22 พ.ค.62- น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า 5 ปีภายใต้การบริหารงานรัฐบาลเผด็จการ คสช. สังคมไทยได้อะไรบ้าง
1. ได้ความเหลื่อมทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก เกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจาย มีคนจนเพิ่มขึ้น เกือบล้านคนระหว่างปี 2558-2559 คนฐานรากค้าขายฝืดเคือง พืชผลเกษตรราคาตกต่ำเช่น ยางราคา 4 กิโลกรัมหนึ่งร้อยบาท แต่คนรวยบางคนที่ได้สัมปทานผูกขาดจากภาครัฐมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็นแสนล้าน จากกรณีนี้คือส่งเสริมนิสัยเห็นแก่ตัวมือใครยาวสาวได้สาวเอา รวยอยู่แล้วก็ไม่พอต้องเอาเปรียบให้รวยขึ้นไปอีก
2. ได้พิสูจน์ว่า คสช. ไม่คิดที่จะแก้ไขความขัดแย้ง ต้องการคงความขัดแย้งเพื่อแบ่งแยกแล้วปกครอง หลักฐานจากการที่แกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเผด็จการถูกเรียกเข้าไปเสนอแนวคิดการแก้ปัญหาความขัดแย้งนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีการนำไปปฏิบัติ หรือเป็นเเนวทางประนีประนอมมีแต่การกดขี่เสรีภาพฝั่งตรงข้ามแล้วอ้างว่าบ้านเมืองสงบ แต่ละเว้นสำหรับฝ่ายที่สนับสนุนเผด็จการ นี่ก็เป็นพฤติกรรมความเห็นแก่ตัวเพื่อยึดครองอำนาจให้ยาวนาน
3. ได้เห็นการคอรัปชั่นที่ตรวจสอบไม่ได้ (จีที200/เรือเหาะ/ราชภักดิ์/นาฬิกายืมเพื่อน/ตั้งบริษัทรับเหมาในค่ายทหาร ฯลฯ) กรณีนี้บ่มเพาะนิสัยเดิมๆของนักการเมืองที่รัฐบาลชี้หน้าว่าขี้โกงให้สังคมไทยโดยใช้กำลังและกฏเผด็จการบังคับไม่ให้ประชาชนพูดใครเห็นต่างหรือออกมาเรียกร้องหาความจริงก็จะถูกจับขึ้นศาลทหาร
4. ได้เห็นการปฎิรูปแบบไม่มีความจริงใจ จอมปลอม ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม สิ่งที่ประชาชนกลุ่มที่สนับสนุน คสช.ไม่เอาหรือรังเกียจ คสช.จะนำมาใช้เพี่อการสืบทอดอำนาจทั้งสิ้น จากสภาผัวเมียมาเป็นสภาเพื่อนพ้องน้องพี่เครือญาติ ดูดนักการเมืองที่เคยด่าว่าชั่วมาสนับสนุนด้วย ทรัพย์สิน ตำแหน่ง และปัดเป่าคดี โดยไม่มีความละอาย พูดดีใส่ตัวพูดชั่วให้คนอื่นและนิสัยพูดเท็จ ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจหรือสิ่งที่อยากได้
5. ได้เห็นวิสัยทัศน์และความไม่สามารถควบคุมตนเองของผู้นำเผด็จการ จากกรณีการพูดประชดประชันว่าถ้า ข้าวราคาตกก็ไล่ไปปลูกหมามุ่ยแทนข้าว ส่วนยางราคาตกให้ส่งออกไปขายที่ดาวอังคาร หรือเเม้การปาเปลือกกล้วยใส่ศีรษะผู้สื่อข่าว หรือ การจะทุ่มโพเดียมใส่สื่อเมื่อเจอคำถามที่ความคิดเห็นต่าง นี่เป็นการส่งเสริมนิสัยดูถูก กดขี่ คนอ่อนแอ แบ่งชนชั้น โดยผู้นำเผด็จการคิดว่าตนเป็นนาย ประชาชนเป็นบ่าว
6. ได้เห็นการแก้ไขความมั่นคงที่ล้มเหลว งบกลาโหมเพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 2557 งบกลาโหม 1.8 แสนล้าน เพิ่มเป็น 2.2 แสนล้าน มีอาวุธกำลังพล และเครื่องมืออย่าง ม.44 ภาวะฉุกเฉิน กฎอัยการศึก มีครบแต่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ยังมีระเบิดเกิดขึ้นประจำ ยังไม่เคยสงบ แต่กลับเกรงกลัวปฎิทินและขันแดง กรณีนี้ชี้ให้เห็นว่างบประมาณไม่ได้แปรผันตามความมั่นคง อีกทั้งมีความไม่พอใจ เมื่อมีคนเสนอให้ตัดงบประมาณส่วนนี้ไปใช้ในส่วนอื่นที่มีความต้องการมากกว่าอย่างเช่นการสาธารณสุข นี่คือลักษณะนิสัยเห็นแก่ตัวไม่พิจารณาความต้องการของประชาชนจริงๆในการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ พอมีผู้ชี้ความบกพร่องแทนที่จะขอบคุณและนำไปตรึกตรอง กลับโกรธโมโห ไม่พอใจ
