ไม่เคยเลี้ยงลูกคนเดียวสินะ “นุ๊ก” ตอกกลับดรามาสร้างกระแสตามหาอดีตผัว หวังเงินค่าเลี้ยงดู

ติดต่อไม่ได้ 2 ปี “นุ๊ก” น้ำตาไหล ดีใจที่วันนี้ ลูกได้เจออดีตสามี เผยที่ผ่านมาไม่เคยได้รับค่าเลี้ยงดู ส่วนตนก็ไม่เคยเรียกร้องทั้งที่มีสิทธิ์ เฉ่งขาเมาท์กล่าวหาออกมาปั่นกระแสหวังค่าเลี้ยงดู เป็นคนไม่เคยเลี้ยงลูกคนเดียว ลั่นคุยจิตแพทย์เด็กตั้งแต่เลิกกัน ไม่อยากเอาชนะอดีตผัว เอาที่ฝ่ายชายสะดวก

โพสต์ตามหาอดีตสามี ซึ่งไม่มาเจอหน้าลูกนาน 2 ปี แต่ก็ไม่วายเจอกระแสเมาท์มอยว่า “นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา” แค่ปั่นกระแสหวังเงินค่าเลี้ยงดู ล่าสุดเจ้าตัวเผยในงาน Inner Makeover by ครูเงาะ รสสุคนธ์ ณ ห้องสโรชา ชั้น 3 โรงแรม สวิสโซเทล เลอคองคอร์ด ยอมรับว่าดีใจลูกเจอพ่อ จนแอบน้ำตาซึม

“ก็ได้เจอกันแล้วค่ะ เสียดายที่ได้เจอกันไม่ครบ เพราะลูกอีกคนไปโรงเรียน ถือว่าเป็นภาพที่น่าประทับใจ เราก็แอบน้ำตาซึมๆ เราก็ไม่ทราบว่าทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงหายไป อาจจะติดธุระอะไรที่เขาไม่พร้อม พอได้ยินว่าลูกคิดถึง เขาอาจจะรู้สึกว่าต้องปรากฎตัวแล้ว ประเด็นหลักน่าจะเพราะลูกคิดถึง เขามาเขาก็คุยกับลูก กระหนุงกระหนิงกัน เล่นเกมกัน”

“ถามว่าก่อนหน้านี้ได้ติดต่อกันมั้ย ด้วยความที่เขาเปลี่ยนเบอร์บ่อยมาก เราจะไม่มีเบอร์เก่าๆ เขา แต่เขาจะมีเบอร์เรา เพราะเราไม่เปลี่ยนเบอร์เลย ทั้งเบอร์บ้าน เบอร์คุณพ่อคุณแม่ แต่อาจจะด้วยภารกิจหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เขาไม่สะดวก เขาก็หายไปนานนะคะ ประมาณ 2 ปีกว่า ที่ไม่ได้ติดต่อกันเลย”

โต้ออกตามหาเพราะหวังค่าเลี้ยงดู เชื่อคนพูดเป็นคนไม่เคยเลี้ยงลูกคนเดียว

“ถ้าเรียกได้ก็ดีนะ ก็ไม่ผิดที่เราจะเรียกร้อง แต่ว่าเราไม่ได้เรียกร้องเท่านั้นเอง กระแสที่จะว่าเนี่ย เชื่อว่าคนที่ว่าคงไม่เคยเลี้ยงลูกคนเดียว เขาคงไม่รู้ว่าจริงๆ เลี้ยงตัวเองก็ลำบากแล้ว นี่ต้องเลี้ยงลูกอีก 2 คน ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ แล้วเราก็ไม่ได้มีเงินเดือนหรืออะไรที่มันตายตัว เพราะฉะนั้นเราถือว่าเราเก่งสุดๆ แล้วแหละ ที่เลี้ยงลูกมาได้จนโตขนาดนี้”

“ระยะเวลา 2 ปีที่หายไป เขาไม่ได้ส่งเสียค่าเลี้ยงดูเลย แต่เราก็ภูมิใจนะที่เลี้ยงลูกมาจนโตขนาดนี้ ถามว่าเหนื่อยมั้ย ก็เหนื่อยนะ แต่ว่าก็ลูกเรา รู้สึกว่าถ้าเราไม่ทำ ใครจะทำ เพราะต้องดูแลอยู่แล้ว ถามว่าได้คุยกันมั้ยเรื่องค่าเลี้ยงดู ก็ไม่ได้คุยนะคะ เขาก็มาเล่นกับลูกค่ะ อยู่แป๊บเดียว แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่เขายังมาหา แต่แอบเสียใจที่เจอไม่ครบ”

ดีใจที่ลูกแฮปปี้

“ก็ดีใจค่ะ ไม่เคอะเขิน น้องก็แฮปปี้ แต่เราก็ไม่ได้ใส่อะไรที่ลบหรือบวกให้เขา ให้เขารู้สึกดีกับทุกอย่างดีที่สุดค่ะ เราก็นั่งดูอยู่ห่างๆ แต่ตอนแรกคงมีเกร็งบ้าง ร้องไห้ไม่ยอมลงจากรถ เขาคงไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไร ก็เจอนอกสถานที่ค่ะ”

