ความรู้แก่ประชาชนในการปฏิบัติตน และการป้องกันตนเองรวมทั้งแจกหน้ากาก โดยเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติงานกลางแจ้ง เช่น ตำรวจจราจร แม่ค้าริมถนน คนงานก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีค่าเฉลี่ยประจำวันสูงเกิน 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือระดับสีแดง ต้องเน้นให้ป้องกันตนเองให้มากขึ้น
นอกจากนี้กรมควบคุมโรคเฝ้าระวังการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยใน 3 โรค ได้แก่ โรคหอบหืด ถุงลมโป่งพอง หลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน สำหรับมาตรการทางกฎหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข
กระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่ปิดร.ร.พื้นที่เสี่ยงรับฝุ่น
ขณะที่โรงเรียนบางแห่งได้มีการปรับเปลี่ยนการเรียนการสอน งดกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเพิ่มกิจกรรมในห้องเรียนให้มากขึ้น แต่กระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่มีคำสั่งหยุดเรียนจากปัญหาฝุ่นละออง และให้ผู้บริ หารโรงเรียนพิจารณาตามความเหมาะสม
ไทยพีบีเอส ลงพื้นที่โรงเรียนอนุบาลบรรลือทรัพย์ 2 จ.นนทบุรี พบว่าเด็กชั้นอนุบาล 1 เรียนรู้วิธีใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นละออง โดยเฉพาะในช่วงที่เดินทางมาโรงเรียนและกลับบ้าน นอกจากนั้น ครูยังให้เด็กล้างมือบ่อยๆ หมั่นทำความสะอาดพื้นเพื่อลดการสะสมของฝุ่นละออง
น้ำผึ้ง บรรลือทรัพย์ ผู้อำนวยการ ร.ร.อนุบาลบรรลือทรัพย์ 2 ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลบรรลือทรัพย์
2 บอกว่า ขณะนี้ งดกิจกรรมหน้าเสาธงและกิจกรรมกลางแจ้งของเด็กทุกชั้นเรียน ตั้งแต่เตรียมอนุบาล ถึงชั้นอนุบาล 3 เพราะแม้การเล่นสนุกในสนาม จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการตามวัย เสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่
แต่เมื่อสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยก็ต้องปรับเปลี่ยนกิจกรรมเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพเด็กเล็ก โดยเพิ่มกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะในห้องเรียนให้มากขึ้นและเห็นด้วยหากโรงเรียนในเขตพื้นที่ค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานหยุดเรียน 2-3 วัน แต่หากระยะเวลามากกว่านั้น อาจกระทบกับการเรียน
ด้านศ.พญ.อรพรรณ โพชนุกูล ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านโรคภูมิแพ้ โรคหืด และโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เสนอว่า โรงเรียนที่อยู่ในเขตค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เป็นสีแดงและสีส้มควรหยุดเรียน
ขณะเดียวกันภาครัฐควรออกมาตรการสำหรับโรงเรียน เช่น งดจอดรถสะสมหนาแน่นหน้าโรงเรียน ห้ามรถบรรทุกหรือรถขนาดใหญ่วิ่งผ่านโรงเรียน เพราะฝุ่นละอองขนาดเล็กมีผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจ และกระตุ้นโรคหอบหืดให้กำเริบ
ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการและกรุงเทพมหานคร ยังไม่มีคำสั่งให้โรงเรียนในสังกัดหยุดเรียนจากปัญหาฝุ่นละออง แต่ให้ผู้บริหารโรงเรียนพิจารณาลด งด หรือหยุดกิจกรรมทางการศึกษา หากค่าฝุ่นละอองอยู่ในเกณฑ์ที่ส่งผลต่อสุขภาพ
🐹🐹🐹🐹🐹 สั่งหยุดงานทั่วกทม ไปเลย
พร้อมห้ามรถส่วนตัวทุกปะเภทวิ่งสัก2วัน
ยกเว้นรถทะเบียนขนส่งรับจ้าง รถสาธารนะ
แค่นี้ก้อลดฝุ่นไปได้เยอะแล้วไม่มีฝุ่นมาเพิ่มเติม ลมก้อจะพัดพาฝุ่นออกไปเอง ค่าอากาสก้อจะดีขี้นทั้งฝุ่นและแก๊สคาบอนไมอนน้อกไช จากควันรถ
กล้าออกพระราชกำหนดกันรึป่าวเหรอเกรงใจนายทุนถ้าแค่ขอความร่วมมือมึงก้อไม่ต้องทำหลอกไอ้นายทุนนายจ้างเหนแก่ตัวมันเยอะไม่ยอมให้ลุกจ้างหยุดหลอกเว้ย
24 ม.ค. 2562 เวลา 12.08 น.
น.อ.ปุณณรัตน์ จงรักษ์ หยุดเรียนไปเทอะครับ(3-4วัน)กับปัญหาฝุ่น หรือต้องให้เกิดเรื่องกับเด็กๆเป็นไรกันไปก่อนถึงจะคิดได้กันครับ
24 ม.ค. 2562 เวลา 15.13 น.
GiFT ต.หนองหญ้า อ.เมือง กาญจนบุรี มันแย่ยิ่งกว่า กทม.อีก ค่าpm2.5 ทั้งคืน อยู่ที่300กว่า ปิดประตูบ้านมิดชิดยัง 150กว่า รร.ในเมืองค่าpm2.5 ค่า 200 ข้างบ้านเผาถ่านค่า pm2.5ขึ้นไป 500กว่า
24 ม.ค. 2562 เวลา 13.21 น.
ดูทั้งหมด