หัวหน้าแล็บกรมอุทยานฯ โต้รองผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์พาดพิงหน่วยงานทำลายDNAในวัตถุพยานคดีล่าเสือดำทุ่งใหญ่ ขณะที่ ‘ศรีวราห์ ’ยืนยันไม่ได้พูดเตรียมส่งพฐ.ชี้แจงความเข้าใจ
วันนี้(11มี.ค.61)จากกรณีที่เฟซบุ๊กส่วนตัวของนางสาวกณิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช โพสต์ชี้แจงหลังพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) หัวหน้าชุดคลี่คลายคดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ นเรศวร ด้านตะวัตก ให้สัมภาษณ์ว่า การตรวจสอบหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า เสือดำบนเขียงและมีดของ หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ทำให้พิสูจน์หลักฐานตำรวจไม่สามารถหาดีเอ็นเอผู้ที่ใช้มีดและเขียงได้ ทำให้ตำรวจไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ใดคือคนที่ใช้มีดและเขียงชำแหละเสือดำ
เนื้อหาในโพสต์ของนางสาวกณิตา มีเนื้อหาว่าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ได้รับมีดทั้ง 6 เล่ม และชิ้นส่วนของเขียง จาก สภ.ทองผาภูมิ เมื่อวันที่16ก.พ.ซึ่งได้รับการยืนยันจากตำรวจว่าได้ผ่านการตรวจลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์จากตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ไม่ได้นำวัตถุพยานมาตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อนแต่อย่างใด
พร้อมกับยืนยันว่าการตรวจของหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ไม่ได้ใช้สารเคมีชนิดใดที่ไปทำลายดีเอ็นเอมนุษย์ในวัตถุพยานเหล่านี้ ประกอบการตรวจสอบก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพยานวัตถุแม้แต่น้อย เพราะหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าได้ ตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำพบตั้งแต่ตรวจสอบก้านสำลีที่ตำรวจให้มาเพียงก้านเดียว และได้ส่งวัตถุพยานคืนให้กับตำรวจเมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางพิสูจน์หลักฐานตำรวจก็สามารถนำวัตถุพยานเหล่านี้ไปตรวจหาดีเอ็นเอและลายนิ้วมือซ้ำได้อย่างแน่นอน ขณะที่วันนี้พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยืนยันว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ พาดพิงการทำงานของกรมอุทยานฯและการตรวจสอบดีเอ็นเอสัตว์ป่าของกรมอุทยาน ไม่ได้ทำให้ดีเอ็นเอบุคคลในวัตถุพยานหายไปโดยจะให้พิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับทางนางสาวกณิตาอีกครั้ง
ขณะเดียวกันตำรวจยังคงรอผลการตรวจมีดและเขียง ที่ทางกรมอุทยานจะออกเป็นรายงานทางการ เพื่อใช้มาประกอบสำนวนคดีด้วย ซึ่งเดิมกรมอุทยานฯแจ้งว่าจะส่งให้ในวันศุกร์ที่ผ่านมาแต่ขณะนึ้ยังไม่ได้รับ โดยจะประสานขอกลับไปอีกครั้ง แต่ทั้งนี้หลักฐานในสำนวนคดีนั้นเพียงพอที่จะสรุปสำนวน ทันวันที่ 24 มีนาคมนี้ แม้จะยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการเรื่องการตรวจมีดและเขียงจากกรมอุทยานฯก็ตาม
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังระบุอีกว่า จนถึงขณะนี้คณะทำงานยังคงทำงานเรียบร้อยดี และยังไม่มีการร้องเรียนจากผู้เสียหาย หรือผู้ต้องหา มีเพียงสื่อมวลชน และกระแสโซเชียลมีเดีย ที่กดดันการทำงาน จึงอยากขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานตามขั้นตอน เพื่อความรอบคอบของสำนวนคดี ด้านพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็ให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้เช่นกันว่า การทำงานระหว่างหน่วยงานอาจจะเกิดความที่ไม่เข้าใจกันซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่เชื่อว่าหลังจากนี้คงจะทำความเข้าใจในการทำงานเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ และยังมั่นใจในการทำคดีของพลตำรวจเอกศรีวราห์เพราะได้รายงานความคืบหน้าคดีมาเป็นระยะจึงไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี
Chea ท่านไม่ได้พูด? นักข่าวเอาไปลงเอง? ท่านก็ฟ้องสิครับรออะไร หรือไม่กล้า กลัวเขาฟ้องกลับ
11 มี.ค. 2561 เวลา 14.05 น.
thai asia trade ศีรวรา กลายเป็น ศิวะลึงห์ ไปและ
11 มี.ค. 2561 เวลา 14.08 น.
อ๋อย แล้วคดีนี้ใครเป็นผู้เสียหายครับ ไม่ใช่ประเทศชาติหรือปชช.หรอครับ แล้วคุณพูดได้อย่างไงว่าผู้เสียหายไม่ได้ร้องเรียน ก็ ปชช.เขาด่ากันทุกวันอยู่นี้ไง ไอ้หนวก ไอ้สมองทึบ
11 มี.ค. 2561 เวลา 14.09 น.
อมร ไอ้สาาาาด.
11 มี.ค. 2561 เวลา 14.19 น.
Ak61-06880แสวง จันทร ศรีทำไมต้องดึงดันอยากทำคดี ทั้งๆที่ตำรวจท้องที่ภูมิหลังและความสามารถเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ทำไมไม่ปล่อยให้ท่านทำ หรือว้าศรีมีอะไรกับพ่อเปรม ก็เห็นกราบลูกกะโปกกันแล้ว น่าจะจบได้แล้ว ถอยได้แล้วศรี ประชาชนคนไทยทั้งประเทศไม่สะบายใจ
11 มี.ค. 2561 เวลา 14.21 น.
ดูทั้งหมด