ในช่วง 48 วันที่ผ่านมา คนไทยมีความสุขและความภาคภูมิใจว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีมาตรการที่ดีและเข้มแข็งในการเฝ้าระวังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึงแม้ว่าคนภายในประเทศอาจจะมีการ์ดตกไปบ้าง ซึ่งก็เกิดจากความมั่นใจในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคภายในประเทศ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ในใจลึก ๆ ของผู้คนยังคงผวากับนโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะอนุญาติให้คนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ รวมถึงการกังวลในข่าวรายวันเกี่ยวกับการลักลอบเข้าเมืองตามแนวชายแดน ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นพาหะ นำเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามาด้วยหรือไม่
อ่านข่าว… ระยองวุ่นพบ "ทหารอียิปต์" ติดเชื้อโควิด เข้าพักโรงแรม เดินเที่ยวห้าง
ในที่สุดวันที่ 49 ที่ประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ ก็มาพร้อมกับข่าวร้ายจากการพบ ผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 3 ราย โดยรายที่สำคัญที่สุดคือชายสัญชาติอียิปต์ที่เป็นทหารและสามารถเข้าประเทศไทยโดยไม่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน ที่ยกเว้นให้คน 11 กลุ่ม เช่น กลุ่มผู้ควบคุมยานพาหนะ และเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะที่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจ และมีกำหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม การไม่ต้องกักตัว 14 วัน ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไปไหนก็ได้ ซึ่งในกรณีทหารอียิปต์กลับมีข่าวว่า ได้มีการออกจากที่พักในจังหวัดระยองไปเดินเล่นตามห้าง ซึ่งเมื่อผลตรวจออกมาว่าทหารอียิปต์ผู้นี้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลลัพธ์ที่ตามมาคือความวุ่นวายทั้งเมืองระยอง ไม่ว่าจะเป็นการสั่งปิดบางชั้นของโรงแรมที่พักที่ทหารอียิปต์เข้าพัก การกักตัวพนักงานเสิร์ฟอาหาร และการสั่งปิดสถานศึกษาในเขตเทศบาลเมืองระยอง (หวังว่าคงไม่ต้องถึงกับปิดจังหวัดนะ)
อย่างไรก็ตามเราจะวุ่นวายไปทั่วประเทศแน่ หากประมาณ 14 วันนับจากนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ ซึ่งหมายถึงความพยายามและความร่วมมือของคนไทยที่ผ่านมาเดือนกว่าจะสูญเปล่าทันที่ และเราอาจต้องไปเริ่มต้นใหม่ในภาวะที่ย่ำแย่กว่าเดิม ซึ่งเรื่องนี้คงไม่ต้องพยายามหาแพะว่าเกิดจากการหละหลวมของเจ้าหน้าที่ภาครัฐบางคนหรือเกิดจากความประมาทของโรงแรมหรือห้างสรรพสินค้า เนื่องจากผู้ที่ต้องรับผิดชอบเต็ม ๆ คือ ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 (ศบค.) และรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่ดันมีนโยบายยกเว้นให้กลุ่มพิเศษ แบบที่สังคมกำลังประชดประชันว่า “พวก VIP” ที่ได้รับอนุญาติให้เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องทำการกักตัว 14 วัน ในขณะที่ “พลเมืองไทย แท้ ๆ” ต้องกระทำ
นอกเหนือจากนั้นแล้ว รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ก็มีอีก 3 โครงการที่จะเปิดให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศได้ คือโครงการเปิดให้คนต่างชาติเดินทางเข้ามารักษาพยาบาลในไทย (ที่ไม่ใช่โรคโควิด-19) และต้องถูกกักตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 14 วัน ก่อนได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านได้ (Medical and Wellness Program) ซึ่งโครงการนี้ สถานพยาบาลน่าจะได้รับประโยชน์สูงสุด ถัดมาคือโครงการเปิดให้คนต่างชาติเดินทางเข้ามาเพื่อรักษาพยาบาล (ที่ไม่ใช่โรคโควิด-19) และต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ก่อนอนุญาตให้เดินทางท่องเที่ยวในไทยได้ (โครงการท่องเที่ยวสุขภาพดีวิถีใหม่) ซึ่งโครงการนี้อาจจะมีเม็ดเงินหล่นเข้าธุรกิจท่องเที่ยวบ้าง แต่คาดว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่คงอยู่แถวสถานพยาบาลและสถานเสริมความงามมากกว่า ในขณะที่โครงการทราเวลบับเบิล (Travel Bubble) จะอนุญาตให้คนต่างชาติจากประเทศที่ปลอดเชื้อเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะเหลือกี่ชาติที่จะเข้าไทยได้ เพราะตอนนี้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดไปทั่วโลก
