ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งจำคุก “นายก-ปลัด อบต.สามัคคี”คนละ 50 ปี ในข้อหาร่วมกันกระทำการทุจริตโครงการจ้างเหมาซ่อมแซมถนนลูกรัง ในพื้นที่ ต.สามัคคี เมื่อปี 2558 จำนวน 12 โครงการ ขณะที่ผู้ร่วมขบวนการ ไม่รอด!! โดนจำคุก-ปรับเงินอื้อ แต่ศาลฯให้รอลงอาญาไว้ก่อน เหตุไม่เคยต้องคดีและสมควรให้โอกาศกลับใจ
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 เมื่อเวลา 10.30น.วันที่ 17 ก.ย.62 ศาลได้เผยแพร่คำพิพาก ษาคดีหมายเลขดำที่ อท 135/2561 และคดีหมายเลขแดงที่ อท.116/2562 ลงวันที่ 10 ก.ย.62 ที่พนักงานอัยการ สำ นักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเกียรติศักดิ์ บัวคำโคตร อดีตนายก อบต.สามัคคี อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ จำเลยที่ 1 พร้อมพวกรวม 14 คน ประกอบด้วยจำเลยที่ 2 นายสมพงษ์ สกุลรัตน์ ปลัด อบต.สามัคคี,จำเลยที่ 3 ผู้อำนวยการกองคลัง,จำเลยที่ 4 หัวหน้าสำนักปลัด,จำเลยที่ 5 ผู้อำนวยการกองการศึก ษา,จำเลยที่ 6 นักบริหารการศึกษา รักษาราชการแทนหัวหน้าส่วนโยธา,จำเลยที่ 7 นักวิชาการจัดเก็บรายได้ ระดับ 7 ,จำเลยที่ 8 เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป ,จำเลยที่ 9 นักวิชาการจัดเก็บรายได้ ระดับ 5 ,จำเลยที่ 10 นักวิชาการพัสดุระ ดับ 6 ,จำเลยที่ 11-13 เป็นคู่สัญญาผู้รับจ้าง และจำเลยที่ 14 ในฐานะส่วนตัว และฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 13 ฐานร่วมกันกระทำการทุจริตโครงการซ่อม แซมถนนลูกรังภายในพื้นที่ ต.สามัคคีประจำปีงบประมาณ 2558 จำ นวน 12 โครงการ
โดยพนักงานอัยการฯตรวจพบว่า จำเลยไม่ได้ดำเนินการตามโครงการให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามบันทึกตกลงการจ้างที่ทำไว้ เป็นเหตุให้ อบต.สามัคคี ได้รับความเสียหาย ซึ่งในชั้นพิจารณามีเพียง จำเลยที่ 8 ซึ่งได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ในโครงการที่ 3,6,8และ 11 กับจำเลยที่ 12 ซึ่งเป็นคู่สัญญาผู้รับจ้างในโครง การที่ 5 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยคนอื่นๆได้ให้การปฎิเสธ
ทั้งนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ได้พิจารณาแล้ว จึงมีคำสั่งลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1,2,3,4 และที่ 10 มีกำหนดคนละ 50 ปี และปรับจำเลยที่ 3,4 และ 10 คนละ 60,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 5 ให้จำคุก 12 ปี 1 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท จำเลยที่ 6 และ 7 ให้จำคุกคนละ 36 ปี 48 เดือนและปรับคนละ 60,000 บาท จำเลยที่ 8ให้จำคุก 6 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 9 ให้จำคุก 12 ปี 16 เดือน และปรับ 20,000 บาท จำเลยที่ 11 ให้จำคุก 18 ปี 24 เดือน และปรับ 300,000 บาท จำเลยที่ 12 ให้จำคุก 1 ปี 8 เดือน และปรับ 2,500 บาท จำเลยที่ 13 ซึ่งเป็นนิติบุคคล ให้ปรับ 25,000 บาท และจำเลยที่ 14 ให้จำคุก 15 ปี 20 เดือน และปรับ 20,000 บาท
ทั้งนี้จากการพิเคราะห์พฤติการณ์การกระทำของจำเลยที่ 3,4,5,6,7,8,9,10,11,12 และ 14 ที่ปรากฏในชั้นพิจารณาตลอดจนรายงานสืบเสาะและพินิจสำหรับจำเลยที่ 3,4,5,6,7,8,9,10,11 และ 14 แล้วไม่ปรากฏว่าเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จำเลยที่ 3,4,5,6,7,8,9และ 20 ได้ถูกลงโทษทางวินัยถูกไล่ออกจากราชการมาก่อนแล้วและล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชามีหน้าที่ปฎิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา คือ จำเลยที่ 1 และ 2 เห็นสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยจำคุกจำเลยที่ 3,4,5,6,7,8,9,10,11,12 และ ที่ 14 ให้รอการลงโทษ 2 ปี
ทั้งนี้คดีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประชาชนในพื้นที่ อ.ร่องคำ ได้ร้องเรียนต่อสำนักงาน ป.ป.ช., ศูนย์ดำรงธรรม,ท้องถิ่นจังหวัด, สตง,และ ป.ป.ท. จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้ตรวจสอบโครงการดังกล่าว เมื่อปี 2558 โดยได้มีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง จนกระทั่งสำนักงาน ป.ป.ช.จ.กาฬสินธุ์ มีมติสั่งฟ้องจนนำมาสู่การตัดสินคดีดังกล่าวในครั้งนี้
NIK ปชช.จะต้องช่วยกันสอดส่องอย่างนี้ครับ จึง
จะปราบคอรัปชั่นได้
17 ก.ย 2562 เวลา 17.18 น.
รอลงอาญา?????? โกงเงินชาติ ให้รอลงอาญา??????
17 ก.ย 2562 เวลา 11.14 น.
พิเชษฐ์ รอลงอาญาทำไม แดกงบประมาณแผ่นดิน น่าจะให้ติดคุกไปเลย
17 ก.ย 2562 เวลา 09.15 น.
Anuwat แดกกันหมดนั่นแหละ..หัวส่ายหางมันก็ส่ายตาม.
17 ก.ย 2562 เวลา 08.57 น.
กีรติสุนทร เอื้ออำนวยให้กลับมาแดกเงินภาษีราษฎรต่อไป ผิดชัดๆ รอลง ประเทศนี้ขี้ข้าหลวงใหญ่ฉิบหาย ศาลที่ไม่ควรเคารพอยู่ถึง70 ชาติพินาศเพราะใครถ้าไม่ใช่คนหลวงหลงในอำนาจ ถุย เกาะกินกันจนชาติล่มจม
17 ก.ย 2562 เวลา 08.45 น.
ดูทั้งหมด