จากรายงานล่าสุดภายในสหประชาชาติ (UN) ที่จัดทำโดย เกิร์ต โรเซนธัลอดีตรัฐมนตรีการต่างประเทศของกัวเตมาลา และทูตประจำสหประชาชาติ ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ โดยได้ศึกษาบทบาทของสหประชาชาติในเมียนมา ช่วงปี 2010-2018 พบว่า ยังคงมีช่องโหว่อยู่มาก
โรเซนธัลระบุว่า องค์กรขาดการรวบรวมยุทธศาสตร์ต่างๆ ที่เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์อย่างวิกฤตการณ์กวาดล้างชาวโรฮีนจาของกองทัพเมียนมา ขาดการประสานงานกับทางรัฐบาลเมียนมา อีกทั้งยังขาดแรงสนับสนุนจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จึงทำให้เกิดความล้มเหลวอย่างเป็นระบบขึ้นในการทำงานของสหประชาชาติ
เหตุกวาดล้างดังกล่าว ส่งให้เกิดวิกฤตด้านผู้ลี้ภัย มีชาวโรฮีนจาเดินทางอพยพลี้ภัยไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะบังกลาเทศกว่า 730,000 คน นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2017 ซึ่งรัฐบาลเมียนมาก็ยังคงปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่า ปฏิบัติการของกองทัพเมียนมาเป็นไปเพื่อตอบโต้กลุ่มกองกำลังติดอาวุธของโรฮีนจาเท่านั้น
ภาพ: Dan Kitwood / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
อั๊ต ยูเอ็นก็รับคนพวกนี้ไปอยู่ประเทศตัวเองดิจะได้จบๆไป
18 มิ.ย. 2562 เวลา 05.45 น.
joe55 ต้องถามพี่ธรที่ต้องการแรงงานพวกนี้ไปทำงานที่ไทยซัมมิท
18 มิ.ย. 2562 เวลา 06.11 น.
preeda phoopao ไม่ล้มเหลวสิแปลก ตั้งใจจะยัดข้อหาเขาอย่างเดียว โทษพม่าอยู่ฝ่ายเดียวทั้งที่เขาก็ต้องทำเพื่อความมั่นคงของประเทศเขา คุณไม่ยอมจัดการคนที่ขนอาวุธและเงินอุดหนุนพวกหัวรุนแรงที่ไปยิงเขาก่อนทั้งที่มีจ้อมูลอยู่แล้วว่ามาจากไหน
18 มิ.ย. 2562 เวลา 06.45 น.
thipong พี่ทรสิต้องทำสำเร็จ
18 มิ.ย. 2562 เวลา 06.02 น.
ดูทั้งหมด