หนึ่งในประเด็นดราม่าสุดร้อนแรงนาทีนี้คงหนีไม่พ้นกรณีการกล่าวหาประเทศไทยกระทำทารุณกรรมแรงงานลิงเก็บมะพร้าว
จากข้อมูลล่าสุดที่องค์กรประชาชนเพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีจริยธรรม หรือ PETA ให้กับ BBC ไทยเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา กล่าวหาว่ามีสวนมะพร้าวในประเทศไทยอย่างน้อย 8 แห่งปฏิบัติกับลิงไม่ต่างจาก “เครื่องเก็บมะพร้าว” โดยการจับลิงมาจากป่าแล้วนำมาฝึกฝนเพื่อเก็บมะพร้าวให้ได้ถึงวันละ 1,000 ลูก
พร้อมกันนี้ PETA ยังเรียกร้องให้ “คนดี” ทั้งหลายไม่สนับสนุนการใช้แรงงานลิงด้วยการให้ “เลิกซื้อ” ผลิตภัณฑ์มะพร้าวจากไทย
ส่งผลให้มีซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งในสหราชอาณาจักร ได้แก่ เวทโทรส, โอคาโด, โค-ออป และบู๊ทส์ ต่างขานรับข้อเรียกร้องของ PETA หยุดนำเข้าผลิตภัณฑ์มะพร้าวจากประเทศไทยโดยสมัครใจ ครอบคลุมตั้งแต่มะพร้าว-น้ำมะพร้าว-น้ำมันมะพร้าว ไปจนกระทั่งถึงกะทิ
โดยทยอยนำผลิตภัณฑ์มะพร้าวไทยออกจากชั้นวางสินค้าอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ PETA ออกมารณรงค์ให้ผู้บริโภค “แบน” สินค้าไทย
ก่อนหน้านี้ได้เคยเกิดกรณีที่ PETA เรียกร้องให้มาเลเซียประกาศแบนนำเข้า “ปลากัดไทย” เมื่อเดือนธันวาคม 2562 โดยใช้คลิปวิดีโอเผยแพร่ข้อมูลกล่าวหาว่า ฟาร์มเพาะพันธุ์ปลากัดในไทยเลี้ยงดูปลากัดในสภาพที่รับไม่ได้ ปล่อยให้นอนพะงาบๆ ในตะกร้าที่ไม่มีน้ำ ขณะที่รอการขนส่ง
โดยมีข้อน่าสังเกตว่า ข้อกล่าวหาของ PETA จะอาศัยคลิปวิดีโอเป็นสื่อในการเข้าถึงผู้บริโภค รวมทั้งการอาศัยช่องทางกระจายข่าวของสื่อมวลชน เพื่อทำการ “กดดัน” ให้ผู้นำเข้าหรือผู้จัดจำหน่ายหรือผู้บริโภคเลิกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำการทารุณสัตว์โดยไม่มีการสอบสวนทวนความกับผู้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
ครั้งนี้ก็เช่นกันที่ PETA อาศัยวิธีการเดิมๆ ในการเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้บริโภคในสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่มีความ “อ่อนไหว” เป็นพิเศษกับเรื่องราวการทารุณสัตว์
ตรงกันข้ามกับสังคมไทยที่ทันทีที่ข้อกล่าวหาของ PETA ในเรื่องลิงเก็บมะพร้าวปรากฏขึ้น “สังคมไทยต่างรับไม่ได้” เนื่องจากเป็นที่เข้าใจกันดีว่า ภาพการเลี้ยงลิงเก็บมะพร้าวเป็นวิถีชีวิตชาวบ้านที่ถูกดำเนินการมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ถึงกับมีโรงเรียนสอนลิงเก็บมะพร้าวขึ้นในภาคใต้
หากต่างชาติมองว่าการเลี้ยงลิงเก็บมะพร้าวเป็นเรื่องกระทำทารุณกรรมต่อสัตว์แล้ว กรณีที่สหภาพยุโรปเลี้ยงม้าเพื่อใช้ลากรถม้า หรือเลี้ยงหมูเพื่อไว้ใช้เก็บเห็ดทรัฟเฟิล รวมถึงการเลี้ยงสัตว์เพื่อนำไปแสดงในคณะละครสัตว์ต่างๆ เรื่องเหล่านี้จะอธิบายกันอย่างไร
แน่นอนว่า ข้อกล่าวหาลิงเก็บมะพร้าวกระทบกับ “ภาพลักษณ์” และการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์มะพร้าวจากประเทศไทยทันที จากข้อเท็จจริงที่ว่า ประเทศไทยมีการส่งออกมะพร้าวและผลิตภัณฑ์มะพร้าวคิดเป็นมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท
