วันที่ 12 กรกฎาคม 2563 ในงานเสวนาอนาคตสวัสดิการไทย ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ที่จัดโดยกรรมาธิการสวัสดิการสังคมสภาผู้แทนราษฎร นายแพทย์วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.พรรคก้าวไกล ระบุว่าถ้าหลายๆท่านได้ติดตามการอภิปรายที่ผ่านมา จะได้เห็นว่าประเทศเราโหยหาความมั่นคงมาก พูดถึงความมั่นคงทุกด้านเต็มไปหมด รวมถึงการมี พ.ร.บ.ความมั่นคงทางด้านวัคซีนแห่งชาติ ที่เกิดขึ้นในยุค สนช.ในปี 2561 มีงบประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งดูเหมือนจะเยอะแต่เอาเข้าจริงน้อยมาก ยาตัวหนึ่งผลิตออกมาใช้เงินเกิน 70 ล้านบาทแล้ว และตลอดเวลามีการตัดงบวัคซีนออกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีมาโดยตลอด ในปี 2562 ตัดงบเหลือ 50 ล้านบาท ปี 2563 ตัดอีกเหลือ 40 ล้านบาท ปีนี้ตัดอีกเหลือ 27 ล้านบาท
แต่งบประมาณ 2564 อย่างที่เราเห็น ไม่ได้มีการตอบสนองอะไรเลยกับวิกฤติสาธารณสุขที่เกิดขึ้น ความมั่นคงทางด้านวัคซีน ยา และสาธารณสุข ไม่ได้รับความสนใจ และยังมีโครงการหลายๆอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์ของประเทศ
โรคระบาดจะจบลงในสามกรณี 1) มียารักษาที่ฆ่าเชื้อนั้นเลยอย่างได้ผลชะงัด 2) การมีวัคซีนที่ทำให้คนเกิดภูมิคุ้มกันต่อโรคนั้นๆได้ หรือ 3) เกิดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติเกิดขึ้นจากการติดเชื้อ ซึ่งกรณีเช่นนี้จะจัดการยาก เพราะโรงพยาบาลจะไม่สามารถรับมือจำนวนผู้ป่วยที่เกิดขึ้นได้และจะเกิดการล้มตายเป็นจำนวนมาก
แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศมากว่า 50 วันแล้ว ทำให้เราต้องกลับมาสู่จุดที่ว่าเราควรหาดุลยภาพระหว่างปัญหาทางสุขภาวะ กับปัญหาทางเศรษฐกิจ ต้องมีความสมดุลกัน ไม่ใช่ปิดกันหมด คนไม่ตายเพราะโควิดแต่มาตายเพราะไม่มีงานทำและไม่มีเงินซื้อข้าวกิน
ดังนั้นปัญหานี้จะจบลงได้ถ้ายากับวัคซีนเกิดขึ้น ปัญหาก็คือว่าประเทศเราจะรอแต่ยาและวัคซีนจากต่างประเทศหรือ? ถ้าประเทศของเรามีศักยภาพและเงินทุน เรามีประชากรเกือบ 70 ล้านคน หากผลิตยาหรือวัคซีนขึ้นมาได้ คนกลุ่มแรกที่เราจะต้องสงวนยาเอาไว้ให้ ก็คือสำหรับประชาชนคนไทย
ถามในทางกลับกัน ต่างประเทศถ้าผลิตขึ้นมาได้ คนกลุ่มแรกที่เขาจะให้ก็คือคนภายในประเทศของเราเช่นกัน ซึ่งตนไม่แน่ใจเลยว่าเราจะมีอำนาจต่อรองจนสามารถไปขอซื้อยายและวัคซีนที่ผลิตออกมาได้เป็นลำดับแรกๆของโลก แน่นอนว่าเรามีการสำรองเงินเอาไว้สำหรับซื้อ แต่เขาจะขายให้เราหรือไม่ก็ไม่ทราบ
ดังนั้น แทนที่จะเอาเงินมาลงทุนสร้างศักยภาพภายในประเทศ ให้เกิดการจ้างงาน เกิดการวิจัย บุคลากรทางการแพทย์ของประเทศไทยมีเป็นจำนวนมาก แต่เรากลับตัดงบสถาบันวัคซีนแห่งชาติลงไปเหลือแค่ 27 ล้านบาท ซึ่งตนได้ลงไปดูในรายละเอียด ก็พบว่าส่วนใหญ่ใช้ในการจ่ายเงินเดือนบุคลากร ไม่เหลืองบที่จะวิจัยและพัฒนาอะไรแล้ว
รัฐบาลแม้จะบอกว่างบการวิจัยและพัฒนายาและวัคซีนวัคซีนอยู่ในงบกลาง ในส่วนของกองทุนส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา แต่ตนขอถามว่าในฐานะผู้แทนราษฎร เราไปตรวจสอบงบกลางไม่ได้แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าจะเอาไปใช้จริงหรือเป็นแค่ลมปาก แล้วทำไมถึงไม่เอาไปใส่ไว้ในหน่วยงานของเขา น.พ.วาโยกล่าว
Path chot ขนาดเงินบริจาคยังอมเลยค่ะ เชื่อได้ไหมค่ะ พรรคนี้ ถ้าใครเชื่อเป็นควายค่ะ
12 ก.ค. 2563 เวลา 23.33 น.
chainarong. วัคซีนเขาผลิตแล้วอยู่เฟสสอง
ไอ้หมอควาย
แหกตาดูบ้าง
อย่าหลับตาพูดส่งเดช
คนพอเข้าพรรคนี้ ทำไมกลายพัยธุ์แบบนี้ ไปได้ทุกอาชีพ
12 ก.ค. 2563 เวลา 18.23 น.
Thawatchai3 เก่งสมชื่อจริงๆ
12 ก.ค. 2563 เวลา 13.50 น.
X+2X-Y=10....Y=? ตอนประชุมสภา พูดงี้หปะ
ตอบ.....
12 ก.ค. 2563 เวลา 13.50 น.
ติแม่งมันทุกเรื่องพรรคมึงเก่งจังไง
12 ก.ค. 2563 เวลา 13.38 น.
ดูทั้งหมด