การจะเปิดให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศได้นั้น รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ควรต้องฟังเสียงประชาชนบ้างว่าเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “เราจะเปิดให้ต่างชาติเข้าประเทศหรือไม่” ซึ่งผลที่ได้ค่อนข้างชัดเจนว่า ประชาชนไม่เห็นด้วย 2 โครงการ และเห็นด้วย 1 โครงการ แต่ที่ แน่ ๆ คือ ประชาชนส่วนใหญ่มีแนวโน้มไม่ค่อยเชื่อมั่นและไม่เชื่อมั่นเลยต่อรัฐบาลในการควบคุมไม่ให้มีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศ หากมีการเปิดให้คนต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ ตามโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจ ร้อยละ 30.53 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่นในรัฐบาล และ ร้อยละ 29.10 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย ซึ่งเมื่อรวมทั้งสองกลุ่มทำให้มีผู้มีแนวโน้มไม่มั่นใจในสมรรถนะของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มาจากชาวต่างชาติ ถึง ร้อยละ 59.63
ส่วนผลของการสำรวจความคิดเห็นในโครงการ Medical and Wellness Program พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 41.41 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ในขณะที่ ร้อยละ 13.91 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ซึ่งรวมสองกลุ่มแล้วมีประมาณร้อยละ 55.32 ส่วนความเห็นของประชาชนในโครงการท่องเที่ยวสุขภาพดีวิถีใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 37.89 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย และ ร้อยละ14.55 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ซึ่งหมายถึงมีแนวโน้มไม่เห็นด้วยกับโครงการ ฯ รวม ร้อยละ 52.44 โดยเหตุผลหลักที่ผู้คนคัดค้านทั้งสองโครงการคือความกังวลในคนต่างชาติว่าจะนำเชื้อเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 รอบ สอง ในประเทศไทย
ในขณะที่โครงการทราเวลบับเบิล ดูเหมือนจะเป็นโครงการเดียวที่ผู้คนส่วนใหญ่เห็นชอบด้วย ถึงแม้ว่าผู้คนร้อยละ 29.65 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย และ ร้อยละ 14.95 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ผลรวมของทั้งสองกลุ่มก็ไม่สามารถเทียบได้กลับผู้คนที่มีแนวโน้มพอใจในโครงการที่มีผลรวมอยู่ที่ ร้อยละ 54.36 โดย ร้อยละ25.90 ระบุว่า เห็นด้วยมาก และ ร้อยละ 28.46 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย แต่ก็มีประเด็นให้ฉุกคิดว่า จะเหลือสักกี่ประเทศที่ปลอดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเวลานานเพียงพอที่จะรับประกันความปลอดภัยได้
นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ ผู้ที่ถูกมองว่าเป็นพระเอกในการแก้ไขปัญหาวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วง4 – 5 เดือนที่ผ่านมา อาจจะกลายเป็นผู้ร้ายในทันที่ในสายตาประชาชนหากผลลัพธ์ทั้ง 3 โครงการไม่สามารถบรรลุได้จริงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ และ จะแย่ยิ่งกว่านั้นหากผลลัพธ์ของทั้ง 3 โครงการทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบสอง
ผู้นำโง่ บังคับชี้หน้า โทษแต่ประชาชน พอถึงเวลาตัวเองทำเงียบไห้คนอื่นออกมาแพูด นี่แหละประชาชน ไม่เคยศรัทธา เพราะไร้สาระ ดีแต่บังคับประชาชน
14 ก.ค. 2563 เวลา 04.05 น.
Micky เป็นไงละทีนี้ เปิดรับเข้ามาอีกสิ 😔😔😔😔
14 ก.ค. 2563 เวลา 04.10 น.
Anun เจ้าหน้าที่ๆรู้เห็นรับเงินให้คนต่างด้าวหลบเข้าเมือง ต้องลงโทษให้หนักและยึดทรัพย์ เพราะเแ็นภัยร้ายแรงต่อชาติ
14 ก.ค. 2563 เวลา 04.07 น.
ต้อ พูดกันหนาหูว่าถ้าคนธรรมดาเข้ามาถูกกักตัว แต่ถ้าบุคคลพิเศษเข้ามาไม่ต้องถูกกักตัว กูเลยเอาไอ้คนพิเศษๆเข้ามาแล้วปล่อยตามสบาย เชื้อแพร่เมื่อไหร่ค่อยแกัตัว จุดสำคัญคือ ข้ออ้างในการต่อ พ.ร.ก. เท่านั้น ใครจะเป็นยังไงช่างมัน
14 ก.ค. 2563 เวลา 04.09 น.
DD หน่วยงานไหน?รับผิดชอบ? มีข่าวโยนกันไปมา ถ้าพวกคุณไม่เปิดนโยบายให้คนต่างประเทศเข้ามาไทยได้ คงไม่เกิดเรื่อง? จะไปโยนว่าทหารต่างชาติออกไปเอง? แล้วพวกคุณให้เข้ามาทำไม?กัน อยากย้อนถามกลับไปออกรโยบายห่วยๆๆได้งัย แค่หากินหาเงินก็แย่แล้ว ปิดอีกรอบโจรขโมยฆ่ากันคงเยอะขึ้น สมใจไหมครับรัฐบาล?
14 ก.ค. 2563 เวลา 04.17 น.
ดูทั้งหมด