ถ้าให้พรรณนาเป็นหนังจีนกับการล่องยุทธจักรของ ลิเวอร์พูล ก็คงไม่ต่างอะไรกับเดินทางข้ามภูเขานับ 10 ลูก ผ่านศัตรูมาตลอดทางอย่างโชกโชน
แต่จู่ๆมาธาตุไฟเข้าแทรกเลือดกลบปากเพียงเพราะถูกยุงกัดเป็นไข้มาเลเลีย!!
การเสมอ เบิร์นลีย์ แบบน่าจะปิดเกมได้ตั้งแต่ครึ่งแรกทำให้ “หงส์แดง” พลาดสถิติชนะในบ้านทุกนัดและหยุดตัวเลขชนะรวดใน แอนฟิลด์ ไว้ที่ 24 นัด
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ ไม่ต้องใครเลยครับ นิค โป๊ป ผู้รักษาประตูทีมเยือนที่วันนี้เซฟลูกควรเข้าหากเป็นวันอื่นไม่ต่ำกว่า 3-4 หน ปฏิกริยาไวและอ่านทางบอลเก่งมาก ที่เหลือก็เป็นฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่ยิงเบา ยิงแป๊กพลาดกันไปเอง
สถิติล่อเป้ายิง 23 หนเข้ากรอบ 9 และเป็นประตูลูกเดียวแสดงให้เห็นถึงความป้อแป้ไม่เด็ดขาดและทำให้ลูกทีมของ ฌอน ไดซ์ ที่มีโอกาสยิงแค่ 6 เข้ากรอบ 2 เปลี่ยนเป็นประตูสำคัญได้
เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงลูกเข้าข้อของ “กรีนวู้ด” ขึ้นมาจับใจจริงๆครับ!!
เอาจริงๆเกมนี้ ลิเวอร์พูล น่าจะแพ้คาบ้านด้วยซ้ำจากการที่ทุกคนดันสูงจะเอาประตูชัยจนทีมเยือนได้ขึงอยู่พักนึงและยิงชนคานจนสะท้านไปถึงตาตุ่ม
แรงจูงใจในการทำสถิติชนะทุกนัดในบ้านของนักเตะ “หงส์แดง” ผมว่ามันก็มีนะแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการได้แชมป์ตั้งแต่ไก่โห่มันก็ดึงให้ความจริงจังลดลงไม่มากก็น้อย
เราจึงได้เห็นนักเตะที่ฝืนยิงฝืนเล่นในหลายๆจังหวะทั้งๆที่เพื่อนอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าทั้ง มาเน่ ที่วันนี้เหมือนแกมาเล่นแบบชิวๆชมนกชมไม้ ส่วน โม ซาลาห์ ก็ฝืนยิงทุกๆจังหวะแม้กระทั่งเท้าข้างไม่ถนัด
แต่ที่ไม่เกี่ยวกับผลเสมอวันนี้โดยตรงแต่ก็ชวนหงุดหงิดเหมือนเป็นที่ระบายของแฟนบอลก็คงไม่พ้น โจ โกเมส ที่ครั้งนึงเหมือนจะปักหลักเป็นนักเตะในระดับ top ได้แต่ท้ายที่สุดยิ่งดูเราเห็นได้เลยว่าขาดศักยภาพที่ว่าคือความนิ่ง(หยาบๆหน่อยก็คือล่กนั่นเอง) เป็นแบบนี้เรื่อยๆจะกลายเป็นมาตรฐานของตัวเองและลงเอยด้วยการเป็นผู้เล่นดาดๆคนนึง
เราได้เห็นการเสียบอลแบบไม่น่าเสียของ “โกเหม่อ” ทั้งๆที่ทีมกำลังตั้งเกมนวดอย่างหนักจนเสียฟาวล์ถูกเผาเวลาไปแบบไม่สมควร
ในขณะที่ประเด็นที่ชาวเน็ตพูดถึงกันจังหวะที่ โรเบิร์ตสัน โดนเตะหัวทิ่มในเขตโทษแต่ก็เป็นอีกครั้งที่หลายคนตั้งคำถามว่าเราควรเรียกดู VAR ตอนไหนหรืออยากเรียกตอนไหนเดี๋ยวกูเรียกเอง?