ออกมาตามหาเพราะให้ความสำคัญกับความรู้สึกของลูกๆ

“ก็ไม่ได้รุนแรงหรอกค่ะ ด้วยความที่น้องๆ อยู่ใกล้เรา เราก็เลี้ยงดูและมีปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการพูดจา จิตวิทยาเกี่ยวกับเด็ก เพราะฉะนั้นเด็กจะไม่รู้สึกรุนแรง เพียงแต่เรารู้สึกว่าการที่เด็กพูดขึ้นมา เราควรจะให้ความสำคัญ เราควรรู้สึกว่าเขาไม่ได้แค่พูดเล่นๆ เราต้องคิดว่ามนุษย์ทุกคน ถ้าไม่รู้สึกว่าสุดๆ ก็คงจะไม่พูดออกมาก ถึงแม้ว่าเขาเป็นเด็กเขาก็ต้องมีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ทั่วไป เพราะฉะนั้นเราเลยรู้สึกดีที่ลูกพูดว่าคิดถึง ก็ลูกคิดถึงจริงๆ เราก็โชคดีที่เราได้ผลตอบรับที่ดีและเขาก็มาเจอค่ะ”

“ปกติก่อนหน้านี้ก็จะเคยเจอกันปีละครั้งสองครั้งสามครั้งอยู่แล้ว ไม่ได้บ่อยอยู่แล้ว แล้วเด็กๆ ก็ไม่ได้เรียกร้อง เพราะเราไม่เคยไปพูดกับลูก เด็กก็เลยรู้สึกปกติ ไม่ได้เรียกร้องอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถ้าหายไปนานๆ อาจจะมีคิดถึง แต่ถ้าปีละครั้งสองครั้ง เด็กๆ ก็จะรู้สึกปกติ”

คุยจิตแพทย์เด็กตั้งแต่เลิกกัน ลั่นต้องให้ฝ่ายชายเอาที่สะดวก ไม่เรียกร้องเอาชนะอดีตผัว

“หลังจากเจอกันก็ไม่ได้ตกลงอะไรเลยค่ะ ด้วยความที่เราคุยกับจิตแพทย์เด็กตั้งแต่วันที่เราเลิกกัน จิตแพทย์ก็วางระบบให้เราแล้ว เราไม่รู้สึกว่าจะวกวน จิตแพทย์ก็จะบอกว่าถ้าคุณพ่อเด็กไม่สะดวกก็ไม่จำเป็นที่จะไปบังคับเขา ว่าจะต้องเจอกันยังไง ก็เอาที่เขาสะดวก เพราะเวลาที่เขาอยากจะเจอ เวลาที่เขาสะดวก มันคือเวลาที่คุณภาพที่สุด เราเลยรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่จะต้องเรียกร้อง ต้องดูว่าเรียกร้องไปเพื่อใคร ถ้าเพื่อตัวเอง เพื่อตอบสนองความเอาชนะ เราสองคนรู้สึกว่าไม่ได้จะอยากเอาชนะหรือเกลียดชังแล้ว แต่ถ้าจะเรียกร้องไปเพื่อลูกว่าจะต้องมาเจอทุกอาทิตย์ แต่ถ้าเขาไม่สะดวกหรือมาแบบไม่เต็มใจ ลูกก็จะมีความรู้สึกแปลกๆ เราเลยรู้สึกว่าก็ไม่ต้องเรียกร้อง เอาที่สะดวกน่าจะดีที่สุด แต่..มาเจอบ่อยๆ ก็ดีค่ะ”

“เรื่องลายลักษณ์อักษรหลังเลิกกันก็จำไม่ได้ แต่ในส่วนของนุ๊กไม่มีแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในส่วนของลูกนุ๊กจำไม่ได้ว่าลงว่ายังไง เหมือนคุณพ่อเขาไม่ได้เป็นคนไปลง เป็นคุณปู่เขาไปลง แต่ทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้ดูตามสัญญา (เราไม่ได้ซีเรียสตรงนั้น?) สภาพไหนล่ะคะ จะต้องไปก้มกราบหรือยังไง (ยิ้ม) เราก็เหนื่อย แต่ก็ลูกเรา”

“สิทธิ์ในตัวลูกเท่าที่จำได้ รู้สึกว่าจะครึ่งๆ นะคะ ซึ่งตรงนี้แหละที่เขาหายไปนานๆ เราจะกลัว เพราะเวลาที่เราเอาลูกไปต่างประเทศ เอาลูกไปเที่ยวก็ตาม มันต้องเซ็นคู่ค่ะ เอาลูกเข้าโรงเรียนก็ต้องเซ็นคู่ เพราฉะนั้นเรากลัวตรงนี้มากกว่าเพราะเวลาที่เขาหายไปนานๆ จะทำยังไง”

ไม่หวั่นอีกฝ่ายจะเอาลูกไป มั่นใจลูกรักแม่

“ไม่ค่อยกังวลเพราะว่าลูกอยู่กับเราตลอด ต่อให้เราจะเป็นแม่ที่ดุร้ายแค่ไหน แต่เขาก็รู้ว่าเราทำงานหนัก เราเครียด ลูกน่าจะรักแม่นะ มั่นใจลูกเลือกอยู่กับเราค่ะ”

(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)