ไลฟ์สไตล์

Jonestown เมืองลัทธิประหลาดที่เข้าได้ แต่ออกไม่ได้ และผู้นำที่คร่าชีวิตคน 900 กว่าราย - เพจพื้นที่ให้เล่า

TOP PICK TODAY
เผยแพร่ 09 พ.ค. 2563 เวลา 01.21 น. • เพจพื้นที่ให้เล่า

เรื่องในวันนี้เป็นเรื่องของ จิม โจนส์ ชายผู้เคร่งศาสนา ผู้สามารถท่องจำคัมภีร์ไบเบิ้ลได้ทุกตัวอักษรตั้งแต่อายุ 8 ปี เขาคือคนที่ก่อตั้งลัทธิศาสนาใหม่ขึ้นมาในอเมริกาในช่วงปีค.ศ. 1957 โดยลัทธิที่เขาก่อตั้งคือ Peoples Temple หรือวิหารแห่งมวลชน

Jim Jones at an anti-eviction rally Sunday, January 16,1977 in front of International Hotel.
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ความตั้งใจของเขาในการก่อตั้งลัทธิศาสนาคือการเผยแพร่คำสอนทางศาสนาให้แก่คนผิวสีในเขตเกตโต้ จิมต้องต่อสู้กับกลุ่มคนที่เหยียดสีผิว ณ ขณะนั้นเป็นอย่างมากเพื่อที่จะปกป้องคนผิวสีและจุนเจือความช่วยเหลือในเรื่องของอาหาร สิ่งของอุปโภคบริโภค และมอบความเป็นอยู่แก่คนผิวสีที่ต้องการความช่วยเหลือ เนื่องจากเขามีพรสวรรค์ในการเทศน์เป็นอย่างมากทำให้ผู้ศรัทธาในตัวเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และลัทธินี้ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน มีคนเข้าร่วมทั้งคนตกงาน คนยากจน นักโทษเก่า สาวกกระจายหลากหลายจำนวนมากกว่าหลายพันคน จิมเริ่มเข้าไปมีบทบาทในการปกครองเมือง มีเส้นสายในหมู่นักการเมือง ในขณะเดียวกันอำนาจของโบสถ์เขาก็ยิ่งมากขึ้น สุดท้ายด้วยแนวคิดสุดโต่ง เขาจึงตัดสินใจตั้งสังคมมติขึ้นมาสำหรับสาวกของลัทธิ Peoples Temple ประหนึ่งว่าเป็น 'หมู่บ้าน' หรือ 'ชุมชน' ของลัทธิเอง เพื่อสนับสนุนแนวคิดสิทธิเสรีภาพและต่อต้านสงคราม โดยใช้การปกครองแบบสังคมนิยม ทุกคนเท่าเทียม ไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ สามารถอยู่กันอย่างรักใคร่กลมเกลียว ช่วยกันทำมาหากินแบบเกษตรกรรม สังคมที่ดีของจิมคือสังคมแบบยูโทเปียนั่นเอง

เพียงแต่บนโลกนี้จะไม่มีอะไรเคลือบแคลงแบบนั้นเลยจริงๆ หรือ ง่ายดายปานนั้นจริงๆ หรือ 

ความหวังดีของจิมเป็นความหวังดีเหมือนพระเจ้าที่มาโปรด หรือเขาหลงใหลในอำนาจและสร้างกองกำลังของตัวเองกันแน่ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นี่คือคำถามที่จะพาทุกคนไปค้นหาความดำมืดเบื้องหลังลัทธิและชุมชนแห่งนี้

.

ความน่าสงสัยและความผิดแปลกเริ่มขึ้นในช่วงปี1965-1977 ที่จิมเริ่มมีภาวะประหลาด เขาชักชวนให้สาวกของลัทธิทุกคนบริจาคสมบัติทั้งหมดแก่โบสถ์ และหันมาพึ่งพิงอาศัยโบสถ์เป็นบ้าน เขาเริ่มถือตัวเองเป็นพระเจ้าที่แท้จริง ทุกคนต้องเรียกเขาว่า "บิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์" เขามีการเสพสมกับสาวกผู้หญิง ที่สำคัญเขาเริ่มรณรงค์ให้ทุกคนศรัทธาในการฆ่าตัวตายหมู่ เพื่อที่วิญญาณหลังความตายของทุกคนจะได้เป็นหนึ่งเดียวบนโลกใบอื่น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ภาพมุมสูงของ Jonestown ในประเทศกายอานา ทวีปอเมริกาใต้
ภาพของ Jim Jones และสาวกที่ช่วยกันสร้างเมือง Jonestown ในยุคบุกเบิก

