ทั่วไป

พิษคลิปหลุดเสียง ผบ.ตร. เด้งฟ้าผ่า "วิระชัย" พ้นสตช.

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์
อัพเดต 24 ม.ค. 2563 เวลา 17.48 น. • เผยแพร่ 24 ม.ค. 2563 เวลา 22.20 น.
ภาพไฮไลต์

ไปประจำสำนักนายกฯ ปมร้อนยิงถล่มรถโจ๊ก เตือน ‘สุรเชษฐ์’ ข้ามหัว บิ๊กช้างตบยุงศปก.ตร.

*คลิปเสียงหลุดพ่นพิษ สะเทือนยุทธจักรสีกากี บิ๊กตู่ เซ็นเชือด พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เข้ากรุ สำนักนายกฯ รับตรุษจีน หลัง ผบ.ตร.ชง มีพฤติการณ์และการกระทำส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นประชาชน กระทบภาพลักษณ์ สตช. และการปฏิบัติราชการของ ผบ.ตร. เป็นเหตุให้ราชการเสียหาย *

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ขณะที่ “บิ๊กแป๊ะ” สะบัดปากกาสั่งย้าย บิ๊กช้าง-พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร.เพื่อนรัก ร่วมรุ่นเข้ากรุ ศปก.ตร. ด้านจักรทิพย์ตอบสื่อ ปม คลิปเสียงคดีรถโจ๊กหวานเจี๊ยบ ถูกยิงเหตุเด้งวิระชัย ส่วนบิ๊กช้างย้ายเพื่อความเหมาะสม “บิ๊กตู่” เข้มออกคำสั่งเตือนจรรยาบรรณ “บิ๊กโจ๊ก” ต้องไม่ประพฤติชั่ว ไม่กระทำข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน ฝ่าฝืนเจอโทษทางวินัย

หลังมีข่าวแพร่สะพัดตลอดทั้งสัปดาห์ถึงการโยกย้าย 2 นายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร. ในที่สุดก็มีความชัดเจนขึ้น โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 ม.ค.มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 22/2563 เรื่อง ให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รายงานว่า พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. มีพฤติการณ์และการกระทำส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวยการยุติธรรม กระทบต่อภาพลักษณ์ของ สตช. และการปฏิบัติราชการของ ผบ.ตร.เป็นเหตุให้ราชการเสียหาย

สตช.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่ง สตช.ที่ 24/2563 ลงวันที่ 21 ม.ค.2563 แล้ว เพื่อประโยชน์แก่การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและเรื่องอื่นๆ ในมูลกรณีที่ประชาชนร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ซึ่ง สตช.อยู่ระหว่างตรวจสอบให้เป็นไปอย่างโปร่งไสมีความน่าเชื่อถือ และเพื่อให้เป็นที่ยอมรับแก่ประชาชน และผู้ร้องเรียน สมควรพิจารณาสั่งการให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ไปปฏิบัติราชการนอก สตช. อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (4) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 จึงมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัยมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม และให้ได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่มพิเศษ และสิทธิประโยชน์อื่นใดไม่ต่ำกว่าที่ได้รับอยู่เดิม โดยเบิกจ่ายจากสังกัดเดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นตันไปจนกว่าจะมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประการอื่น สั่ง ณ วันที่ 23 ม.ค.2563

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่า ในวันเดียวกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 28/2563 เรื่อง ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ให้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผอ.ศปก.ตร.มอบหมาย

มีรายงานด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ยังมีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 29/2563 เพื่อกำหนดลักษณะงานและการมอบหมายอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ จตช.รอง ผบ.ตร.ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รอง จตช. เนื่องด้วยตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 5552/2562 ลงวันที่ 1 ต.ค.ได้กำหนดลักษณะงานและการมอบหมายอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หลังมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีและคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร.ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.

ดังนั้น เพื่อให้การกำหนดลักษณะงานและการมอบหมายอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพสูง มีคำสั่งให้ยกเลิกการมอบหมายอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ กำกับดูแล รวมทั้งและปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. ตามคำสั่งดังกล่าวในงานกฎหมายและคดี เฉพาะในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.อ.วิระชัย และงานสืบสวนสอบสวน ในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ และให้ยกเลิกการมอบหมายอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ กำกับดูแล รวมทั้งสั่งและปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร.ตามคำสั่งดังกล่าว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

โดยงานด้านกฎหมายและคดี มอบหมาย พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จตช.เป็นหัวหน้ารับผิดชอบ กำกับการบริหารราชการหน่วยงาน รวมทั้งสั่งและปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. ด้านงานสืบสวนสอบสวน มอบหมาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้า รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการหน่วยงาน รวมทั้งสั่งและปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. ส่วนงานปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา มอบหมายให้ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์เป็นผู้รับผิดชอบกำกับดูแล รวมทั้งปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร.ในงานดังกล่าวตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

สำหรับกระแสการโยกย้ายนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ โดยผู้สื่อข่าวเฝ้าติดตามมาโดยตลอด พบว่า พล.ต.อ.วิระชัยไม่ได้เข้ามาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งอาทิตย์ แต่พบรถประจำตำแหน่งจอดอยู่ เมื่อสอบถามไปยังสำนักงาน เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานปฏิเสธที่จะตอบคำถาม อ้างแต่เพียงไม่ทราบภารกิจของผู้บังคับบัญชา กระทั่งเช้าวันนี้ปรากฏว่ารถประจำตำแหน่งไม่อยู่ที่ลานจอดรถ ส่วนที่สำนักงานมีเพียงเจ้าหน้าที่ 2-3 คน มาปฏิบัติราชการ ส่วน พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ยังมาร่วมแถลงการจับกุมนายประสิทธิชัย เขาแก้ว ผู้ต้องหาชิงทองในพื้นที่ จ.ลพบุรี เมื่อโทรศัพท์หานายตำรวจเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ทั้งคู่ไม่ยอมรับสาย ขณะที่สำนักงานของรอง ผบ.ตร.ทั้ง 2 นาย อยู่ในบรรยากาศเงียบเหงา

