วันนี้ (4 มิ.ย.2563) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค-สวทช.) ร่วมกับทีมวิจัยพัฒนา “มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” (µTherm-FaceSense) เครื่องวัดอุณหภูมิอัจฉริยะโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีกล้องอินฟาเรดผนวกระบบตรวจจับใบหน้าบุคคลอัตโนมัติ (Face detection) โดยไม่มีข้อจำกัดแม้สวมหน้ากากอนามัย มีระบบประมวลผลที่รวดเร็วแม่นยำภายใน 0.1 วินาที สามารถตรวจวัดอุณหภูมิได้ครั้งละหลายคนพร้อมกันในระยะห่างสูงสุด 1.5 เมตร จึงช่วยลดระยะเวลารวมถึงลดความเสี่ยงจากความใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่และผู้รับการตรวจคัดกรอง พร้อมรองรับการเชื่อมต่อและจัดเก็บข้อมูลผ่านเครือข่ายการสื่อสารหลากหลาย
ภาพ : สวทช.
“มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา รูปทรงทันสมัย ในราคาที่สนับสนุนให้ผู้ผลิตไทยเข้าถึงได้ หวังลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างประเทศ โดยสามารถติดตั้งใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล โรงเรียน เรือนจำ สถานีขนส่งสาธารณะ สถานีรถไฟฟ้า MRT / BTS ห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงงานสัมมนา มหกรรมต่าง ๆ เป็นต้น
ภาพ : สวทช.
นอกจากนี้ ยังได้ออกมาให้รองรับการเชื่อมต่อและจัดเก็บข้อมูลผ่านระบบ IoT ด้วยการสนับสนุนจาก กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ปัจจุบัน “มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์” อยู่ในขั้นตอนการทดสอบเพิ่มเติม ตามเกณฑ์ที่จะต้องผ่านการทดสอบขั้นพื้นฐาน ก่อนนำลงสนามใช้จริง 40 เครื่องเร็วๆ นี้
ความโดดเด่นของ “มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์”
- ตรวจจับใบหน้าและวัดค่าอุณหภูมิถูกต้อง แม่นยำ ภายใน 0.1 วินาที
- ตรวจวัดอุณหภูมิครั้งละหลายบุคคลพร้อมกัน ในระยะห่างสูงสุด 1.5 เมตร
- ตรวจจับใบหน้าบุคคลอัตโนมัติ (Face detection) แม้สวมหน้ากากอนามัย
- กำหนดค่าอุณหภูมิเฝ้าระวัง และ ค่าชดเชยสภาพแวดล้อมได้
- รองรับการเชื่อมต่อและจับเก็บข้อมูลผ่านเครือข่าย Wi-Fi รวมถึงสาย LAN
- รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์แสดงผลผ่าน HDMI
ภาพ : สวทช.
ประโยชน์ของเทคโนโลยี
- เฝ้าระวังและลดความเสี่ยงการสูญเสียจากผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับภาวะอุณหภูมิของร่างกายที่ผิดปกติและการระบาดของโรคร้ายแรง
- ใช้เป็นฐานข้อมูลอ้างอิงเพื่อออกประกาศการป้องกันและการดูแลเบื้องต้นเกี่ยวกับภาวะหรือโรคที่เกิดจากการเสียสมดุลของอุณหภูมิร่างกาย รวมถึงทำนายอุบัติการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- สร้างโอกาสในการเกิดธุรกิจใหม่ทั้งในฐานะผู้ผลิตและผู้ให้บริการ
- สร้างจุดเด่นให้กับสถานที่ที่ใช้งานระบบเพื่อการเอาใจใส่ดูแลและป้องกันสุขภาพ
- ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
กะเพา เงินทอนไม่มี ใครจะเอา
04 มิ.ย. 2563 เวลา 10.25 น.
TP ขอแสดงความยินดีครับ ที่ใช้เงินกับการประดิษฐ์ของมีประโยชน์ เพื่อประชาชนแบบนี้ คุ้มค่าเงินที่กระทรวงจะลงทุนครับ
โปรดตรวจสอบว่าใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพดี และติดตั้ง ทุกด่าน
ที่คนเดินทางเข้าประเทศด่วนครับ
04 มิ.ย. 2563 เวลา 09.17 น.
เยี่ยมมากครับ
04 มิ.ย. 2563 เวลา 09.17 น.
BabyBoss เก่งค่ะ แต่มีอีกข้อที่ต้องระวังคือวัดไข้ไม่เจอ แต่อาการหนัก ต้องใช้ปรอท อมใต้ลิ้น หรอรักแร้ ถึงเจอมันก็มีนะคะ
04 มิ.ย. 2563 เวลา 09.05 น.
ต้าว ถ้าดีก็เอามาใข้แม้มันจะช้าไป อย่าพึ่งพาแต่ต่างประเทศเหมือนพานาย้ายถิ่นฐานเมืองไทยเปนหงอยเลยผลิตไม่เปน มหาดก็อย่าผลาญแต่งบอบรมสัมนาวิธีทำต่างๆเปิดในยูทูปก็ได้ กินเกินเหตุจริงๆ
04 มิ.ย. 2563 เวลา 09.02 น.
ดูทั้งหมด