"คนที่ทำงานในโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรมตามต่างจังหวัดจะชอบมีเรื่องผีมาเล่าสู่กันฟัง
ตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง จังหวัดเชียงราย มาเป็นเวลา 3 ปีเต็ม ระหว่างที่ทำงานก็จะได้ยินเรื่องแนวลี้ลับที่เพื่อนร่วมงานชอบมาเล่าให้ฟัง
มีสองเรื่องที่ผมจำได้แบบแม่นยำ เรื่องแรกมาจากพี่ที่เป็นรีเซปชั่นกะดึก แกให้เล่าให้ฟังระหว่างที่เราพักทานข้าวกลางวันกันว่าคืนก่อนหน้ามีแขกฝรั่งโทรลงมา แขกบอกกับแกว่าทำไมถึงมีพนักงานมาเคาะห้องตอนเที่ยงคืน แกก็ถามเพื่อเช็กว่าแขกได้โทรเรียกใครขึ้นไปหรือเปล่า แขกก็แจ้งว่าเขาได้หลับไปแล้ว แต่ดันมีพนักงานผู้ชายใส่ชุดไทยโบราณขึ้นไปเคาะห้องกลางดึก พอแขกเปิดประตูมาเจอพนักงานคนนั้นก็ยืนอยู่หน้าห้องเฉย ๆ ยิ้มให้หนึ่งครั้ง แล้วเดินจากไป พี่รีเซปชั่นแกก็ขอโทษขอโพยไปพร้อมกับส่งผลไม้ไปให้แขกห้องนั้นในวันต่อไป แต่ในใจแกก็คิดแหละว่าคนที่ขึ้นไปทักแขกไม่ใช่พนักงานหรอก เพราะยูนิฟอร์มของที่นี่ไม่มีใครใส่ชุดไทยโบราณ ต้องเป็นผีเจ้าที่แน่นอน
อีกหนึ่งเรื่องมาจากเพื่อนที่ทำงานในห้องอาหาร เธอเล่าว่าวันแรกที่มาประจำอยู่ที่นี่เธอก็โดนรับน้องเลย…
วันนั้นเธอกำลังเดินเสิร์ฟอาหารช่วงมื้อเย็นอยู่ งานในห้องอาหารก็ค่อนข้างวุ่น พนักงานเดินกันขวักไขว่ ระหว่างที่เธอกำลังเดินนำเอาอาหารจากครัวไปที่โต๊ะของแขกนั้น เธอก็เห็นเป็นเงาของผู้หญิงใส่ชุดนางรำ 2 คนอยู่อีกฝั่งของห้องแบบไกล ๆ
พวกเธอยืนกันอยู่ที่มุมห้อง ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสภายใต้การแต่งหน้าตามสไตล์นางรำโบราณคือทาแป้งให้ขาว ทาปากให้แดง และเขียนคิ้วเป็นเส้นเรียว ตอนแรกเพื่อนของผมก็เข้าใจว่าเป็นนักแสดงที่ต้องมารำโชว์ให้แขกชม แต่สักพักเธอก็เข้าใจว่าสิ่งที่เธอเห็นไม่ใช่อย่างนั้น…
เงาของนางรำทั้งคู่พุ่งตัวเข้ามาทางโต๊ะที่แขกนั่งและพุ่งตัวกลับไปที่มุมของห้อง พวกเธอทำแบบนี้กลับไปกลับมาด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยสักคน แขกก็นั่งทานอาหารกันต่อ พนักงานทุกคนอื่น ๆ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป ยกเว้นเพื่อนของผมที่ต้องหนีไปอยู่หลังครัวและตั้งสติ พอเธอเล่าให้แม่ครัวฟังเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอก็ได้รับคำตอบว่าไม่ต้องห่วงไป เธอไม่ใช่คนแรก ให้ไปไหว้ศาลเจ้าที่ของโรงแรมในวันถัดไปแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
ผมเองไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย ถึงจะได้ยินเรื่องเล่าจากคนนู้นคนนี้มาอย่างหนาหูก็ตาม แต่ก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ความคิดเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับของผมเปลี่ยนไป
อย่างที่เล่าไว้ในตอนต้น ผมทำงานอยู่ที่โรงแรมนี้เป็นเวลา 3 ปี ช่วง 2 ปีแรกเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ผมรักในงานของผมมากจนรู้สึกว่าที่นี่คือที่ ๆ ผมอยากจะอยู่ต่ออีกนาน ๆ แต่พอเข้าช่วงกลาง ๆ ปีที่ 3 คุณตาของผมเสีย ที่บ้านมีปัญหาภายใน มันทำให้ผมจำเป็นต้องเปลี่ยนแพลนในชีวิตและตัดสินใจว่าจะทำงานต่ออีก 2-3 เดือนแล้วลาออกเพื่อกลับบ้านไปอยู่กับแม่
