วิตามินที่คนวัยทำงานอย่างเราๆ ต้องการมากที่สุด คือ วิตามิน B เพราะเป็นตัวช่วยในการเสริมประสิทธิของสมอง แก้อ๊อง แก้เบลอ ไปถึงแก้โรคต่างๆ ของชาวออฟฟิศ อีกทั้งยังบำรุงเสริมสร้างร่างกาย ลดเครียด ลดความอ่อนเพลีย ไปจนถึงแก้โรคผิวหนังต่างๆได้ดี แต่วิตามิน B ดันมี สารพัด B1, B2, B3, B5 ไปจนถึง B12 เราจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายขาดวิตามินอะไร และควรเสริมพลังด้วยอาหารชนิดไหน แอดแนะนำให้สังเกตง่ายๆ จากความผิดปกติของขอบปากที่แตก หน้าหมองคล้ำ ผิวเหลืองซีด รู้สึกอ่อนล้า เหนื่อย เพลีย และยังมีอาการอื่นๆอีก ดังต่อไปนี้
วิตามิน B1
ประโยชน์ : นอกจากบำรุงประสาท และกล้ามเนื้อแล้ว ยังบำรุงหัวใจให้ทำงานได้เป็นปกติ
เมื่อขาดวิตามิน : โรคเหน็บชา แขนขาอ่อนแรง
แนะนำให้ทาน : ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต นม ปลา เนื้อหมูไม่ติดมัน
ปริมาณที่เหมาะสม : 1 – 1.5 มิลลิกรัม/วัน
วิตามิน B2
ประโยชน์ : ช่วยบำรุงผิวพรรณ เส้นผม และเล็บ ลดอาการสายตาอ่อนล้า และไมเกรน
เมื่อขาดวิตามิน : โรคปากนกกระจอก โรคผิวหนัง
แนะนำให้ทาน : ไข่ไก่ เนื้อวัว เครื่องในสัตว์ เห็ด ผักใบเขียวอย่างบรอกโคลีและผักโขม
ปริมาณที่เหมาะสม : 1.2 – 1.7 มิลลิกรัม/วัน
วิตามิน B3
ประโยชน์ : ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันไตรกลีเซอไรด์ และช่วยบำรุงผิวเมื่อขาดวิตามิน : ผิวหนังอักเสบ คล้ายถูกแดดเผา
แนะนำให้ทาน : เนื้อขาวจากพวกสัตว์ปีก และ ตับ ปลาทูน่า และปลาแซลมอน
ปริมาณที่เหมาะสม : 13-19 มิลลิกรัม/วัน
วิตามิน B5
ประโยชน์ : ป้องกันการอ่อนเพลียของร่างกาย ช่วยรักษาอาการเหน็บชาที่มือและเท้า
เมื่อขาดวิตามิน : หงุดหงิด เครียด ซึมเศร้า
แนะนำให้ทาน : เนื้อสัตว์ อาหารทะเล เครื่องใน นม ไข่ ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว ผักสีเขียว
ปริมาณที่เหมาะสม : 10 มิลลิกรัม/วัน
วิตามิน B6
ประโยชน์ : ทำให้ร่างกายดูดซึมโปรตีน และไขมันได้ดี ป้องกันโรคผิวหนังบางชนิด
เมื่อขาดวิตามิน : อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ
แนะนำให้ทาน : ถั่วลิสง วอลนัต กะหล่ำปลี แคนตาลูป อกไก่ มันฝรั่ง กล้วย และถั่วลูกไก่
ปริมาณที่เหมาะสม : 1.6 – 2 มิลลิกรัม/วัน
วิตามิน B7
ประโยชน์ : ช่วยบำรุงเส้นผม ลดการเกิดผมหงอก ศรีษะล้านได้ ทั้งยังช่วยเผาผลาญไขมัน
เมื่อขาดวิตามิน : ผิวหนังซีด แห้ง ลอก เป็นขุย
แนะนำให้ทาน : ตับวัว ไข่แดง นม เนย ถั่วลิสง อัลมอนด์ ดอกกะหล่ำ หรือกล้วย
ปริมาณที่เหมาะสม : 100-300 ไมโครกรัม/วัน
วิตามิน B9
