ที่มาของภาพ : pixabay
ถ้าใครหลาย ๆ คนที่เคยมีโอกาสสัญจรไปไหนมาไหนโดยการใช้เรือขนส่ง หรือแม้กระทั่งต้องผ่านไปบริเวณแหล่งน้ำหรือแม่น้ำสายต่าง ๆ ของไทย ไม่ว่าจะเป็นคลองแสนแสบหรือแม่น้ำเจ้าพระยา เชื่อว่าหลายคนก็คงคิดเหมือนกันว่าน้ำที่ดำคล้ำนั้นดูแล้วก็ช่างน่าเสียดาย เพราะหลาย ๆ คนก็คงจะอดคิดย้อนไปถึงเมื่อวันวานไม่ได้ว่าแม่น้ำที่เคยงดงามเหล่านี้ ทำไมถึงได้กลับกลายมาเป็นแม่น้ำที่ไม่น่าอภิรมย์เช่นนั้น
ที่มาของภาพ : home
และที่น่าตกใจคือ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีกระแสเรียกร้องให้มีการบำบัดน้ำเสียกันอย่างจริงจัง รวมทั้งมีโครงการรณรงค์หรือมาตรการควบคุมมลพิษต่าง ๆ นานา หากแต่ผลวิจัยจาก University of York กลับเปิดเผยเรื่องราวที่น่าตกใจและเรียกได้ว่าแสดงให้เห็นได้ชัดถึงปัญหามลภาวะทางน้ำในระดับโลกเลยทีเดียว
University of York ประเทศอังกฤษ
ที่มาของภาพ : i1.wp
University of York ตั้งอยู่ในเมืองยอร์คที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และยังเป็น 1 ใน 24 สมาชิกของกลุ่มรัสเซลซึ่งเป็นกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาระดับโลกที่มุ่งเน้นไปที่การทำงานวิจัยแบบเข้มข้น ซึ่งงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในกลุ่มนี้จัดได้ว่าเป็นงานวิจัยที่สร้างคุณค่าอย่างสูงของสหราชอาณาจักรและยังเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างมาก
รายงานจากการประชุมนักพิษวิทยาด้านสิ่งแวดล้อมที่กรุงเฮลซิงกิของฟินแลนด์ เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมานั้น ผลงานวิจัยของ University of York ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำในแม่น้ำหลายสายกว่า 72 ประเทศ พบว่า 65% มีการปนเปื้อนยาปฏิชีวนะ โดยเฉพาะแม่น้ำในเอเชียและแอฟริกา ซึ่งพบยาปฏิชีวนะปนเปื้อนในระดับที่เป็นอันตรายกว่าปกติหลายเท่า
ที่มาของภาพ : pixabay
งานวิจัยชิ้นนี้ได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำจากแหล่งต่าง ๆ ซึ่งเก็บจากแม่น้ำสายสำคัญทั่วโลกรวม 711 แห่ง และหนึ่งในนั้นก็คือแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำโขง ด้วยเช่นกัน โดยยาปฏิชีวนะที่ตรวจหาเป็นยาฆ่าเชื้อที่ใช้กันอย่างแพร่หลายรวม 14 ชนิด ซึ่งยาปฏิชีวนะในแต่ละชนิดนั้นจะมีอัตราปนเปื้อนแตกต่างกันไปตามชนิดของยานั้น ๆ
ในแหล่งน้ำของบังกลาเทศ เคนยา กานา ปากีสถาน และไนจีเรีย คือบริเวณที่พบการปนเปื้อนร้ายแรงที่สุด โดยมีการตรวจพบยาเมโทรนิดาโซล ซึ่งใช้สำหรับรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังและปาก เกินระดับความปลอดภัยถึง 300 เท่า นอกจากนี้ยังพบยาไตรเมโทพริม ซึ่งใช้สำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทางเดินปัสสาวะปนเปื้อนมากถึง 43%
จากการวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยานั้นพบว่า มีสารตกค้างหลายชนิดที่ปนเปื้อนอยู่กับน้ำ แต่ที่พบมากที่สุดก็คือ ยาต้านจุลชีพ ยาต้านแบคทีเรีย และเชื้อดื้อยา ซึ่งสถานที่ที่มีความเสี่ยงของการปนเปื้อนยาปฏิชีวนะสูง มักจะอยู่ใกล้กับโรงงานบำบัดน้ำเสีย หรือสถานที่ที่มีขยะมาก
ที่มาของภาพ : pixabay
ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวนอกจากจะเป็นไปเพื่อแสดงให้เห็นถึงปัญหาการปนเปื้อนของแหล่งน้ำ ตลอดจนปัญหาในเรื่องของการบำบัดน้ำเสียที่ควรจะมีมาตรการให้รัดกุมและเดินหน้ากันอย่างจริงจังในเรื่องนี้แล้ว ยังสามารถสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะมากจนเกินไป และเมื่อยาปฏิชีวนะเหล่านั้นถูกปล่อยลงไปตามธรรมชาติหรือแหล่งน้ำต่าง ๆ ไม่ว่าจะจากการขับถ่ายของเสียหรือการระบายของเสียลงสู่แหล่งน้ำก็ตาม นั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เชื้อแบคทีเรียของเชื้อโรคต่าง ๆ เกิดการกลายพันธุ์และเกิดการดื้อยา ซึ่งผู้เขียนรายงานของสหประชาชาติคาดการณ์ว่าจะมีผู้ติดเชื้อจำนวน 10 ล้านคนที่อาจจะเสียชีวิตจากโรคดื้อยาในปี ค.ศ. 2030 และแน่นอนว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติด้วย
ข่าวจาก THAI PBS
ข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบ : ตะลึงกันทั่วหน้า! หลังตรวจพบการปนเปื้อนยาปฏิชีวนะในแม่น้ำกว่า 711 สายทั่วโลก
Surapun ปุ๋ย ยา ใช้ในการเกษตร ฝนชะล้างไหลลงลำคลองเเม่น้ำำ.. วิธีการกำจัดสารเคมี ตลอดจนยาหมดอายุ ด้วยการเอาไปเททิ้งตามแหล่งน้ำำ.. พบเห็นโดยทั่วไป ..
30 ม.ค. 2563 เวลา 13.04 น.
โลกนี้มีแต่ความยุ่งยาก ข่าวรับรู้ทุกวันยิ่งทำให้เครียด เราจะปิดไลน์ล่ะเบื่อสังคมทั้งคน สัตว์ สิ่งของ มีแต่ความวุ่นวายใจ
19 ก.ค. 2562 เวลา 17.03 น.
ดูทั้งหมด