@@@……สวัสดีท่านผู้อ่าน “เดลินิวส์ออนไลน์” มาพบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “รหัสมอร์สส่องกองทัพ” ตรงวันเสาร์ที่ 21 ก.ย. 2562 ผ่านไปเรียบร้อยสำหรับการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ที่รัฐสภา แม้ว่าการอภิปรายจะสร้างความผิดหวังให้กับฝ่ายค้านที่ต้องการให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แสดงความรับผิดชอบ ประเด็นคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ….
@@@……แต่ที่สร้างสีสันให้กับการประชุมสภาในการอภิปรายที่แสนจะจืดชืดนั้น คงจะเป็นช่วงที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้นำเอกสารที่หน้าปกเขียนไว้ว่า "โครงข่ายขบวนการทำลายประเทศ" ปรากฏบนโต๊ะของนายกฯ ขณะกำลังรับฟังการอภิปรายฯ ที่รัฐสภา ซึ่งเอกสารดังกล่าว ได้สร้างความสงสัยให้กับคนที่อยากรู้ว่า โครงข่ายขบวนการทำลายประเทศ มีเนื้อหาและรายชื่อเกี่ยวข้องกับใครบ้าง เพราะเอกสารดังกล่าวเป็นการจัดทำโดยหน่วยข่าวกรองของรัฐบาล ที่ได้เฝ้าติดตามกลุ่มต่าง ๆ ทั้งนักการเมือง คนที่เคลื่อนไหวทั้งใต้ดิน บนดิน พวกที่มุ่งสร้างความแตกแยกในสังคม ผ่านสื่อออนไลน์ รวมทั้ง การรายงานความเคลื่อนไหวของคนที่อยู่แดนไกล และพวกที่ชอบจาบจ้วงแล้วหนีไปอยู่ต่างแดน ใครเป็นใคร…?? คนที่มีพฤติกรรมดังที่กล่าวมา คงจะรู้ตัวดี ถึงเวลาจัดการเลย….??
@@@……“สังคมที่ไม่เป็นธรรม ประเทศไม่มีทางสงบ” เป็นวาทะของนักการเมืองที่เป็นนายทุนใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งฟังดูแล้วนึกไม่ออกว่า สังคมที่พูดถึงนั้นหมายถึงอะไร แต่ที่แน่ ๆ สังคมที่กล่าวถึง น่าจะหมายถึงสังคมของนักการเมือง มีความพยายามจะผูกภาคสังคมเข้ากับการเมืองและรัฐธรรมนูญ อาจวิเคราะห์ได้ว่า รัฐธรรมนูญปัจจุบันให้อำนาจองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบไว้มากกว่า ที่เคยปรากฎมาก่อนและยังให้ความสำคัญต่อ การมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม ขณะที่การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์และอำนาจ ซึ่งฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะฝ่ายการเมืองในรัฐสภาก็ต้องว่ากันไปตามครรลองและวิถีของประชาธิปไตย ซึ่งการจับเรื่องนั้นเรื่องนี้มาผูกกัน และแสดงออกชัดเจนถึงความปรารถนาที่จะล้มล้างรัฐธรรมนูญ ล้มล้างการปกครอง อาจล่อแหลมต่อการละเมิดรัฐธรรมนูญ และล่อแหลมต่อการถูกดำเนินคดีอยู่แล้ว การไม่เคารพต่อกติกาที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ถือว่ามิได้เป็นไปตามวิถีของประชาธิปไตย ซึ่งเปิดโอกาสไว้แล้วให้ผู้เกี่ยวข้องและประชาชน สามารถเข้าชื่อเพื่อปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แน่นอน แต่มิใช่การล้มล้างรัฐธรรมนูญ
@@@……ส่วนการปฏิญาณตนกับการถวายสัตย์ปฏิญาณดูเหมือนจะคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนกันทีเดียว การปฏิญาณตน เช่น การปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล หรือ ปฏิญาณตนต่อคัมภีร์ไบเบิลต่อหน้าใครก็ตาม แตกต่างจากการถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งการชี้แจงของรองนายกรัฐมนตรีฟังได้ละเอียดชัดเจนอย่างยิ่ง เรื่องน่าจะจบแค่นี้ แต่ยังมีความพยายามที่จะไล่นายกรัฐมนตรี ล้มรัฐบาล ต่อเนื่องต่อไป โดยด้อยค่ารัฐบาล พร้อมกับข่าวปล่อย ข่าวล่วง โจมตีรัฐบาลต่อการบริหารจัดการบรรเทาภัยพิบัติไปพร้อมกัน การปฏิบัติของฝ่ายค้านที่เกินสมควร อาจสร้างกระแสความเบื่อหน่ายให้แก่ประชาชนที่เฝ้าดูอยู่ ซึ่งมิใช่ความเบื่อหน่ายจากพฤติกรรมของฝ่ายการเมืองในสภาเท่านั้น แต่อาจจะส่งผลต่อเนื่องถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไปของฝ่ายค้านก็เป็นได้ ฝ่ายความมั่นคงก็ได้แต่หวังว่า การทำหน้าที่ของทุกฝ่ายจะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติและส่วนรวมมากกว่าจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือ ฝ่ายการเมืองฝ่ายฝ่ายใดหนึ่งเท่านั้น
