ไลฟ์สไตล์

ความรักไร้เพศสภาพ ♡ ที่เล่าผ่านหนังรัก 5 รูปแบบ - ซีนนี้มา

LINE TODAY ORIGINAL
เผยแพร่ 23 ต.ค. 2563 เวลา 17.23 น. • Ruby The Journey

เราเป็นคนนึงที่ค่อนข้างเปิดกว้างกับโลกของภาพยนตร์…

ทุกครั้งเวลาคนรู้จักหรือใครวิจารณ์เรื่องนั้นเรื่องนี้เราไม่ค่อยรู้สึกว่าโดนสปอยหรือว่าชักจูงไปในทางชอบหรือไม่ชอบอคติกับตัวละครนี้เรื่องนั้นไม่น่านำเสนอหรืออะไรพวกนั้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หนังที่นำเสนอเรื่องเพศที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม หรือการแปลงเพศถือเป็นเรื่องที่เราตั้งใจอยากเรียนรู้ให้มากขึ้นด้วยซ้ำ ด้วยความที่มันมีความซับซ้อนของความรู้สึกอารมณ์และมีตัวแปรหลักคือสังคมรอบข้าง

ในครั้งนี้เราขอนำเสนอหนัง 5 เรื่องที่พูดถึงเรื่องราวความรักไร้เพศสภาพ(LGBT Movies) และเรื่องที่ถ่ายทอดการแปรเปลี่ยนของสภาพจิตใจตั้งแต่กำเนิดเป็นเหตุให้ต้องเปลี่ยนเพศ(Transgender Movies)  5 หนังชวนดู เพื่อรับรู้ถึงพลังด้านบวกของความรักที่จะทำให้ทุกคนลืม ‘เพศต้นกำเนิด’ ไปเสียหมดสิ้น;-) 

CALL ME BY YOUR NAME (2017)

*‘Call me by your name and I’ll call you by mine’ *

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

*เรียกฉันด้วยชื่อของคุณ และฉันจะเรียกคุณด้วยชื่อของฉันเช่นกัน *

เป็นธรรมเนียมของหนังสัญชาติอิตาลี ที่พร้อมจะเรียกน้ำตาซึมๆจากผู้ชม และทำให้คิดถึงความรู้สึกกับตัวละครในเรื่องนี้อยู่หลายหนหลังจากดูจบ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เป็นหนังที่มองข้ามความ LGBT ไปได้อย่างหมดสิ้นจริงๆ อาจเพราะความไม่ขัดตาขัดใจของหนุ่มน้อยเอลิโอ (ฉันรักเค้า) และอีกทั้งคงเป็นฤดูรักในฤดูร้อนที่ปล่อยใจไปกับความรักที่เกิด ไม่รู้ว่าจะจบลงเช่นไร…

A Single Man (2009)

*‘Sometimes awful things have their own kind of beauty’ *

*ในบางครั้งสิ่งแย่ๆ ก็มีความสวยงามในแบบของมัน *

จากเรื่อง Nocturnal Animals (คืนทมิฬ) ที่ทำให้เรารู้จักดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ผันตัวมาทำหนังอย่าง ‘Tom Ford’ ที่ทุกครั้งเขาจะลงสลักลายเซ็นตัวเองไว้ในหนังของตนทุกเรื่องด้วยตัวละครหลักที่ใส่ ‘แว่นตา’ ที่เขาดีไซน์เอง(ลองสังเกตดูหนังทุกเรื่องของเขาได้)และ Mood-Tone ภาพ,คอสตูมทุกชุดในทุกฉาก ที่ผ่านการคิดมาแล้วอย่างลงตัว

เรียกได้ว่าเรื่องนี้เป็นการแสดงที่ทำให้เราชอบ Colin Firth (พระเอก) เรื่องราวที่พูดถึงความเจ็บปวดและทรมานจากการสูญเสียคนรักหนุ่มของตน ชูด้วยเส้นเรื่องการเรียกร้องสิทธิของชายรักชาย  ‘เมื่อสูญเสีย จึงได้เรียนรู้อย่างเข้าใจ’ 

The Way He Looks (2004)

*‘You’re still very young. There’s no point in forcing things. So much is going to happen in your life. So much will change.’ *

*เธอยังเด็กนัก ไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับอะไร ยังมีอีกหลายอย่างที่จะเข้ามาในชีวิตและมันจะเปลี่ยนชีวิตเธอไปอย่างมาก *

 

เมื่อ ‘การมองเห็น’ รูปลักษณ์ภายนอก ไม่สำคัญอีกต่อไป เมื่อ ‘(ความเข้า)ใจ’ ที่พร้อมเดินไปด้วยกันอย่างไม่เคอะเขิน เป็นสิ่งที่พิเศษที่ควรค่าต่อการเก็บไว้ Leo เด็กชายผู้ซึ่งตาบอดแต่กำเนิด ที่มีเพื่อนสาวคนสนิทอย่าง Giovana เดินพาไปโรงเรียนในทุกวันและปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนปกติ แต่แล้ว Gabriel นักเรียนใหม่ที่เข้ามา และเปลี่ยนแปลงช่วงชีวิตนึงของ Leo และเพื่อนสาวของเขาไป