ช่วงนั้นเต็มไปด้วยความเครียด ผมจิตตกไปเลยล่ะเพราะคุณตาที่เสียไปก็เป็นผู้ใหญ่ในบ้านที่ผมสนิทด้วยที่สุด ผมเริ่มฝันแปลก ๆ บางคืนที่กำลังจะผลอยหลับไปก็เห็นเป็นเงาลาง ๆ เหมือนเงาของตาที่แว้บเข้ามา ผมปฏิเสธตัวเองมาโดยตลอดว่าคงเป็นเพราะตัวเองที่เหนื่อยและเครียดถึงเกิดเหตุแปลกประหลาดพวกนี้ขึ้น
เหตุการณ์ที่ชัดที่สุดที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นผีก็คือคืนสุดท้ายในฐานะพนักงานของผม คืนนั้นเรามีงานเลี้ยงส่งเล็ก ๆ ที่เพื่อน ๆ และหัวหน้าจัดให้ ผมก็กลับมาที่หอพักในสภาพที่มึนนิด ๆ จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลับมาผมก็เข้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดนอน และกระโจนขึ้นเตียงทันทีโดยที่ไม่ได้ปิดไฟในห้อง
กลางดึกผมตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเคาะประตู ผมคิดว่าเป็นเพื่อนเลยไม่ได้ส่องตาแมวก่อนที่จะเปิดประตูห้องออกไป
ภาพที่ผมเห็นคือทหารในชุดนักรบโบราณ มีหมวกและสะพายดาบยืนอยู่ จังหวะนั้นผมตัวแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ จะขยับก็ขยับไม่ได้ จะวิ่งขาก็ก้าวไม่ออก
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไรที่ผมอยู่ในสภาพที่กำลังยืนประจันหน้ากับทหารผู้น้ัน แต่ในใจผมเริ่มนึกถึงบทสวดมนต์ต่าง ๆ ท่ีเคยท่องเอาไว้ ทหารค่อย ๆ เดินขึ้นมาประชิดตัวแต่ผมหลับตาปี๋ เหงื่อแตกพลั่กไปทั้งตัวแต่ความรู้สึกตอนนั้นมันเย็นยะเยือกมาก ๆ
ผมสวดมนต์ไปเรื่อย ๆ ผิด ๆ ถูก ๆ ก็สวดผสม ๆ กันไปจนรู้สึกว่าเขาหายไปแล้ว พอลืมตาขึ้นมาปรากฏว่าทหารคนนั้นก็หายตัวไปแล้วจริง ๆ ผมรีบเดินไปเคาะห้องเพื่อนข้าง ๆ เพื่อไปขออาศัยพื้นห้องเพื่อนนอน กลับห้องตัวเองไม่ไหวจริง ๆ ครับ
วันต่อมา ผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับทุกคนฟัง น่าแปลกใจที่เพื่อน ๆ หลายคนในหอพักเดียวกันก็เคยเห็นผีทหารผู้นี้ และมันทำให้ผมนึกถึกเรื่องเล่าของพี่รีเซปชั่นคนนั้นขึ้นมาในทันที ทุกคนสรุปกันว่าแกคงจะเป็นวิญญาณที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยก่อนและยังคงเวียนวนเพื่อปกปักรักษาผืนดินของเขา เลยคอยมาทักทายเยี่ยมเยียนทุกคนอยู่เรื่อย ๆ…."
ติดตามเรื่องราวชวนขนหัวลุกตอนใหม่ได้ในคอลัมน์ "พุธนี้ผีดุ" ทุกวันพุธ บน LINE TODAY
โจโฉ เห็นมีแต่ผีเข้าไปเป็นคู่ สักพักก็ออกมาเป็นคู่ เหงื่อแตกพลั๊ก ทั้งคืน
21 ต.ค. 2563 เวลา 13.25 น.
Oak Pradee สรุปใครเล่า รุ่นพี่กะดึก ให้เล่าว่า 55555ดีครับ..รุ้เรื่อง
21 ต.ค. 2563 เวลา 06.56 น.
Thatree ขอให้ทุกชีวิตในโลกมีสุข
21 ต.ค. 2563 เวลา 13.36 น.
ขอได้รับฟังไปในทางบันเทิงซะมากกว่าเรื่องใหนดีก็เก็บใว้เรื่องใหนไม่ดีก็อย่าไปจดไปจำมัน!เป็นคติของพี่ป๋อง!ในเดอะช๊อคๆๆๆๆ
22 ต.ค. 2563 เวลา 14.35 น.
Bow ไม่น่าจะใช่เรื่องจริง เพราะผีแต่งชุดไทย
ให้ดูน่ากลัวเหรอ? ปรกติเวลาเจอผี ผีเค้าก็ใส่ชุดแบบเรา ๆ นี่แหละ ผีบางตนยังไม่รู้ตัวเลยว่าตายไปแล้ว.....
21 ต.ค. 2563 เวลา 13.58 น.
ดูทั้งหมด