@@@……หลังจากที่ถูกติงว่าไม่มีใครเลียวแลคนที่ถูกน้ำท่วมที่อุบลฯ……”บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะได้ลงเรือท้องแบนไปยังบ้านกุดชุม ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ โดยระยะทางผ่านกว่า 4 กิโลเมตร เป็นพื้นที่นาข้าวของชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 3 เมตร โดยระหว่างทางที่พบชาวบ้านติดอยู่ในบ้านที่น้ำท่วม นายกรัฐมนตรีจะใช้โทรโข่งทักทายชาวบ้านเป็นระยะว่า "วันนี้เอาความห่วงใย เอากำลังใจมาฝาก ถ้าใครมีความเดือดร้อนอะไร ก็บอกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เขาได้นะ” ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังลงเรือตรวจเยี่ยมประชาชนว่า วันนี้ได้เห็นสถานการณ์จริงที่น้ำท่วมมิดหลังคาเสียส่วนใหญ่ และได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้นำสิ่งของมาแจกจ่ายประชาชนเพิ่มเติมเพื่อให้กำลังใจ และพบว่า ประชาชนยังยิ้มได้ ดีใจที่นายกรัฐมนตรีมาเยี่ยม พร้อมจะสู้ต่อไป ไม่มีอะไรที่เราจะทิ้งไปได้ เพราะที่นี่คือบ้านและแผ่นดินของเรา เห็นน้ำแล้วก็เสียดาย ถ้าเกิดระบายไปหมด ซึ่งหากมีน้ำแบบนี้แล้วไม่รบกวนที่ทำกินก็จะดี เพราะเป็นประโยชน์ต่อการทำนาปี เนื่องจากส่วนใหญ่จะทำได้แค่นาปรัง และน้ำไม่เพียงพอ
@@@……ตลอดเวลาที่ประชาชนประสบอุทกภัย ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันบรรเทาความเดือดร้อน จากสถานการณ์อุทกภัยในภาคเหนือและอีสาน โดยขณะนี้ยังคงมีสถานการณ์อยู่ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จว.อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด และ ศรีสะเกษ โดยเฉพาะที่ จว.อุบลราชธานี ยังคงมีภาวะน้ำท่วมขัง และแนวโน้มระดับน้ำจะลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงกำลังพลและยุทโธปกรณ์อยู่ดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมอย่างต่อเนื่องทั้งดำรงชีพกลางวัน ดูแลความปลอดภัยช่วงกลางคืน โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้จัดการตั้งศูนย์บรรเทาภัยส่วนหน้า ที่ศาลากลาง จว.อุบลราชธานี ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเสริมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เรือพลังลม จาก กองพลพัฒนาที่ 2 เข้าไปเพิ่มเติมอีก
@@@……โดยล่าสุดยังคงเป็นการช่วยเหลือในการดำรงชีวิตประจำวัน ได้แก่ การปรุงอาหารโดยโรงครัวพระราชทาน แจกจ่ายให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ ร่วมกับทุกภาคส่วนและ รด.จิตอาสาในการบรรจุขนส่งและนำถุงยังชีพไปมอบให้กับผู้ประสบภัย พร้อมจัดเรือและรถยนต์บรรทุกบริการ รับ - ส่ง อำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะระหว่าง อ.วารินชำราบ- อ.เมือง จัดชุดแพทย์ทหาร บริการทางการแพทย์รวมทั้งการเดินทางเข้าพื้นที่น้ำท่วมสูง ซึ่งประชาชนบางส่วนไม่ได้อพยพออกจากบ้าน เพื่อบริการตรวจสุขภาพ มอบสิ่งของยาสามัญประจำบ้าน ครีมทาน้ำกัดเท้า เป็นต้น รวมถึงมีการจัดแสดงดนตรี และกิจกรรมนันทนาการเพื่อให้ประชาชนผ่อนคลาย นอกจากนี้กองทัพภาคที่ 2 ได้ร่วมกับ จว.