ทั่วไป

ผลสำรวจพบว่าเกือบ 90% ของคนจีนและคนญี่ปุ่นมี ‘ทัศนคติเชิงลบ’ ต่อกัน เรื่องอะไรที่กระทบความสัมพันธ์ของคนสองชาติ?

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส
อัพเดต 05 ธ.ค. 2567 เวลา 07.31 น. • เผยแพร่ 05 ธ.ค. 2567 เวลา 07.22 น.
ภาพไฮไลต์

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญระดับโลกและอาจส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ในประวัติศาสตร์โลกที่ผ่านมาแสดงให้เราเห็นแล้วว่ามีหลากหลายประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อย่างรุนแรงจนยากที่จะแก้ไข เช่น อคติทางเชื้อชาติและศาสนา หรือสงครามแย่งชิงดินแดนในอดีต

ปัจจุบันทั่วโลกยังคงประสบปัญหากับการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและในบางประเทศก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะญาติดีกันได้ แม้พวกเขาจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดกันแค่ไหนก็ตาม

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จีนและญี่ปุ่นถือเป็นสองประเทศที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกันมาอย่างยาวนาน และมักมีประเด็นให้เกิดการกระทบกระทั่งกันอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2024 มีผลสำรวจความคิดเห็นร่วมกันระหว่างญี่ปุ่นและจีนครั้งที่ 20 ของกลุ่มวิจัย Genron NPO ในโตเกียว และ China International Publishing Group องค์กรสื่อดำเนินการโดยกรมประชาสัมพันธ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปักกิ่ง ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามชาวญี่ปุ่นและชาวจีนเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์มีทัศนคติเชิงลบต่อกันและกัน ถือเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 20 ปี

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกันระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเป็นเพราะเมื่อปี 2023 ประเทศญี่ปุ่นปล่อยน้ำกัมมันตภาพรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะที่พังเสียหายเมื่อปีที่แล้วลงในทะเล ทำให้เกิดการประท้วงอย่างรุนแรงและกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารทะเลในจีน

การสำรวจครั้งนี้ระบุว่า มีผู้ตอบแบบสอบถามชาวจีน 87.7 เปอร์เซ็นต์มีทัศนคติเชิงลบต่อญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ใน 4 จากผลสำรวจเมื่อปีที่แล้ว โดย Genron NPO กล่าวบนเว็บไซต์ว่า นี่ถือเป็นสัดส่วนที่สูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจในปี 2005

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ในขณะที่สัดส่วนอันดับ 1 คือปี 2013 มีผู้มีทัศนคติเชิงลบต่อญี่ปุ่นถึง 92.8 เปอร์เซ็นต์ เพราะเกิดข้อพิพาทจากที่ญี่ปุ่นยึดครองหมู่เกาะเตียวหยู หรือที่รู้จักกันในชื่อหมู่เกาะเซ็นกากุ ในช่วงปี 2012 ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นย่ำแย่ลงจนเกิดการประท้วงต่อต้านญี่ปุ่นในหลายเมืองทั่วประเทศจีน

อีกด้านหนึ่ง ปีนี้มีผู้ตอบแบบสอบถามชาวญี่ปุ่นมีทัศนคติเชิงลบต่อจีน 89 เปอร์เซ็นต์ ลดลง 3.2 เปอร์เซ็นต์จากเมื่อปี 2023

สัมพันธ์กับข้อมูลอีกชุดว่า ผู้ตอบแบบสอบถามชาวญี่ปุ่นที่คิดว่าความสัมพันธ์ทวิภาคี (ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ) นั้นสำคัญมากมีจำนวนถึง 67.1 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่แล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าการลดลงของทัศนคติเชิงลบมีผลเกี่ยวเนื่องกับทัศนคติของการให้ความสำคัญต่อสัมพันธ์ทวิภาคี