ผมถึงบอกไงครับว่าทีมงานของ พรีเมียร์ลีก ควรต้องพัฒนาตัวเองให้ทันด้วยหากคิดจะใช้เทคโนโลยี มีปัญหาอยู่ลีกเดียวจริงๆครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นประเด็นพวกนี้อาจจะเบาบางจนไม่น่าถูกพูดถึงด้วยซ้ำหากการจบสกอร์ของแข้ง “หงส์แดง” เด็ดขาดมากกว่านี้
ผมขอพูดถึงเรื่องการจัด 11 ตัวจริงของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในเกมนี้น่าสนใจตรงที่ส่งทั้ง เนโก้ วิลเลี่ยมส์ และ เคอร์ติส โจนส์ ลงตั้งแต่ต้นเกม
ในรายเจ้าหนู เนโก้ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจิตวิทยาหรือไม่เพราะนัดที่พบ ไบรจ์ตัน ถูกโยกไปเล่นแบ็คซ้ายและถูกเปลี่ยนตัวออก (เนื่องจากติดใบเหลือง)
ฟอร์มโดยรวมในเกมนั้นก็เจอเผาเครื่องหลุดตำแหน่งไปหลายหนซึ่งมองกันจริงๆการถูกเปลี่ยนออกตั้งแต่พักครึ่งอาจทำให้เด็กขวัญเสียเล็กๆ
เกมนี้ JK เลยเรียกความมั่นใจด้วยการดร็อป เทรนต์ เพื่อเปิดทางให้เจ้าหนู เวลส์ วัย 19 ปีไปเล่นในตำแหน่งแจ้งเกิด
แน่นอนครับการเลี้ยงๆแล้วเปิดด้วยขวาหรือเล่นด้วยขวาทันทีทำให้เจ้าตัวไม่ต้องล็อกเยอะเหมือนเกมกับ ไบรจ์ตัน
และเป็นอีกครั้งที่เราได้เห็นศักยภาพการวางบอลยาวข้ามฝากที่เกินเด็กเหมือน copy รุ่นพี่อย่าง TAA มาทั้งกระบิ ที่เหลือเหมือนที่ผมเคยบอกไว้ครับในเรื่องประสบการณ์ จังหวะการเข้าบอล
ในส่วนของ โจนส์ ที่ยิงประตูในเกมชนะ แอสตัน วิลล่า ได้เล่นร่วมกับรุ่นพี่อย่าง ฟาบินโญ่ และ ไวจนัลดุม
ผมเคยพูดถึงเจ้าหนูวัย 19 ปีเจ้าของความสูง 185 ซม. เอาไว้ตั้งแต่ปีสองปีก่อนว่าต้องปรับสไตล์การเล่นโดยด่วนเพราะเหมือนเจ้าตัวจะติดการคลึงบอลแบบ “ฟุตซอล”
เล่นบอลหลายจังหวะ ก่อนส่งต้องม้วนต้องคลึงทำให้จังหวะบอลเสีย มันไม่ใช่แนวทางของการเล่นบอลสนามใหญ่
มาวันนี้ถือว่าเล่นบอลจังหวะเดียว ออกบอลง่ายและมีความเข้าใจในเกมพอสมควรแต่ยังเสียบอลง่ายไปในหลายๆครั้งโดยเฉพาะตอนสวนกลับแล้วน้องได้บอลลากทะลุตรงกลางแต่เก็บบอลพาบอลไปเองนานเกินไปจนถูกตัด
เป็นเรื่องปกติครับ พวกเราแฟนบอลมักรู้สึก “ตื่นเต้น” และ “รอดู” ในทุกๆครั้งที่มีชื่อของนักเตะใหม่ หรือ ดาวรุ่ง ลงสนามแต่การส่งเด็กลงเล่นเร็วเกินไปก็อันตรายครับเพราะถ้าเล่นไม่ออก ด้วยสภาพจิตใจการรับมือกับความผิดหวังที่ยังไม่โตอาจจะมีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ ท้อใจ การทำให้การพัฒนาฝีเท้าชะงักและดีไม่ดีอาจเป๋ยาวไปเลย
เหมือนเจ้าหนู เบน วู้ดเบิร์น ที่เหมือนจะมาก่อนใครเพื่อน ถูกตั้งความหวังเอาไว้เยอะ ถูกส่งลงเล่นบอลถ้วยแล้วเคยประเดิมตัวจริงในลีกด้วยซึ่งตอนนั้น “หงส์แดง” มีตัวผู้เล่นเจ็บหรือโปรแกรมถี่ยังไงนี่แหละ สุดท้ายเล่นแล้วออกทะเลเพราะดันมีหน้าเป้าเป็น โอริกี้ (ฮา) ก็เลยยิ่งพัง จนถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งและก็หลุดยาวหายไปเลย
สำหรับ “แรงจูงใจ” ที่เหลืออยู่คือการทำทะลุ 100 แต้มซึ่งตอนนี้ต้องเอาชนะทั้ง 3 นัดที่เหลือทั้งหมด
แต่ถ้าจะมาถามตอนนี้คุยตอนนี้หลังจบเกมกับ เบิร์นลีย์ สดๆร้อนๆพวก เดอะ ค็อป คงไม่คาดหวังอะไรอีกแล้วล่ะครับ…
หาเซนเตอร์ ตัวท็อปสักตัวคู่ไดร์ กลางตัวแทงบอลขั้นเซียนอีกตัว มันน่าจะแน่นปึกกว่านี้เยอะ บทเรียนชิ้นงามงามเลย
12 ก.ค. 2563 เวลา 03.40 น.
😁เอ๋😁 ฟอร์มการเล่นก็แบบนี้มานานแล้ว แค่แต่ก่อนชนะก็เท่านั้นเอง
12 ก.ค. 2563 เวลา 03.04 น.
เหมือนว่าตั้งแต่เริ่มแพ้บ่อยก่อนที่จะมีหยุดแข่งโมเม้นการทำอะไรก็ดีไปหมดมันหายไป พอกลับมาแข่งไปไม่กี่นัดมีแพ้ยับกับเริ่มชนะทีมเล็กไม่ได้ เริ่มกลับมาเป็นหงส์แดงร่างเดิมที่ผีเข้าผีออกแระ
12 ก.ค. 2563 เวลา 00.47 น.
bird ก็ไม่ค่อยเหลือสถิติอะไรไห้ทำละ คู่แข่งระดับพรีเมียร์เก่งทุกทีม ถ้าไม่มาเต็มร้อยก็เตรียมแพ้ได้ทุกนัดเหมือนกัน
11 ก.ค. 2563 เวลา 18.27 น.
Tee i6 แชมป์แล้ว ไม่สนหรอกครับ สถิติ ถือถ้วยได้ป่าว ให้ที่เหลือ เสมอ หรือ แพ้ ทั้งหมด ก็แชมป์อยู่ดี กรุณา อย่า อิจฉา
11 ก.ค. 2563 เวลา 23.03 น.
ดูทั้งหมด