ต่อมาเวลา 14.45 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งโยกย้ายรอง ผบ.ตร. 2 นายว่า ไม่ได้หนักใจในการเซ็นคำสั่งโยกย้ายดังกล่าวแต่อย่างใด การโยกย้าย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ได้เสนอไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีให้มีการพิจารณากรณีดังกล่าว จริงๆแล้วเป็นเรื่องของการมีเอกภาพในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของรอง ผบ.ตร.ดังกล่าว หากดำรงตำแหน่งเกรงว่าจะมีอุปสรรคปัญหา เมื่อถามต่อว่า สาเหตุย้ายเป็นเรื่องคลิปเสียงที่ผู้ใหญ่ 2 ท่านคุยกันหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ตอบสั้นๆว่า ใช่ เมื่อถามถึงย้าย พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ผบ.ตร.กล่าวว่า เพื่อความเหมาะสม

ขณะที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า เชื่อว่าผู้บังคับบัญชามีเหตุผลอยู่แล้ว คำสั่งทุกคำสั่งต้องดำเนินการตามเหตุผล ตนเชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชา ไม่ทำให้ตำรวจ นครบาลเสียขวัญ ผู้ใต้บังคับบัญชามั่นใจในผู้บังคับบัญชา และปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

สำหรับปมคลิปเสียงที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์เผยว่าเป็นชนวนให้ พล.ต.อ.วิระชัย ถูกเตะย้ายพ้น ตร. เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 ม.ค.โดยโลกโซเชียลมีการแชร์คลิปลับบทสนทนาระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.ความยาวประมาณ 3 นาที บทสนทนาเป็นในลักษณะของการเตือนให้ดำเนินการในคดียิงรถยนต์ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกคนร้ายยิงรถเก๋งส่วนตัวที่จอดอยู่ตรงข้ามร้านสาริกา มาสสาจ ซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. เมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 ม.ค. ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของผู้ที่นำคลิปการสนทนามาเผยแพร่

เย็นวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในหนังสือ คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 6/2563 เรื่อง ให้ข้าราชการรักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ ทั้งนี้ ตามที่ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 2/2562 ลงวันที่ 9 เม.ย.2562 สั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ขาดจากการเป็นข้าราชการตำรวจ และให้โอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรี ตามมาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบซึ่งเป็นตำแหน่งที่ได้รับเฉพาะเงินเดือน โดยไม่ได้รับเงินประจำตำแหน่งและสิทธิประโยชน์ประจำตำแหน่งนั้น

เพื่อให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ และเพื่อให้การปฏิบัติงานของข้าราชการดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง อาศัยอำนาจตามข้อ 1 (1) ของบัญชีห้า ท้ายคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 9/2562 ลงวันที่ 9 ก.ค.2562 มาตรา 87 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 และหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1011/ว 12 ลงวันที่ 21 ส.ค.2556 นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง

เห็นสมควรกำชับให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุ ดังต่อไปนี้ 1.ไม่กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่ราชการโดยทุจริต ไม่รายงานเท็จต่อผู้บังคับ บัญชา ไม่ปฏิบัติราชการอันเป็นการกระทำการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน ไม่อาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนหาประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น ไม่ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ไม่ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ ไม่กระทำการอันเป็นการกลั่นแกล้ง กดขี่ ข่มเหงกันในการปฏิบัติราชการ ไม่ดูหมิ่นเหยียดหยามประชาชน 2. ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ ของทางราชการ ด้วยความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ อุทิศเวลาของตนให้แก่ราชการ รักษาความลับของทางราชการ มีความสุภาพ เรียบร้อย รักษาความสามัคคี ช่วยเหลือการปฏิบัติราชการระหว่างข้าราชการด้วยกันและผู้ร่วมปฏิบัติราชการ

ทั้งนี้ ให้ข้าราชการดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่ให้งดการมอบหมายงานพิเศษและสำคัญหากมีกรณีไม่รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยต่อไป ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 24 ม.ค.2563

ต่อมาเวลา 19.45 น. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่นายกฯมีคำสั่งกำชับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ ได้แจ้งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์รับทราบและกำชับให้ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวอย่างเคร่งครัดแล้ว

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 12
  • pook patama
    ถ้าเป็นพรรคอนาคตใหม่ถูกไล่ออกแน่
    25 ม.ค. 2563 เวลา 01.09 น.
  • Phisanu.c
    วันหนึ่ง เวรกรรมจะตามสนอง
    25 ม.ค. 2563 เวลา 01.06 น.
  • Sunun Thong
    ทำงานเอาหน้าเห็นช้างขี้จะขี้ตามช้าง เส้นใหญ่งานเบาไปไว ตกลงมาเจ็บหนา สอนเขาให้ระวังพอใหญ่ลืมตัว
    25 ม.ค. 2563 เวลา 01.05 น.
  • เติมทรัพย์โอเคการพิมพ์
    คบคนผิด คิดชั่วทำตัวหมอง #ดับ
    25 ม.ค. 2563 เวลา 00.46 น.
  • ชัยนรินท์(กิตติชัย)
    กรรมเป็นเครื่องแสดงเจตนาไม่มีใครหนีพ้นจากกรรมที่ตัวเองทำไว้ ทำกรรมดีย่อมได้รับผลดี ทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่ว จะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น
    25 ม.ค. 2563 เวลา 00.40 น.
ดูทั้งหมด