7. ได้เห็นการโกหก กลับไปกลับมา ตอนเข้ามายึดอำนาจบอกจะขอเวลาอีกไม่นาน รับปากต่อสาธารณะหรือเเม้กระทั่งกับต่างชาติ ว่าจะมีการเลือกตั้งทุกครั้งที่ต้องการผลประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจ เช่น การบอกให้ประชาชนลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญเพื่อจะได้มีการเลือกตั้ง แต่มีการเลื่อนการเลือกตั้งถึง 5 ครั้ง อีกทั้งรัฐธรรมนูญที่ออกเเบบกันมาก็สร้างปัญหาอยู่ในทุกวันนี้ ปากบอกว่าเกลียดนักการเมืองไม่เคยคิดอยากเป็นนายกรัฐมนตรีหรือนักการเมืองมา 4 ปี พอปีที่ 5 ท้าทายประชาชนบอกมาไล่ดูสิ ไม่ไปไม่ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อแพ้เลือกตั้งมีจำนวน ส.ส. สนับสนุนเพียง 121 เสียง แต่ยังอยากมีอำนาจต่อไม่ยอมรับมติมหาชนทำทุกวิธีส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมที่ผิดเพี้ยน ไม่เป็นสากล กลับขาวเป็นดำกลับดำเป็นขาว เพื่อมาสนับสนุนการสืบทอดอำนาจต่อ นี่คือบ่มเพาะพฤติกรรมไม่รับผิดชอบต่อคำพูดและ ถอยหลังประเทศกลับไปสู่สังคมที่ใช้กำลังมากกว่าสมอง
8. ได้เห็นพฤติกรรมพวกที่อ้างตัวว่าเป็นคนดี ที่หนีการตรวจสอบทรัพย์สิน โดยการเขียนรัฐธรรมนูญเอง แต่กลับหนีการตรวจสอบ แล้วก็ออก ม. 44 มายกเลิกการตรวจสอบทรัพย์สิน รวมทั้งข้อยกเว้นในการรับเงินเดือนจากภาษีประชาชน 2 ทางของ ส.ว. ถ้าเป็นคนดีเห็นกับผลประโยชน์ของประเทศชาติควรจะเสียสละรับเงินเดือนทางเดียว นี่คือการบ่มเพาะนิสัยไม่สุจริตให้สังคม
9. ได้รัฐธรรมนูญที่เขียนเพื่อผลประโยชน์การสืบทอดอำนาจ คสช. อย่างชัดเจน ทำลายพรรคการเมืองและอำนาจของประชาชน โดยเฉพาะกติกาเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ที่ 70,000 คะแนน = 30,000 คะแนน กติกาเช่นนี้เป็นกติกาที่ขัดแย้งสามัญสำนึก สามารถนำมาใช้ได้เพียงครั้งเดียว และเผยตัวตนด้านมืดของมนุษย์ ที่แสดงความต้องการของตนให้สังคมตะลึง
สรุปได้ว่า 5 ปีที่ผ่านมาสิ่งที่ คสช. มอบให้สังคมไทย คือ ความเหลื่อมล้ำและความยากจน วัฒนธรรมความไม่ละอายในการทำผิด ความเห็นแก่ตัว ก้าวร้าว ถอยหลังประเทศกลับไปสู่สังคมที่ใช้กำลังมากกว่าสมอง แบ่งชนชั้นให้ประชาชนเป็นบ่าว เผด็จการเป็นนาย ไร้การปฏิรูป ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ทำให้สังคมไทยเสียเวลาและเสียโอกาสในการแข่งขันในสังคมโลกอย่างที่เป็นอยู่แบบทุกวันนี้
punsang ไปด่าเขา แล้วตัวคุณเองล่ะ เคยมีผลงาน เคยทำงานเพื่อประชาชน เคยทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ช่วยอธิบาย ชี้แจงออกมาเป็นข้อๆ ด้วย เอาให้หายสงสัย กันไป ครับ !!!
22 พ.ค. 2562 เวลา 11.10 น.
เบาๆหน่อยน้องเอ้ย......อย่าดีแต่ตัว
และชั่วแต่คนอื่นคนเรานะไม่ว่าใครๆ
ที่มาบริหารประเทศมันก็ไม่ได้แตกต่าง
อะไรมากมายนัก....ขอบอกน้องนะให้ดู
ที่นิ้วมือของน้องถ้านิ้วมันเท่ากันหมดแสดง
ว่าน้องเป็นคนดีเลิศ.....แต่ถ้านิ้วมือของน้อง
ไม่เท่ากันก็อย่าได้ดีแต่พูด.....
22 พ.ค. 2562 เวลา 11.17 น.
punsang ด่าเขา ก็ เท่ากับ ด่าตัวเองไปด้วย ครับ !!!
22 พ.ค. 2562 เวลา 11.11 น.
มืด ประยุทธ์ดีที่สุดครับ ทุกคนก็เห็นอยู่กับตาตัวเอง ที่ชี้แจงมา 9 ข้อผิดหมดครับ
ผมไปที่ไหนๆ ก็เห็นแต่รอยยิ้มของผู้คน ตามตลาดร้านค้าคึกคักเป็นอย่างยิ่ง ผู้คนอยู่ดีมีสุข ยาเสพติดแทบจะเรียกได้ว่าเกือบหมดประเทศแระ พืชผลสินค้าทางการเกษตร ก็ขายได้ราคาสูงลิบลิ่ว ไม่มีมิติไหนเลยที่จะเป็นอย่างที่เจ๊พูด จริงป่ะทุกท่าน
22 พ.ค. 2562 เวลา 12.36 น.
นันต์ มึงเกิดมากี่ปีรวมทั้งพ่อแม่มึงด้วยทำความดีไรให้ประเทศมั่ง ด่าคนอื่นแสบสัสสส จำไว้เลย..วันข้างหน้ามึงจะตาบอดแน่นอนเมื่อเกิดมาไม่เห็นความดีของคนอื่นบ้างแม้แต่สักนิด
22 พ.ค. 2562 เวลา 11.46 น.
ดูทั้งหมด