ทั่วไป

แม่วอนช่วยลูกสาว จากน่านมาเรียนเชียงใหม่ รถชนโคม่า ค่ารักษาเกือบ 3 แสน (คลิป)

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์
อัพเดต 07 ก.ค. 2563 เวลา 05.32 น. • เผยแพร่ 07 ก.ค. 2563 เวลา 05.02 น.
ภาพไฮไลต์

นักศึกษาสาวปี 1 จากน่านมาเรียนที่เชียงใหม่ มาถึงแค่ 2 วัน ประสบอุบัติเหตุรถเก๋งชน จยย. ปิกอัพทับซ้ำ อาการสาหัส แม่วอนคู่กรณีช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล ที่ล่าสุดพุ่งไปเกือบ 3 แสน ส่วนลูกสาวฟื้นแล้วแต่ยังโคม่า และอาจถึงขั้นพิการท่อนล่าง 

วันที่ 7 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางพิลัยพร แสนศรีเชาว์พันธ์ อายุ 39 ปี ชาว ต.ป่ากลาง อ.ปัว จ.น่าน มารดาของ น.ส.อรจิรา แสนศรีเชาว์พันธ์ หรือ น้องอร อายุ 19 ปี ซึ่งมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แต่ระหว่างมาอยู่ที่เชียงใหม่ได้เพียง 2 วัน ได้ประสบอุบัติเหตุรถชน เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.63 ที่ผ่านมา บริเวณถนนสายเชียงใหม่-พร้าว ซึ่งเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุได้มีรถยนต์เก๋งฟอร์ด สีดำ ชนรถจักรยานยนต์จนล้มลง แล้วถูกรถกระบะที่ขับตามมาอีกคันทับ จนเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลเทพปัญญา และถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพิงค์ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ขณะนี้ ค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงไปเกือบ 300,000 บาท และเจ้าตัวอาการยังโคม่า แม้จะรู้สึกตัวแต่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ในส่วนของคดีก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทางคู่กรณี ทำให้ญาติและผู้ปกครองต้องขอความเห็นใจ เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน จึงไม่รู้ว่าจะนำเงินที่ไหนมาเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษา

นางพิลัยพร มารดาของ น้องอร เปิดเผยว่า ขณะนี้อาการของลูกสาวยังโคม่า จากการสอบถามหมอบอกว่า ลูกสาวมีกระดูกหักและแตกหลายจุด ทั้งบริเวณต้นคอ สันหลัง รวมไปถึงช่วงล่างของน้องไม่รู้สึกอะไรเลย ตอนนี้น้องฟื้นแล้ว แต่ยังคงต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และในส่วนของค่าใช้จ่ายก่อนหน้านี้ที่ได้เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเทพปัญญา ซึ่งขณะนั้นได้เข้ารักษาตัวแบบฉุกเฉิน 72 ชั่วโมง มีค่ารักษาและค่าใช้จ่ายประมาณ 200,000 กว่าบาท ซึ่งตนกับครอบครัวได้แจ้งกับทางโรงพยาบาลว่าฐานะยากจน ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่ารักษาได้ทันที จึงมีการส่งตัวน้องเพื่อย้ายมาโรงพยาบาลของรัฐ และใช้สิทธิ์บัตรทอง แต่หมอก็แจ้งว่าอาจจะมีค่าส่วนต่างในการรักษา

"ขณะที่คู่กรณีนั้น หลังเกิดเหตุวันแรกจนถึงตอนเช้า ไม่มีคู่กรณีมาเยี่ยมหาเลย จนต้องโทรหา ซึ่งในเรื่องของคดีใครผิดใครถูกก็ค่อยว่ากัน แต่อยากให้มาดูแลเยียวยาช่วยเหลือลูกสาวบ้าง ล่าสุด เมื่อวานนี้ทางคู่กรณีที่ขับรถเก๋งได้มาเยี่ยม และได้นำอาหาร นม และขนมมาให้ ส่วนคู่กรณีที่เป็นรถกระบะนั้น ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 1,000 บาท อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุ ครอบครัวได้รับความเดือดร้อนแทบทุกอย่าง ไม่มีเงินที่จะมาดูแล อีกทั้งมาอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ทำงานอะไร จึงทำให้ไม่มีเงิน ประกอบกับต้องกินต้องใช้ ยังมีเงินที่ต้องใช้รักษาลูกสาวต่ออีก ซึ่งเป็นเงินที่เป็นส่วนต่างในการรักษา"

