ทั่วไป

กทม.มุ่งส่งเสริมทักษะกู้ชีพ/กู้ภัย รองรับความหลากหลายทางภัยพิบัติ

สยามรัฐ
อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

วันที่ 15 มี.ค.68 ในงานประชุมวิชาการการแพทย์ฉุกเฉินในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับชาติ ครั้งที่ 9 ที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงแนวทางบริหารจัดการหน่วยแพทย์ฉุกเฉินและหน่วยกู้ชีพในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า ความหลากหลายของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิเศษ มีความซับซ้อนด้านภัยพิบัติและการกู้ชีพ เช่น อาคารถล่ม สะพานถล่ม เครนถล่มระหว่างก่อสร้าง คนตกน้ำ-ตกสะพาน เป็นต้น เหตุนี้ บุคลากรถือเป็นทรัพยากรสำคัญที่สุดในการทำงานเกี่ยวข้องกับการช่วยชีวิต กทม.จึงพยายามนำความรู้ด้านวิชาการ นวัตกรรม และเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช มาเสริมศักยภาพและสร้างบุคลากรในด้านนี้ เนื่องจากมีทั้งคณะแพทย์ พยาบาล วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสุขภาพ วิทยาลัยมหานคร วิทยาลัยพัฒนาชุมชนเมือง เป็นต้น

เป้าหมายคือการสร้างบุคลากรที่มีทักษะทั้งกู้ชีพและกู้ภัยในคนเดียวกัน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น เมื่อหน่วยกู้ภัยได้รับอุบัติเหตุเสียชีวิต หน่วยกู้ชีพที่ตามเข้าไปต้องมีทักษะในการเอาชีวิตรอดด้วย สามารถช่วยเหลือตัวเองอย่างปลอดภัยได้ ขณะเดียวกัน หน่วยกู้ภัยควรมีทักษะในการกู้ชีพด้วย จะทำให้การช่วยชีวิตและการทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ยากลำบากมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ดังนั้น การฝึกทักษะหรือสร้างบุคลากรด้านนี้จึงต้องตั้งโจทย์ให้ยาก เนื่องจากสถานการณ์ฉุกเฉินของเมืองมีความหลากหลายซับซ้อน ทั้งความกดดันจากสภาพแวดล้อมขณะทำงาน ความถี่ของอุบัติเหตุ และความแตกต่างของสถานการณ์เกินคาดเดา ยกตัวอย่าง เหตุตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถล่มในอเมริกา ซึ่งไทยยังไม่เคยเจอสถานการณ์ถึงขนาดนั้น แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือไว้

โดยอุปสรรคที่พบคือ ถึงแม้จะมีพัฒนาการทางการแพทย์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง แต่บุคลากรที่ได้มาตรฐานยังไม่เพียงพอ การทำงานก็ไม่เกิดประสิทธิภาพ ยกตัวอย่าง ที่ผ่านมา กทม.มีรถมอเตอร์แลนซ์แต่ขาดคนขับอยู่ 2-3 เดือน ทำให้ไม่สามารถใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพได้ ซึ่งบุคลากรที่จะเข้ามาทำงานด้านนี้ต้องมีความรู้ความเข้าใจ ผ่านการฝึกอบรมตามหลักเกณฑ์จึงจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ปัญหาสำคัญคือ ทรัพยากรของภาครัฐมีไม่เพียงพอ กทม.จึงให้ความสำคัญกับการสร้างบุคลากรที่ได้มาตรฐาน และการจัดการทรัพยากรที่มีทั้งหมด

"หากในสภาวะปกติยังจัดการไม่ได้ อย่าไปหวังว่าสถานการณ์ฉุกเฉินจะทำได้ และถ้าสภาวะฉุกเฉินเบื้องต้นยังทำไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าภัยพิบัติขนาดใหญ่จะทำเป็น" รศ.ทวิดา กล่าว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ดูข่าวต้นฉบับ