นอกจากนั้นในปี 1977 เขาตัดสินใจย้ายโบสถ์ ต้องเรียกว่าย้าย "สาวก" ที่อยู่ร่วมกันในโบสถ์ของตัวเองกว่าพันคน ไปสร้างเมือง "Jonestown" หรือ "โจนส์ทาวน์" ในประเทศกายอานา ทวีปอเมริกาใต้ บนที่ดินจำนวนกว่า 300 เอเคอร์ โดยเมืองนี้ได้ปกครองในระบบเผด็จการที่มีเขาเป็นผู้นำและผู้ออกกฎ โครงสร้างเปรียบเสมือนประเทศใหม่ ผู้หญิงและผู้ชายถูกแยกคนละเขต เด็กถูกกักบริเวณเอาไว้รวมกัน และทุกคนจำเป็นต้องร่วมพิธีในยามค่ำคืน 

ภาพถ่ายป้ายทางเข้าเมือง Jonestown

เรียกว่า "Jonestown คือเมืองที่เข้าได้ ออกไม่ได้"  

ไม่มีสาวกคนไหนเคยคิดมาก่อนว่าจาก สวรรค์ที่พวกเขาหวังจะพึ่งพาอาศัยกันจะกลายเป็นกรงขังแห่งนรก 

ใครที่ตัดสินใจจะหลบหนี หรือมีปากมีเสียงขึ้นมาจะโดนกำจัดทันที  

ไม่มีโอกาสเปลี่ยนใจสำหรับสาวกของ Peoples Temple ไม่มีใครสามารถหักหลังบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่าง จิม โจนส์ได้  

.

ด้วยการกระทำอันสุดโต่งและแนวคิดสังคมนิยมที่ตรงข้ามกับโลกทุนนิยมในความเป็นจริงและความพยายามผลักดันพัฒนาเมืองของรัฐ ทำให้กระแสพูดคุยเกี่ยวกับโจนส์ทาวน์เกิดการถกเถียงกันอย่างหนัก สส.จากรัฐแคลิฟอร์เนียนามว่า ลีโอ ไรอัน รวมถึงพวกนักข่าว อดีตสาวก รวมถึงครอบครัวของเหล่าสาวกที่ย้ายไปอยู่โจนส์ทาวน์จำนวนหนึ่งได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบโจนส์ทาวน์ พิสูจน์กับตาให้เห็นว่ามันดีอย่างที่จิม โจนส์ได้เคลมเอาไว้จริงๆ หรือไม่

เมื่อเดินทางไปถึงโจนส์ทาวน์แล้ว คณะผู้ตรวจสอบกลับพบว่าทุกคนอยู่เย็นเป็นสุข ทุกคนกินดีอยู่ดีและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สส.ไรอันที่เป็นผู้นำของคณะก็คลายใจว่าจิมคงดูแลชาวเมืองเป็นอย่างดี แต่หารู้ไม่ว่าทั้งหมดเป็นการจัดฉากเพื่อสร้างความประทับใจ ยิ่งกว่าการถ่ายทำโฆษณาสมัยนี้เสียอีก คนนอกไม่มีทางรู้ว่าสาวกที่หลงย้ายมาอยู่ที่นี่ต้องพบกับกฎเกณฑ์แปลกประหลาดมากมาย