ในความรักที่บริสุทธิ์ที่ผู้กำกับพยายามจะสื่อนั้น ก็ยังมีเรื่อง ‘การยอมรับความแตกต่าง’ ของการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีบุคคลทุพพลภาพอยู่ด้วย และคำถามที่สะกิดใจเราตอนที่ดู ตอนพระเอกพูดถึงอนาคตว่า ‘เมื่อโตขึ้น เราจะเปลี่ยนไปเป็นผู้ใหญ่แบบไหน?’ ไม่มีใครให้คำตอบได้ แต่จะมีแค่บางคนที่พร้อมลุยไปกับการเติบโตครั้งนี้ด้วยกัน

Carol (2015)

*‘Do people always fall in love with things they can't have?' *

*'Always' *

*‘ผู้คนมักตกหลุมรักกับสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถมีมันได้ใช่มั้ย’ *

*‘เสมอ…’ *

นิยามรักที่ ใครสักคนเข้ามาช่วยให้เรามีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนมากขึ้น… กับความรักของทั้งคู่ที่ทำให้ใจเต้นรัวเหมือนรักแรก Carol หญิงสาวสวยสง่าแต่มีชีวิตแต่งงานที่ไม่เป็นดังหวัง มาพบกับ Therese ที่มีความฝันอยากเป็นช่างภาพที่หาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นแคชเชียร์ที่ห้างแห่งหนึ่ง จุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักต้องปกปิดจึงเริ่มต้นขึ้น

ความสวยงามที่ดึงดูดเข้าหากันด้วยแรงปรารถนา ‘มันยากที่จะปฏิเสธสิ่งที่ใช่ และสิ่งไหนที่ไม่ใช่ จนแล้วจนรอดก็ยังคงไม่ใช่อยู่ดี’ จำได้ว่าดูเรื่องนี้ที่ลิโด้ ด้วยจอฉายที่วินเทจ(ไม่ค่อยชัดอย่าง IMAX เขา) ให้อารมณ์ดูหนังย้อนไปในยุคนั้นจริงๆ บุคลิกของตัวละคร,สีภาพ เหมือนดูงานศิลปะ(ที่รู้เรื่อง)อยู่เลย

The Danish Girl (2015)

*‘I love you, because you are the only person who made sense of me. And made me, possible.’ *

*‘ฉันรักคุณเพราะคุณคือคนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึก สร้างความเป็นตัวฉันจริงๆ ให้เกิดขึ้นและเป็นไปได้’ *

เรื่องนี้เห็นทีจะแตกต่างออกไปจาก 4 เรื่องที่เล่ามา เพราะเป็นเรื่องจริงจากชีวิตของ Einar Wegener จิตรกรชาวเดนมาร์ก ผู้ซึ่งผ่าตัดแปลงเพศเป็นคนแรกของโลก เรื่องราวความรักที่เป็นใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น

Lilli (ตอนเป็นชายคือ Einar) สับสนกับสิ่งที่เขาเป็นเมื่อภรรยาขอให้เขาเป็นแบบผู้หญิงเพื่อให้ตนวาดภาพ ในเรื่องเห็นถึงความกระอักกระอ่วนในการใช้ชีวิต ความยากลำบากในสมัยนั้นกับการเป็นรักร่วมเพศ ที่สำคัญภรรยาของ Lilli แสดงให้เห็นคุณค่าของความรักที่แท้ เราต้องยอมปล่อยให้เขาเป็นตัวของตัวเอง มีฉากนึงที่ Lilli พูดขึ้นว่า ‘พระเจ้าสร้างฉันมาเป็นผู้หญิง แต่ร่างกายนี้ไม่ใช่ของฉัน’ แค่ต้องการใครที่จะยอมรับในวันที่ตัวตนเริ่มเผยออกกมา

ความเห็น 34
  • 💚 PumPuy 789 💚
    อย่าแบ่งแยกเพศ ความรักไม่มีจำกัดค่ะ
    06 มิ.ย. 2562 เวลา 15.53 น.
  • ไร้เพศไม่มีจริง..ตามหลักพันธุ์กรรม..ฟันธง..ทุกเพศอยู่ในสังคมได้หมด..
    09 มิ.ย. 2562 เวลา 09.02 น.
  • m@gnum
    ความรักไร้เพศสภาพ​ นี่เป็นคำนิยามของ​ Oliver ใน​ Call Me By Your Name คือรักใครก็ได้​ รักได้ทั้งญ.ทั้ง​ ช. ปล. อีกเรื่องคือ​ From Beginning to End ของบราซิล​ นี่นอกจากจะเป็นความรักไร้เพศสภาพแล้ว​ ยังก้าวไปอีกระดับ​ 555
    27 มิ.ย. 2563 เวลา 09.51 น.
  • สงสัยผู้เขียนลืมเรื่อง Tusk อีกเรื่อง
    05 มิ.ย. 2562 เวลา 02.47 น.
  • ต้องให้รัฐบาลดู เพราะจะได้ช่วยแก้กฏหมายการแต่งงานเพศที่สามได้
    08 มิ.ย. 2562 เวลา 11.24 น.
ดูทั้งหมด