ประโยชน์ :ป้องกันแผลร้อนใน โรคโลหิตจาง ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจเมื่อขาดวิตามิน : โรคโลหิตจาง
แนะนำให้ทาน : แครรอท แคนตาลูป ฟักทอง กล้วย อะโวคาโด ผักใบเขียวอย่างผักปวยเล้ง และบรอกโคลี
ปริมาณที่เหมาะสม : 180-200 ไมโครกรัม/วัน
วิตามิน B11
ประโยชน์ : ช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ และไขมันสะสมที่ตับเมื่อขาดวิตามิน : ไขมันสะสมที่ตับ คอเลสเตอรอลสูง
แนะนำให้ทาน : กระเทียม กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว อะโวคาโด
ปริมาณที่เหมาะสม : 2 ไมโครกรัม
วิตามิน B12
ประโยชน์ : ช่วยเพิ่มสมาธิ จำได้เม่นยำขึ้น ลดความเครียด ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
เมื่อขาดวิตามิน : อ่อนเพลียง่าย ชาตามปลายมือเท้า
แนะนำให้ทาน : เนื้อสัตว์เป็นหลัก เนื้อหมู เนื้อวัว ตับ ปลา นม โยเกิร์ต หรือชีส
ปริมาณที่เหมาะสม : 2 ไมโครกรัม
6 สัญญาณเตือน ว่าร่างกายกำลังขาดวิตามินบี
หน้าหมองคล้ำ ผิวดูไม่สดใส มุมปากแตกแห้ง ขาดความชุ่มชื่น ตาแดง แสบตา ผิวซีดเหลือง
เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย รู้สึกง่วงช่วงบ่ายๆ เหมือนร่างกายต้องการพักผ่อนตลอดเวลา และมีอาการท้องผูก เบื่ออาหารร่วมด้วย
ไอเท็มบำรุง ช่วยเพิ่มวิตามิน B ให้ร่างกาย
INNERI Acai B-Mix (14 ซอง 1,190.-)
ซุปเปอร์ฟู้ด ที่มากด้วยคุณค่าและสารอาหารรวม 19 ชนิด ช่วยปรับสมดุลการขับถ่าย สร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย บำรุงผิวพรรณ แก้อาหารเหนื่อยล้าจากการทำงาน ใช้สายตา และบำรุงสมองให้โลดแล่นในช่วงบ่ายๆ คุณสมบัติพิเศษ คือ ในซองนี้มี B-Mineral Complex ที่ช่วยปรับสมดุลสื่อประสาท ให้สมองทำงาน ไปพร้อมกับความสดชื่นระหว่างวัน
VISTRA B Complex Plus Minerals (30 เม็ด 250.-)
วิตามินบีรวมและแร่ธาตุ ควรทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร ในแต่ละมื้อจะได้สารอาหารครบตั้งแต่ วิตามินบี 1, บี 6, บี12 และแร่ธาตุ อาทิ คอปเปอร์ แมงกานีส และกรดโฟลิก ที่ช่วยในการฟื้นฟูร่างกาย เสริมการทำงานของสมอง ช่วยในการสร้างฮีโมโกลบิน การทำงานของเอนไซม์ ให้ร่างกายสดชื่น แข็งแรง
Blackmores Multi B (60 เม็ด 310.-)
แบลคมอร์ส วิตามิน บีรวม อัดแน่ไปด้วยวิตามิน บี ชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ทำหน้าที่ช่วยให้ระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย เหมาะกับคนที่มีภาวะขาดวิตามินบี ไม่แนะนำสำหรับเด็ก สตรีมีครรภ์ หรือคนชรา ที่มีอาการอ่อนเพลียจากการเจ็บป่วย หรือเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บ