คนผิวขาวคือคนที่อยู่ในชนชั้นปกครอง ส่วนคนผิวสีในลัทธิคือชนชั้นแรงงานที่ต้องทำงานอย่างหนักไม่มีหยุด การกินข้าวแต่ละครั้งก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้นำอย่างจิม ถ้าไม่พอใจสาวกคนไหน คนนั้นก็ไม่ต้องกินข้าว ทุกคนต้องถือศีลพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัด ห้ามแสดงความรักต่อกัน แม้จะเป็นสามีภรรยา ยกเว้นจิมจะอนุญาต (แปลกแต่จริง มีความเชื่อหนึ่งที่เล่าลือคือจิมกำหนดให้สาวกผู้ชายทั้งหมดของเมืองต้องเป็นเกย์ด้วยซ้ำ) ข่าวสารของโลกภายนอกจะถูกคัดกรองโดยจิม เขาจะทำหน้าที่จำกัดข่าวสาร และอ่านประกาศเสียงตามสายทุกเช้าเฉพาะเรื่องที่ตัวเองต้องการโปรโมท สาวกที่ต้องการจะโทรกลับบ้านหาครอบครัวจะมีคนบอกบทอยู่ด้านข้างว่าต้องพูดแบบไหน พูดอะไรบ้าง ซึ่งครอบครัวของสาวกหลายคนสามารถยืนยันข้อเท็จจริงนี้ได้ ที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่ของเมืองและเวรยามมักติดอาวุธคุมเข้มตามสถานที่ต่างๆ อยู่เสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้มีใครแวะเข้ามาเยี่ยมชมพอๆกับที่ไม่มีใครสามารถออกไปได้

กฎเกณฑ์ยิบย่อยอีกมากมายที่มาพร้อมบทลงโทษที่คาดเดาไม่ได้ถึงความโหดเหี้ยม มีผู้รอดชีวิตได้เผยหลังจากทุกอย่างสิ้นสุดว่า จิมใช้วิธีการเฉือดไก่ให้ลิงดูตั้งแต่แรก เขาเลือกลงโทษผู้ที่ไม่ได้มีความผิดต่อหน้าคนทั้งชุมชนเพื่อสั่งสอนและข่มขู่ให้ทุกคนเห็นแบบอย่างว่าถ้าใครต่อต้านจะต้องเผชิญกับอะไร ครั้งหนึ่งที่หนุ่มสาวในลัทธิเผลอยิ้มให้กันตอนส่งของ ทั้งคู่ถูกป้ายสีว่าผิดกฎเรื่องศีลพรหมจรรย์ พวกเขาถูกจับเปลื้องผ้าต่อหน้าสาวกหลายร้อยเพื่อประจานและถูกด่าทออย่างวิปริตจนกว่าจิมจะพอใจ แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วคนที่ทำผิดกฎพรหมจรรย์ที่สุดคือจิมที่นิยมสร้างฮาเร็มกับสาวกผู้หญิงและเสพยาเสพติดก็ตาม

ภาพถ่ายของ Jim Jones ผู้นำเมืองและเด็กชายที่เชื่อว่าจะได้ดำรงตำแหน่งทายาทสืบทอด

คณะตรวจสอบของสส.ไรอันไม่ได้เจอกับเรื่องพวกนี้เลย จนกระทั่งมีสาวกส่วนหนึ่งที่เข้าประชิดไรอันได้สำเร็จ และขอให้ช่วยพาหนีกลับไปยังบ้านเกิด พวกเขาไม่สามารถทนกับชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองวิปริตแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ไรอันรวบรวมสาวกที่อยากกลับบ้านได้มากถึง 15 ราย เขาพยายามอย่างสุดกำลังที่จะพาสาวกเหล่านี้กลับบ้านเกิด แม้ว่าจิมจะขัดขวางและท้วงติง โดยอ้างคำสอนของลัทธิก็ตาม ไรอันตัดสินใจพาทุกคนบินกลับทันทีในวันที่ 18 พฤศจิกายนปี 2521

ภาพของสส. ลีโอ ไรอัน

แม้คณะผู้ตรวจสอบจะสามารถเอาสาวก 15 รายนี้เดินทางไปถึงสนามบินไคตูได้อย่างทุลักทุเล แต่ไรอันก็ไม่มีโอกาสเอาเรื่องเลวร้ายของโจนส์ทาวน์ไปป่าวประกาศบอกใคร เพราะเขาโดนยิงตายก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินสำเร็จเพียงไม่กี่ก้าว คนในคณะตรวจสอบบางส่วนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต บางรายหนีไปได้ โชคดีที่ว่านักบินคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์รุนแรงทั้งหมดและทำการแจ้งกลับไปยังวิทยุการบินสหรัฐทันที ส่งผลให้สหรัฐตัดสินใจส่งกองกำลังไปยังโจนส์ทาวน์เพื่อปราบลัทธินอกรีตนี้ในที่สุด

