กิ๊ก มยุริญ เล่าวินาทีถูกชายหนุ่มบุกหวังเคลมถึงห้อง ยันไม่คิดบวชตลอดชีวิต

"กิ๊ก มยุริญ" เล่าวินาทีถูกชายหนุ่มบุกหวังเคลมถึงห้อง ยันไม่คิดบวชตลอดชีวิต
       ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ช่วงนึงเคยเป็นสาวปาร์ตี้จนทำให้มีชายหนุ่มบุกหวังเคลมถึงห้องนอนก่อนที่จะผันตัวเองหันหน้าเข้าหาพระธรรมอย่างถาวร สำหรับ "กิ๊ก มยุริญ ผ่องผุดพันธ์" ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเผยเรื่องนี้พร้อมยันยังไม่คิดจะบวชตลอดชีวิตจนไม่สึกให้ฟังด้วยว่า 

อ่านข่าวต่อ :

“กิ๊ก มยุริญ” หวนรับงานแรกหลังสึก ร่วมเดินแบบแฟชั่นบนรันเวย์

      ก็เป็นช่วงอายุตอนนั้นยังสาวอยู่คือไปกินเหล้านิดๆ หน่อยๆ ปกติจะมีช่างแต่งหน้าไปด้วยแต่วันนั้นพี่เขาไม่ได้ไปจังหวะที่ไปกินเหล้ามีผู้ชายคนนึงมองตนซึ่งต่างคนก็ต่างมองกันเหมือนจะชอบกันพอจังหวะที่ตนจะกลับเข้าไปห้องเขาเห็นว่าเมาแล้วและมาคนเดียวเลยตามไปที่ห้องเขามาเคาะประตูถึงห้องเลยตนก็เปิดไปแล้วเขาก็เริ่มจู่โจมเข้ามาจูบเลยพอมารู้ตัวอีกทีเขาก็ขึ้นอยู่บนตัวแล้วตอนนั้นไม่ได้คิดอยากที่จะสมยอมอยู่แล้วขำๆเพราะถ้าเกิดสมยอมตอนนั้นก็คงจะมีสามีไปแล้วโดยตนพยายามปฏิเสธแล้วก็เป็นโชคดีที่เขายอมออกไปแต่โดยดีโดยหลังจากนั้นรู้สึกตัวสั่นมากตกใจทำตัวไม่ถูกเลยโทรไปหาช่างแต่งหน้าว่าจะทำอย่างไรดีเพราะยังจำได้เลยว่าแรงผู้ชายเยอะกว่าแรงผู้หญิงมากแค่ไหน

       สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนในครั้งนี้ก็อยากจะขอฝากกับน้องๆ ทุกคนว่าจริงแล้วไม่ควรจะไปยั่วยุคนอื่นก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อนและเวลาไปไหนมาไหนอยากให้แต่งตัวให้ถูกกาลเทศะไม่กลับบ้านดึกไม่พาตัวเองไปในสิ่งที่ไม่ดีก็จะไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วตนเองเองยังคง Concept อันนี้ไว้ว่าผู้หญิงไทยต้องรักนวลสงวนตัวและที่สำคัญคือห้ามดื่มเหล้าเพราะการที่ดื่มเหล้าจะทำให้ขาดสติ 

      ด้านผลงานในวงการตอนนี้ก็ยังรับงานอยู่เหมือนเดิมไม่ว่าจะงานพิธีกรงานละครแต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาตอนนี้ก็คือเป็นวิทยากรบรรยายธรรมะงานละครต้องขอขอบคุณทางผู้จัดและผู้ใหญ่ใจดีที่ยังนึกถึงคอยมอบโอกาสดีๆมาให้และมีบทละครให้ได้เลือกเล่นหลากหลายอารมณ์เรียกได้ว่าตอนนี้ก็คิดถึงบทร้ายแบบขั้นสุดโดยตอนนี้ก็กำลังถ่ายละครเรื่อง"อสรพิษ"ทางช่อง One  แล้วเดี๋ยวก็จะมีละครทางช่อง 3 แล้วก็ช่อง GMM ตามมาอีกถามถึงบทบาทที่ได้รับก็มีแตกต่างกันไปมีทั้งบทคุณแม่สายฮาบ้างคุณแม่สายบุญก็มีกับลิมิตในการรับงานก็จะดูว่างานชนกันไหมถ้าไม่ชนก็สามารถรับได้เต็มที่และมีคิดอยู่แล้วว่าถ้าช่วงไหนไม่มีงานละครแล้วก็รับงานวิทยกรบรรยายธรรมะเพราะส่วนตัวคิดว่าชีวิตนี้มันสั้นถ้าเป็นงานจิตอาสาอะไรอยากจะช่วยให้เต็มที่ยิ่งหลังจากที่ได้ไปบวชมาเสร็จแล้วก็มีงานบรรยายธรรมะแบบนี้เข้ามาเยอะมากกว่าปกติ

      ส่วนเรื่องที่จะกลับไปบวชอีกก็ไม่ได้คิดว่าตอนไหนตอนนี้อยากจะทำงานเก็บปัจจัยให้ได้เยอะๆแล้วกลับไปทำบุญให้เต็มที่อย่างที่ใจว่าอยากจะทำก่อนอย่างรอบที่แล้วบวชไป 7 เดือนถ้าเกิดว่ามีบวชรอบ2คิดว่าคงจะไม่ฟิกเวลากับตัวเองว่านานเท่าไหร่กับโอกาสจะบวชตลอดจนไม่สึกเลยตอนนี้ยังไม่คิดคงอีกนานมากอาจจะเป็นเรื่องของอนาคตเลยก็ว่าได้