ครั้งแรก! ทรัมป์ยอม ‘สวมหน้ากาก’ ออกสื่อ ขณะเยือนรพ.ทหาร

วอชิงตัน, 12 ก.ค. (ซินหัว) -- โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปรากฏกายพร้อมหน้ากากปิดคลุมจมูกและปาก ขณะเยือนโรงพยาบาลทหารใกล้กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันเสาร์ (11 ก.ค.) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทรัมป์สวมหน้ากากออกสื่อนับตั้งแต่เกิดโรคระบาดใหญ่ภายในประเทศ

"ผมอาจจะสวมหน้ากาก" ทรัมป์เคยบอกกลุ่มนักข่าวก่อนเดินทางเยือนศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีด (WRNMMC) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เพื่อเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บและเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่ทำงานยับยั้งโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

"ผมคิดว่าเมื่อคุณต้องอยู่ในโรงพยาบาล โดยเฉพาะสภาพการณ์พิเศษเช่นนี้ จะเป็นการดียิ่งที่จะสวมหน้ากากขณะพูดคุยกับเหล่าทหารและผู้คนที่บางส่วนอาจเพิ่งปฏิบัติงานเสร็จสิ้น ผมไม่เคยต่อต้านการสวมหน้ากาก ผมแค่เชื่อว่ามันขึ้นอยู่กับเวลาและสถานที่" ทรัมป์กล่าว

ทรัมป์นั้นปฏิเสธการสวมหน้ากากตั้งแต่เกิดโรคระบาดใหญ่ด้วยเหตุผลว่าเขามีสุขภาพแข็งแรงและตรวจหาโรคโควิด-19 เป็นประจำ โดยเมื่อวัพฤหัสบดี (9 ก.ค.) ทรัมป์บอกว่า "ผมไม่มีปัญหากับหน้ากาก ผมไม่คิดว่าต้องสวมหากคุณตรวจโรคตลอดเวลาและคนรอบตัวก็ตรวจด้วย"

อย่างไรก็ดี บรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ทรัมป์สังกัดอยู่ ได้กระตุ้นเตือนให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้หมั่นสวมหน้ากากออกสื่อสาธารณะ เพื่อช่วยส่งเสริมมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ

ลามาร์ อเล็กซานเดอร์ วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน กล่าวเมื่อไม่นานนี้ว่าขอ "แนะนำประธานาธิบดีสวมหน้ากากเป็นครั้งคราว แม้จะไม่มีเหตุผลจำเป็นมากมายก็ตาม" เพื่อลดอคติทางการเมืองที่เกิดจากการสวมหน้ากาก ซึ่งถือเป็น "วิถีปฏิบัติรักษาชีวิตขั้นพื้นฐาน"

รายงานระบุว่าทรัมป์เคยสวมหน้ากากโดยไม่ได้ออกสื่อ ขณะเยือนโรงงานฟอร์ดในรัฐมิชิแกนเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม โดยเขายืนยันกับกลุ่มนักข่าวพร้อมแสดงหน้ากากที่มีตราประธานาธิบดีว่า "ผมสวมนะ ผมสวมครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ แต่ผมไม่ต้องการให้สื่อเห็น"

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 1 ล้านรายภายในเวลาแค่ 28 วัน และปัจจุบันรัฐท้องถิ่นมากกว่า 20 แห่ง ได้ออกคำสั่งสวมสิ่งปิดคลุมใบหน้าในที่สาธารณะแล้ว

มหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ระบุว่าสหรัฐฯ ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมเกิน 3.24 ล้านราย และผู้ป่วยเสียชีวิตเกิน 1.34 แสนราย เมื่อนับถึงเช้าวันอาทิตย์ (12 ก.ค.) ตามเวลาประเทศไทย