เปิดอีกมุมชีวิต ลุงติดโควิด ดับบนรถไฟ
วันที่ 2 เม.ย. มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เขียนเล่าเรื่องชีวิตของลุงที่เสียชีวิตบนรถไฟ ซึ่งต่อมาตรวจพบว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยหลังการเสียชีวิต มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของลุงคนดังกล่าว ที่มีอาการไอ ขณะรอซื้อตั๋วอยู่ที่สถานีชุมทางบางซื่อ
#นายช่างเปาะยาที่ผมรู้จัก เมื่อวานทุกคนคงได้อ่านข่าวจากหลายๆสำนัก ที่ลงข่าวของ"ลุง" คนหนึ่งที่เสียชีวิตบนรถไฟที่ทับสะแก ขณะเดินทางกลับบ้านที่สุไหงโกลก
เกาะติดข่าวโควิด กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account
ผมอาจจะเขียนยาวหน่อย และขอให้ทนอ่านจนจบ เพราะจะได้เข้าใจระบบนิเวศทางสังคมของสามจังหวัดด้วย ตอนแรกว่าจะไม่เขียนเพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้ที่จากไปแล้ว แต่พอดูคอมเมนต์ในหลายๆที่ ทำให้อยากเขียนขึ้นมา
บุรุษผู้นี้ในหมู่เพื่อนสนิทจะเรียก เปาะยา เป็นคนสุไหงโกลกอายุรุ่นเดียวกับผม สมัยเด็กๆไม่ได้สนิทกัน แค่ทักทายกันธรรมดาเพราะเคยเรียนอัลกุรอ่านที่เดียวกัน
แต่ในระดับร.ร ประถมเรียนคนละโรงคนสุไหงโกลกที่เกิดปี 05-06 ทั้งเจ๊กจีน แขก จะรู้จักเขาดีในเรื่องความฉลาด เขาจะสอบได้อันดับต้นๆ ยังไม่ทันจบประถม หนุ่มเปาะยาข้ามฝั่งไปเรียนอีกประเทศ ( อันนี้เป็นความสามารถพิเศษของคนชายแดนที่ข้ามฝั่งไปเรียนได้ คนที่อื่นเลียนแบบไม่ได้) ทำให้เราห่างเหินและขาดการติดต่อกันตั้งแต่นั้นมา และเขาจบประถมด้วยคะแนนข้อสอบกลางแบบดีเยี่ยม จนได้รับคัดลือกให้เข้าเรียนมัธยมmrsm pengkelan chepa เป็นร.ร ประจำชั้นเยี่ยม เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งก็คือดาโต๊ะสรี มุคริส มาฮาเดร์ มุขมนตรีรัฐกือดาห์
สุดท้ายเปาะยา ไปจบวิศวกรรมเครื่องกลที่สหรัฐอเมริกา ผมมาเจอกับเปาะยาอีกครั้งเมื่อปีค.ศ1991 ในไซต์งานซ่อมทางสายจือลี - กือริก คือถนนที่ตัดผ่านยอดเขาตีตีวังษา( สันกาลาคีรี) ถนนที่เต็มไปด้วยโค้งปราบเซียนและยังมีช้างป่าเดินเพ่นพ่านตลอดเวลา
เปาะยา มาเป็นวิศวกรเครื่องจักรกล แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือเขาต้องใช้ไม้พยุงใต้รักแร้ทั้งสองข้างในการเดินเหิน ผมเพิ่งรู้ก็คราวนี้แหละว่าเขาประสบอุบัติเหตรถจักรยานยนต์ล้มจนขาหักหัวเข่าเสีย ทั้งๆที่ใช้ไม้เท้าไม้พยุงนี่แหละ นายช่างเปาะยาก็ยังสามารถที่จะปีนขึ้นไปตรวจถังไซโลปูนซีเมนต์และไซโลยางมะตอยได้ด้วยตนเอง
ผมได้ร่วมงานกับนายช่างเปาะยาอีกสองไซต์งานในงานก่อสร้างถนนสายอีโปห์- คาเมรอนไฮแลนด์ ตอนนั้นตำแหน่งผมเริ่มใหญ่ขึ้นก็เลยมีโอกาศร่วมประชุมระดับบริหารไซต์งาน ก็เลยได้รับรู้ถึงระดับความสามารถในภาษาอังกฤษของนายช่างเปาะยาแบบแจ่มแจ้ง เวลาเขาพูด ถ้าเราปิดตาฟัง คงคิดว่ามีอเมริกันอัฟริกันมาร่วมประชุมด้วย