อุบลราชธานี ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือเข้ากำจัดผักตบชวาตามแหล่งน้ำเพื่อให้การระบายน้ำในพื้นที่ได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย ส่วนในช่วงเวลากลางคืนเจ้าหน้าที่ได้จัดชุดดูแลความปลอดภัยและพักแรมร่วมกับประชาชน ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและชุมชนที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งประชาชนยังไม่สามารถกลับเข้าไปพักอาศัยในบ้านเรือนได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน ได้จัดชุดลาดตระเวนทางน้ำ เข้าตรวจสอบพื้นที่ รักษาความปลอดภัยบ้านเรือนทรัพย์สินประชาชนในพื้นที่อุทกภัยริมฝั่งแม่น้ำมูล ตามนโยบาย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
@@@……ปิดท้ายด้วยเรื่องการลงพื้นที่ภาคใต้ของ “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ในฐานะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่ จว.ปัตตานี เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในการแก้ปัญหาความไม่สงบใน พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้นำความห่วงใยและคำชื่นชมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่มีต่อข้าราชการพลเรือน ตำรวจและทหาร ที่ร่วมกันปฎิบัติงานในพื้นที่ ด้วยความมุ่งมั่น เสียสละและอดทน ที่ผ่านมา เป็นผลให้สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้นตามลำดับ โดยขอให้เน้นการมีส่วนร่วมและตั้งอยู่ในความไม่ประมาทในการปฏิบัติงาน โดยและขอให้ทุกส่วนราชการ น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “จิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ” พร้อมทั้งยึดมั่นในนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาด้วยหลักสันติวิธี อำนวยความยุติธรรมด้วยการ บังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรม เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ โดยให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งขอให้ร่วมกันคงความพยายามหลักในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเน้นเพิ่มประสิทธิภาพ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชนและการมีส่วนร่วมของประชาชนให้มากขึ้น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด การค้ามนุษย์และการลักลอบค้าสิ่งผิด กฎหมายในพื้นที่ ซึ่งมีส่วนสำคัญของเงื่อนไขความเหลื่อมล้ำและปัญหาทางสังคม โดยขอให้ประสานการมีส่วนร่วมของทุกชุมชนให้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้นำทางศาสนาและผู้นำท้องถิ่น ทั้งนี้ขอให้เพิ่มการเฝ้าระวัง ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและเครือข่ายกล้องวงจรปิดให้มากขึ้น สำหรับการขับเคลื่อนกระบวนการพูดคุยสันติสุข เพื่อให้สามารถเดินหน้าบนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมกับประชาชนระดับพื้นที่อย่างกว้างขวาง ควบคู่กับการขับเคลื่อนเดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งด้านการศึกษา เศรษฐกิจและสังคม ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เพื่อนำไปสู่โอกาสทางสังคมและการอยู่ดีมีสุขของประชาชนในพื้นที่ที่ยั่งยืน
………………………………………
คอลัมน์ : รหัสมอร์สส่องกองทัพ
โดย "รหัสมอร์ส"
เรื่องให้ร้ายคนอื่นเป็นงานถนัดของคนพวกนี้
21 ก.ย 2562 เวลา 12.44 น.
Wandee อวยกันเข้าไปพวกของมึงทำกันดีคนเค้าชอบเอง ถ้าดีไม่จริงมึงอวยยังไง เค้าก็ไม่เอา
21 ก.ย 2562 เวลา 04.37 น.
Wat Phrabuddhabath เสียเวลาอ่านตั้งนาน ตอนนี้สำนักข่าวนึ้ก็เป็นของเจาแล้วหรอ
20 ก.ย 2562 เวลา 21.58 น.
อวยกันเข้าไป..แล้วแผนล้มเจ้าที่ยอมรับว่าปลอม เรื่องไปถึงไหนแล้วครับ?
20 ก.ย 2562 เวลา 21.58 น.
PUnakhonbelieve ไม้แก่ ชอบป้ายสี
20 ก.ย 2562 เวลา 18.11 น.
ดูทั้งหมด