เป็นการส่งออกไปยังตลาดหลักอย่างสหรัฐ (35%), ออสเตรเลีย (9%) และสหราชอาณาจักร (8%) จากผลผลิตมะพร้าวภายในประเทศประมาณปีละ 700,000 ตัน ซึ่งน้อยกว่าประเทศคู่แข่งที่ส่งออกมะพร้าวและผลิตภัณฑ์เหมือนๆ กับไทย คือ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ที่ไม่ถูก PETA กล่าวหาในกรณีเดียวกันนี้
ส่งผลให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งให้เรียกประชุมภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมข้อมูลชี้แจงผู้นำเข้า โดยมอบให้ “ทูตพาณิชย์” ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวกับผู้นำเข้า พร้อมเตรียมนำคณะเอกอัครราชทูตในประเทศผู้นำเข้าลงพื้นที่เพื่อจะได้ทราบขั้นตอนการเก็บมะพร้าวที่แท้จริงว่า การเลี้ยงลิงเพื่อเก็บมะพร้าวในไทยถือเป็นวิถีชีวิตของชุมชนอย่างไร
“ชาวบ้านเลี้ยงและดูแลลิงไม่ต่างจากลูกหลาน ไม่ได้มีการทารุณกรรมตามที่เป็นข่าว ส่วนภาพที่ปรากฏเป็นข่าวออกมานั้นเป็นความเข้าใจผิดจากการนำภาพโปรโมตการท่องเที่ยวไทยไปใช้ ทำให้คิดว่าเป็นการทารุณกรรมต่อลิง ซึ่งเราหวังว่า บรรดาทูตประเทศผู้นำเข้าเหล่านี้จะเข้าใจ”
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการแก้ข้อกล่าวหาโดยผ่านทูตพาณิชย์ หรือการเรียกทูตมาทำความเข้าใจ ดูเหมือนว่า “จะช้าเกินไป” เนื่องจากความเสียหายจากการ “ถอด” ผลิตภัณฑ์มะพร้าวไทยออกจากชั้นวางสินค้าเกิดขึ้นแล้ว
นางสาวชนัญชิดา บุรุษเลี่ยม ซีเนียร์เซลซูเปอร์ไวเซอร์ บริษัทผลิตภัณฑ์อาหารเมอริท ผู้ผลิตกะทิสำเร็จรูปส่งออกอันดับ 3 ไปยังสหราชอาณาจักร กล่าวถึงกรณีนี้ว่า PETA โจมตีประเทศไทยคราวนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 และเป็นการสร้างมาตรการกีดกันทางการค้าโดยตรง
“ไทยต้องเริ่มพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าบ้าง เพราะหากปล่อยให้มีการใช้วิธีการแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ ก็จะกระทบต่อภาพลักษณ์สินค้าไทย”
กลายมาเป็นต้องแก้ข้อกล่าวหากันไม่มีที่สิ้นสุด จากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง โดยผู้กล่าวหาไม่ได้รับผิดชอบแต่อย่างใด
ในส่วนของบริษัทอาหารเมอริทไม่ได้รับการดำเนินการของรัฐบาล โดยบริษัทได้ชี้แจงและให้ข้อมูลกับผู้นำเข้าไปแล้วว่า สวนมะพร้าวของบริษัทปัจจุบันหันมาใช้แรงงานคนเก็บมะพร้าว ไม่ว่าจะเป็นแหล่งปลูก จ.ประจวบคีรีขันธ์ หรือ จ.สมุทรสาคร สามารถลงไปตรวจสอบได้ ทำให้คู่ค้าเข้าใจและ “ไม่ยกเลิกออร์เดอร์ของบริษัท”
ส่วนข้อมูลที่ระบุว่า ลิง 1 ตัวเก็บมะพร้าวได้ถึง 1,000 ลูก/วันนั้น ก็ไม่เป็นความจริงเลย เพราะลิง 1 ตัวเก็บมะพร้าวได้มากที่สุดแค่ 100 ลูกเท่านั้น หากจะให้ได้ปริมาณสูงขนาดนั้นต้องใช้ “คน” เก็บมะพร้าว ส่วนภาพที่นำมาใช้เป็นภาพข่าวประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวไทย ไม่ใช่ภาพลิงเก็บมะพร้าว