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามชาวจีนที่คิดว่าความสัมพันธ์ทวิภาคีนั้นสำคัญมีเพียง 26.3 เปอร์เซ็นต์ ลดลงอย่างรวดเร็วเกือบ 34 เปอร์เซ็นต์เป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

“นับเป็นการเสื่อมถอยทางความรู้สึกของสาธารณชนที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 20 ปีของการสำรวจนี้” Genron NPO กล่าวบนเว็บไซต์ เนื่องจากสัดส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามที่เชื่อมั่นในความสำคัญของความสัมพันธ์ทวิภาคีในทั้งสองประเทศไม่เคยลดลงต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์มาก่อน

เกา อันหมิง (Gao Anming) บรรณาธิการบริหารของ China International Publishing Group มองว่าทัศนคติที่เสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็วของชาวจีนที่มีต่อชาวญี่ปุ่นไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้จากผลกระทบของเหตุการณ์เกิดขึ้นในปัจจุบันเท่านั้น แต่รวมไปถึงข้อพิพาทต่างๆ ในอดีตและปัจจัยอื่นๆ ด้วย

“ชาวจีนกลุ่มนั้นไม่เชื่อมั่นในกลยุทธ์ของญี่ปุ่นในหลายประเด็น เช่น ประเด็นหมู่เกาะที่เป็นข้อพิพาทในทะเลจีนตะวันออก ทะเลจีนใต้ และไต้หวัน นอกจากนี้ชาวจีนยังกังวลถึงจุดยืนทางการเมืองของญี่ปุ่นหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วย”

ความรู้สึกเชิงลบต่อกันระหว่างจีนกับญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไรต่อ

ความรู้สึกเชิงลบของคนต่างชาติกันอาจเป็นชนวนเหตุนำไปสู่ความเกลียดชังได้ เพราะเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เด็กชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งถูกแทงเสียชีวิตในเมืองเซินเจิ้นทางตอนใต้ของจีน ไม่ถึงสามเดือนหลังจากนั้นชาวจีนคนหนึ่งเสียชีวิตขณะปกป้องแม่และลูกชาวญี่ปุ่นจากการถูกแทงด้วยมีดในเมืองซูโจว บริเวณใกล้เคียงกับเซี่ยงไฮ้

เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้คนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนเกิดความกังวลและรู้สึกไม่ปลอดภัย ทั้งยังทำให้คนญี่ปุ่นเกิดความรู้สึกเชิงลบกับจีนมากขึ้น

ส่วนในภาพการเมืองใหญ่ จีนและญี่ปุ่นยังต้องอาศัยความร่วมมือกัน โดยเฉพาะด้านการทหารและความมั่นคงของชาติ

สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนพบกับ ชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ขณะประชุมนอกรอบการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่เปรูเมื่อเดือนที่แล้ว โดยสีจิ้นผิง กล่าวว่า “จีนต้องการทำงานร่วมกับญี่ปุ่นและจัดการความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์” พร้อมภาพการจับมือกันอย่างแนบแน่น

(จากซ้าย) ชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น และสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน

กระทรวงต่างประเทศของจีน ยังระบุอีกว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงหวังว่าญี่ปุ่นจะเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์อย่างตรงไปตรงมาและจัดการกับปัญหาสำคัญต่างๆ รวมถึงประเด็นทางประวัติศาสตร์และไต้หวันอย่างเหมาะสม

แม้ว่าผู้นำระหว่างสองประเทศจะยังคงมีแนวทางที่จะสานสัมพันธ์อย่างสันติ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกเชิงลบที่ฝังลึกในจิตใจของประชากรทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถลบเลือนไปได้อย่างหมดจด เป็นที่น่าติดตามว่าการกลับมาสานสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป

อ้างอิง: scmp.com , intsharing.co

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : plus.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ความเห็น 1
  • John KR
    ปชต. vs คอมมิวนิสต์
    08 ธ.ค. 2567 เวลา 00.38 น.
ดูทั้งหมด