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นางพิลัยพร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันตนกับสามีมีอาชีพเพียงรับจ้างกรีดยางตามสวนยางใน จ.น่าน ทางบ้านยากจน มีลูกที่ต้องเลี้ยงดูหลายคน และแม่ตนทราบเรื่องที่หลานสาวประสบอุบัติเหตุ ทำให้ล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลไปอีกคน ซึ่ง "น้องอร" นั้นเรียนจบ และมาเตรียมเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในจังหวัดเชียงใหม่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เรียนก็กลับต้องมาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน โดยลูกสาวของตนมีความใฝ่ฝันว่าโตมาอยากจะเป็นครู และที่ผ่านมาลูกสาวคนนี้ก็เป็นเสาหลักของบ้านในการช่วยเหลือครอบครัวแทบทุกอย่าง เป็นเด็กดี ชอบเข้าร่วมกิจกรรม มีความกตัญญู ขยันทำงาน แต่จากเหตุการณ์นี้อาจทำให้น้องต้องหมดอนาคต สูญเสียความฝันที่ตั้งใจไว้ เพราะโอกาสที่น้องจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมนั้นมีน้อยมาก เนื่องจากทางหมอวินิจฉัยว่าน้องมีอาการกระดูกสันหลังหัก และไปทับเส้นประสาท ช่วงล่างไม่สามารถขยับได้และไม่มีความรู้สึก ทำให้น้องมีความเสี่ยงที่อาจจะพิการได้ ขณะที่ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการรักษา ต่อจากนี้ก็ยังไม่ทราบว่าจะต้องเสียอีกเท่าไร และน้องก็ยังอยู่ในอาการโคม่า ซึ่งคาดว่าน่าจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาอีกหลายเท่าตัว ทั้งหลังจากนี้และในอนาคตด้วย

"ก่อนหน้านี้น้าของน้องอร ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว และมีการขอรับบริจาคช่วยเหลือผ่านบัญชีธนาคารของ "น้องอร" หมายเลขบัญชี 670-0-96233-1 ธนาคารกรุงไทย ชื่อ น.ส.อรจิรา แสนศรีเชาว์พันธ์ ล่าสุดมียอดเงินบริจาคทั้งสิ้นประมาณ 120,000-130,000 บาท ซึ่งเงินที่ได้รับมาตนกับครอบครัวไม่ได้นำไปใช้จ่ายส่วนตัวแต่อย่างใด เป็นเงินที่จะนำมาใช้รักษาลูกสาว ซึ่งตอนนี้น้องยังคงพักรักษาตัวที่ตึก 10 ชั้น 5 โรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งหากผู้ใดอยากจะมาเยี่ยม สามารถติดต่อกับตนได้โดยตรง ที่หมายเลขโทรศัพท์ 098-810-4603 นางพิลัยพร"

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 34
  • aor
    - ใช้ พรบ. ก่อน หลังจากนั้นใช้ สิทธิ์ 30 บาท ส่วนต่างไม่น่าจะมาก เพราะ นครพิงค์เป็น รพ. ของรัฐ
    07 ก.ค. 2563 เวลา 07.47 น.
  • วุดดี้ อีซูซุ
    ช่วยแล้วนะครับตอนแรกขยาดๆไม่อยากช่วยใคร แต่บอกถึงขั้นอาจพิการช่วงล่าง ผมช่วยครับ
    07 ก.ค. 2563 เวลา 07.48 น.
  • 🥀❤️N A V E E❤️🥀
    พ.ร. บ คู่กรณีใช้ไม่ได้หรือครับทั้งมอไซและรถยนต์
    07 ก.ค. 2563 เวลา 07.43 น.
  • พรเทพ ฉายวงศ์ศรีสุข
    น่าสงสารกว่าจะได้มาถึงขนาดนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อนจบ ม6เลือกสอบเข้ามหาลัยแถวบ้านได้ สมันนี้ต้องเอาคะแนนไปเทียบ แย่เลย
    07 ก.ค. 2563 เวลา 07.51 น.
  • Kran
    ใช้ประกันสังคมไม่เสียเงินนี่
    07 ก.ค. 2563 เวลา 07.48 น.
ดูทั้งหมด