เราแยกกันอีกครั้งใน ปี2000 นายช่างเปาะยาลาออกจากบริษัทในเครือที่ผมทำงานด้วยเพื่อร่วมงานก่อสร้างเขื่อนทีอุตรประเทศในอินเดีย ที่อิตาเลียนไทยได้งาน และแล้วนายช่างเปาะยาก็ลาออกจากงานทั้งหมดกลับมาอยู่บ้านและเริ่มทำงานดะวะห์ประมาณสัก ปีที่แล้ว
เปาะยาเป็นคนโลว์โปรไฟล์ แม้จะจบนอกทำงานมีหน้ามีตา แต่เขาทำตัวสบายๆ นุ่งยีนส์เก่าๆใส่เสื้อยืดตราห่านและคาดผ้าขาวม้าที่เอวใว้ซับเหงื่อ ไม่สูบซิกาแร้ต แต่สูบยาเส้นห่อใบจากแบบคนงาน
นายช่าง น่าจะมีโรคเบาหวานมาตั้งแต่อายุ30ต้นๆ ถ้าไม่รู้จักเขาดี เปาะยาจะดูเป็นคนที่คบยาก แต่สำหรับผม เขาคือคนที่น่าคบคนหนึ่งและคบง่าย เปาะยาทำอาหารได้รสชาดมากโดยเฉพาะแกงเขียวหวาน พอเปาะยากลับมาอยู่บ้าน เราก็เจอกันบ่อยขึ้น
เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณสักสองเดือนที่ผ่านมา แกแวะมาละหมาดมัฆริบที่มัสยิดที่ผมไปบ่อย เรายืนอยู่แถวหน้าสุด เปาะยาพิงไม้เท้าของเขาที่ตู้ข้างหน้า ขณะกำลังซูยุด ไม้เท้าเกิดล้มดังครืน ตกใจกันทั้งแถว ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกัน
ในคลิปวิดีโอที่เอามาแชร์กันที่เปาะยาเดินเข้าช่องขายตั๋วรถไฟ บางคนถึงกับใส่ร้ายว่าเปาะยาจงใจไอหรือจามใส่คนที่ยืนอยู่ข้างหน้า ผมเป็นคนคิดบวก ลองเราเป็นเปาะยาบ้าง มือข้างหนึ่งจับกำถือไม้คํ้าซึ่งเป็นมือข้างที่ถนัด แล้วเวลาจะจามนี่ จะคิดได้ทันหรือ เราคนปกติบางทีก็ปล่อยแม่งออกมาแบบนั้นแหละ
และอีกอย่างก็คือ มุมกล้องทำให้ดีเป็นร้ายได้ทันที อันนี้คนใช้กล้องเขาจะเข้าใจดี แต่ก็มีคอมเมนต์เหยียดๆตามกันมา เพราะท่านผิดมาตั้งเกิดแล้ว ผิดที่เกิดมาเป็นแขก หลับให้สบายนะนายช่างเปาะยา อัลลอห์รักท่าน จึงดึงท่านมาทำงานดะวะห์ในบั้นปลายชีวิต
Tommy เพื่อนที่โพสของไอ้แขกปากี
อย่าปากดีเพียงเพราะเปนเพื่อนมรึง
คนละเรื่องกับความรู้ที่เรียนมากับพฤติกรรมที่แสดงออก
เพื่อนที่ว่า คงแยกแยะไม่เป็นรึมาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ โสโครกด้วยกันสินะ
03 เม.ย. 2563 เวลา 06.32 น.
Tommy เอางี้
ดูยังไงในสายตากู กูว่าท่าทางแบบนั้นไอหรือจามแน่ ส่วนที่ข่าวออกว่าถามทางน่าจะ เสแสร้งจาทแล้วแกล้งถามมากกว่า
กระจอกมากใครดูไม่ออก
03 เม.ย. 2563 เวลา 06.30 น.
Tui ขอบคุณคับที่มาแชร์
เรื่องนี้ส่วนตัวเห็นว่า เนื่องจากตรวจไข้ผ่านมาสองด่าน คนเราอาจคิดในแง่ดีว่าไม่ติด (เป็นคุณจะคิดไง?)
นี้เป็นกรณีศึกษาที่เป็นบทเรียนว่า
เราอาจควรเพิ่มเงื่อนไขการตรวจ จากการวัดไข้เพียงอย่างเดียว
เช่น ไปต่างประเทศ+มีไข้ หรือไอ หรือท้องเสีย
03 เม.ย. 2563 เวลา 04.19 น.
pojanee ร่ำเรียนจบจากเมืองนอกเมืองนา ทำงานใหญ่โต แต่ไม่รับผิดชอบต่อสังคม
03 เม.ย. 2563 เวลา 04.11 น.
Dew🌟 ถ้าลุงไม่ได้ไอใส่เค้า ก็ต้องขอโทษลุงด้วยค่ะ🙏🏽ดูคลิปแล้วใจเราก็คิดไปอย่างนั้นเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วคุณลุงควรจะใส่หน้ากากนะคะ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับศาสนาเลยนะคะ อย่าเอามาโยงดีกว่าค่ะ
02 เม.ย. 2563 เวลา 17.31 น.
ดูทั้งหมด