การท่องเที่ยวลาวกำลังมีปัญหา นักท่องเที่ยวลดลงมาตั้งแต่ปี 2016 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น ระหว่างปี 2012 จนถึงปี 2015 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังลาวมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักทุกปี
ปี 2015 คนต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวในลาว 4.6 ล้านคน แต่ในปี 2016 จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเหลือเพียง 4.23 ล้านคน
ถือเป็นตัวเลขที่ลดลงมากถึง 10 เปอร์เซ็นต์ แถมตัวเลขต้นปีถัดมายังไม่กระเตื้องขึ้นกี่มากน้อย
ลงเอยด้วยการที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าลาวในปี 2017 ลดลงไปอีกเหลือเพียง 3.86 ล้านคนเท่านั้น
นั่นเป็นที่มาของการประกาศแผนส่งเสริม “ปีการท่องเที่ยวลาว 2018” ในงานไอทีบี เทรดโชว์ที่สิงคโปร์เมื่อเดือนตุลาคม 2017 ซึ่งทางการลาวตั้งเป้าไว้ที่การดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านคน
ในช่วง 6 เดือนแรกแผนส่งเสริมใหม่มีทีท่าว่าจะได้ผล ตอนเดือนพฤษภาคมเจ้าหน้าที่ลาวอ้างว่ายอดนักท่องเที่ยวขยับเพิ่มขึ้น “เล็กน้อย”
แต่แล้วปัญหาใหญ่ก็ถล่มเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่โศกนาฏกรรมเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยแตกที่แขวงอัตตะปือ และแขวงจำปาสัก ต่อด้วยฤดูกาลของพายุในหน้ามรสุม ที่หอบฝนตกหนักผิดปกติจนเกิดน้ำท่วมน้ำหลากเป็นวงกว้าง ซึ่งเอเย่นต์การท่องเที่ยวระบุว่า ส่งผลกระทบอย่างหนักกับการจองและการวางแผนการท่องเที่ยวล่วงหน้า
และแน่นอนทำให้ยอดนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลังลดลงอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อผสมผสานกับการยอมรับของเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวว่า หลังตรวจสอบจริงๆ แล้ว ตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรก “ไม่ถึง 2 ล้านคน” ทำให้มีแนวโน้มสูงมากว่า ไม่เพียง “ปีการท่องเที่ยวลาว 2018” จะพลาดเป้าเท่านั้น จำนวนนักท่องเที่ยวอาจลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่สามก็เป็นได้
เท่านั้นเอง ปรากฏการณ์ “โยนกลอง” ก็บังเกิด
ทางกระทรวงการท่องเที่ยวยืนยันว่าอนาคตระยะยาวของการท่องเที่ยวลาวนั้นสดใส “เนื้อหา” การท่องเที่ยวมีหลากหลาย
ความล้มเหลวเกิดจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยวต่างหากที่บกพร่อง ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
สิ่งที่ทางการเรียกร้องก็คือ การร่วมกันทำงานเป็น “ทีมเวิร์ก” เพื่อสร้างความประทับใจให้กับบรรดาผู้มาเยือนจากต่างประเทศ
ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวเอกชนกลับยืนยันว่า ทางการต่างหากที่เป็นสาเหตุ แล้วก็ยกตัวอย่างกรณีที่จู่ๆ มีการประกาศเรียกเก็บ “ภาษีท่องเที่ยว” จากนักท่องเที่ยวที่ถือพาสปอร์ตต่างประเทศคนละ 1 ดอลลาร์ ขึ้นมาเป็นอุทาหรณ์
สิ่งที่เป็นปัญหาไม่ใช่ตัวเงิน 1 ดอลลาร์ แต่ปัญหาอยู่ที่จังหวะเวลาและแนวทางปฏิบัติ
ภาษีดังกล่าวเรียกเก็บตั้งแต่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่เห็นได้ชัดว่าในบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองหลายต่อหลายจุด เจ้าหน้าที่ยังไม่มีความพร้อมในการนี้
ทั้งๆ ที่รัฐบาลออกประกาศเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
ยิ่งไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการในเว็บไซต์ของกระทรวงการท่องเที่ยว หรือแม้แต่เว็บไซต์อื่นใดของทางการ
รวมทั้งการท่องเที่ยวลาว ยิ่งทำให้ความกระจ่างชัดในเรื่องนี้ไม่มี
ตัวอย่างเช่น จำเป็นหรือไม่ที่ต้องเรียกเก็บเป็นดอลลาร์ สามารถใช้เงินสกุลอื่นได้หรือไม่ในอัตราแลกเปลี่ยนที่เท่ากัน? หรือผู้ที่เดินทางเข้า-ออกภายในวันเดียว จำเป็นต้องจ่ายด้วยหรือไม่
ผลก็คือ จุดตรวจหลายแห่งกลายเป็นคอขวด นักท่องเที่ยวเข้าคิวกันยาวเพื่อเคลียร์ปัญหาที่ว่านี้ ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึง “ไฮ-ซีซั่น” ของการท่องเที่ยวลาว ซึ่งอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนเรื่อยไปจนถึงมีนาคมด้วยซ้ำไป
แถมยังเป็นไตรมาสสุดท้ายของ “ปีการท่องเที่ยวลาว 2018” อีกด้วย
จะมาสร้างความยุ่งยากสับสนให้เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้ามาทำไมกัน
ไม่เหมือนแต่ก่อนครับ เปลี่ยนไปหลายอย่าง
19 ต.ค. 2561 เวลา 06.20 น.
ขายของแพงมาก
19 ต.ค. 2561 เวลา 06.17 น.
สุจินต์ สินค้า. อาหาร. หลายอย่างคิดว่าของไทยดีกว่า.
19 ต.ค. 2561 เวลา 06.02 น.
ประสิทธิ์ อาหารแพงมากๆ รถบริการของรัฐไม่สะดวก ที่พักค่อนข้างแพง
19 ต.ค. 2561 เวลา 05.23 น.
ลาวเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ยิ่งกว่าไทยอีกเพราะคนที่เอาเปรียบคือเจ้าหน้าที่โดยตรง จะแจ้งใครก็ไม่ได้
19 ต.ค. 2561 เวลา 05.13 น.
ดูทั้งหมด