พร้อมกันนี้บริษัทได้รับการสอบถามจากผู้นำเข้าประเทศอื่นๆ อาทิ สหรัฐ ถึงกรณีดังกล่าวด้วย จนตอนนี้ในวงการผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มะพร้าวไทยเกรงว่าเรื่องราวจะลุกลามบานปลายไปยังประเทศอื่นๆ
ด้านนายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ความเห็นว่า หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงเหตุผลสำคัญที่ PETA ยกเรื่องนี้ขึ้นมา โดยบางส่วนมองเชื่อมโยงไปถึงกรณีที่ภริยาของนายกรัฐมนตรีอังกฤษเป็นนักอนุรักษ์หรือไม่ หรือเป็นเพื่อหวังผลทางการค้า
แน่นอนว่า ข่าวนี้อาจจะส่งผลเชิงจิตวิทยาต่อภาพลักษณ์มะพร้าวไทยในสายตาคู่ค้ามากกว่า ส่วนผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกมะพร้าวไปสหราชอาณาจักร แม้จะมีมูลค่าที่คิดเป็นสัดส่วนไม่มากนัก หากเทียบกับการส่งออกรวมก็ตาม
ประเด็นสำคัญคือ ในอนาคตมีโอกาสที่ประเทศคู่ค้าจะหยิบยกประเด็นเรื่องแรงงานเด็ก สตรี แรงงานผิดกฎหมาย หรือการจับสัตว์ทะเล หรือสิ่งแวดล้อม ขึ้นมาใช้เป็นเหตุผลในการใช้มาตรการทางการค้ากับประเทศไทยมากขึ้น
ดังนั้น ไทยต้องเตรียมแนวทางแก้ไขเชิงรับและเชิงรุก โดยสิ่งแรกที่ไทยควรทำคือ ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับคู่ค้า-ผู้นำเข้า
อีกด้านหนึ่ง ไทยต้องเตรียมมาตรการตอบโต้คู่ขนานไปด้วย หากพิจารณาถึงความเหมาะสมแล้วจำเป็นต้องใช้มาตรการตอบโต้สินค้านำเข้าจากสหราชอาณาจักร เช่น แอปเปิล องุ่น ไวน์ อาหารสแน็ก หรือเสื้อผ้าแบรนด์เนม ด้วยหรือไม่
และหากรุนแรงขั้นสุดท้าย ไทยอาจจะต้องพิจารณาเรียกร้องความยุติธรรมจากกลไกองค์การการค้าโลก (WTO)
สุดท้ายการวางมาตรการตอบโต้เพียงอย่างเดียวไม่สามารถรักษาตลาดได้
“ประเทศไทย” ต้องพัฒนาตัวเองด้วยการจัดทำยุทธศาสตร์พัฒนาสินค้าเกษตรในอนาคต ไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาการกีดกันทางการค้าอย่างเดียว แต่ต้องรับมือปัญหาทั้งเรื่องการขาดแคลนแรงงาน และค่าแรงสูงที่เพิ่มขึ้นด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นจากดราม่านี้ไม่ใช่แค่เรื่อง “กะทิ” แต่ส่งผลในเชิงจิตวิทยากับผู้นำเข้าสินค้าไทยในตลาดอื่น และโจทย์ใหญ่ต่อไปคือ
ไทยจะรับมือมาตรการทางการค้าที่เกิดขึ้นอย่างไร
อภิรัตน์ กระทิไทย มะพร้าวไทย ถ้าไอ้อังกฤษมันต่อต้าน อย่าไปง้อมัน อย่าไปขายส่งให้มัน ขายกันในประเทศไทย บริษัทผลิตแทบขายส่งไม่ทัน นี่ต้องเพิ่มแรงงานอีกมากเลย อย่าไป ง้อ มันไอ้กฤษ
12 ก.ค. 2563 เวลา 16.12 น.
TSRR4290 ให้พี่จีน ช่วยซื้อหน่อย
12 ก.ค. 2563 เวลา 12.00 น.
kookkai นี่ถ้ารู้ว่าใช้ควายไถนา จะแบนข้าวไทยด้วยมั้ย
ข้อหาว่าใช้แรงงานควาย
12 ก.ค. 2563 เวลา 08.57 น.
สิธยา เห็นมารับจ้างเก็บที่บ้านลิงเก็บได้หนึ่งต้นก็จะลงมาเอารางวัลก่อนถึงจะขึ้นไปเก็บต่อดูน่ารักดีออก แต่ตอนฝึกกันก็ไม่รู้นะ
12 ก.ค. 2563 เวลา 03.55 น.
ไม่อยากให้ตอบแบบผู้ดีนะ
..
อยากให้ฟ้องร้องเอาค้าเสียหายกับเขาเลย.สำหรับองค์กรที่ไม่รู้จริงจะได้เป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่นๆด้วย
12 ก.ค. 2563 เวลา 03.34 น.
ดูทั้งหมด