เหมือนทุกอย่างจะจบลงด้วยดี.. แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จิม โจนส์ต้องการ  

เขาต้องการทำหน้าที่สุดท้ายให้สำเร็จ ก่อนที่ Peoples Temple และ Jonestown จะหายไป  

ภายในเวลา 5 โมงเย็นวันเดียวกันนี้ ก่อนที่การบินของสหรัฐจะส่งคนเข้ามาปราบปรามลัทธิ Peoples Temple สำเร็จ ตามหลักฐานเทปบันทึกเสียงที่ค้นพบหลังจากเหตุการณ์สั่นเทือนขวัญนี้ วันนั้นจิมได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงบอกกับสาวกว่า 

"ตอนนี้กำลังจะมีหายนะเกิดขึ้นกับเมืองของเรา จะมีกลุ่มคนโฉดโดดร่มลงมาและยิงกราดทุกคน ไม่ว่าจะผู้บริสุทธิ์หรือเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ที่โดนจับได้ทุกคนจะโดนทารุณ แม้ว่าเป้าหมายของพวกมันจะคือการสังหาร"  

จิมตัดสินใจทำพิธีกรรมโดยรวบรวมสาวกทั้งหมดที่อยู่ในเมืองจำนวน 1,100 คน รวมถึงตัวเอง มาดื่มน้ำองุ่นฉลองในพิธีร่วมกัน เพียงแต่เขาได้ผสมไซยาไนด์ลงไปในน้ำผลไม้นั่นก่อนแล้ว ตลอดเวลาที่ชาวบ้านตัดสินใจดื่มน้ำองุ่นผสมยาพิษนั้น จิมก็ทำหน้าที่เทศน์กล่อมเป็นครั้งสุดท้าย ชักชวนให้ทุกคนดื่ม และถ้าใครไม่ดื่มก็จะมีเจ้าหน้าที่ของเมืองและการ์ดของจิมคอยทำหน้าที่ช่วยเหลือให้พวกเขาสามารถดื่มได้จนหมด

กว่าที่จะมีคนไปพบก็มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 900 กว่าคน กว่า 1 ใน 3 ของคนที่ตายเป็นเด็กเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี มีสาวกเพียง 167 คนเท่านั้นที่รอดชีวิตจากพิธีกรรมหายนะดังกล่าว ภาพที่กองกำลังไปเห็นส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่ทำให้ใครๆ ต้องหลั่งน้ำตา อย่างภาพครอบครัวพ่อแม่ลูกที่กุมมือกัน หรือภาพสามีภรรยาที่นอนกอดกัน ส่วนจิม โจนส์ก็ไม่ได้รอให้ใครมาจับกุม เขาจบชีวิตตัวเองอยู่บนแท่นพิธีการ ไม่ทิ้งตำแหน่งสุดท้ายที่เขาแต่งตั้งให้ตัวเองและยึดถือมากที่สุด นั่นก็คือศาสดาของลัทธิ Peoples Temple

.

ความดำมืดของอดีตศาสดาลัทธิประหลาดถูกขุดออกมาไม่หยุด ตั้งแต่ผลชันสูตรศพของเขาที่พบสิ่งผิดปกติมากมาย ทั้งสารเสพติดประเภทยากล่อมประสาทในระดับที่สูงเกินร่างกายมนุษย์ธรรมดาจะทานทน แพทย์ต่างเชื่อว่าจิม โจนส์มีการใช้ยากล่อมประสาทปริมาณสูงนี้มาตลอดเพื่อให้ร่างกายเกิดความชินชา แถมยังค้นพบประวัติการใช้ SLD เหล้าแห้งและกัญชาของจิมอีกด้วย

ผู้รอดชีวิตต่างเล่าความเลวทรามที่เกิดขึ้นในค่ายนรก พิธีกรรมในยามค่ำคืนที่ฆ่าตัวตายหมู่นั้นไม่ได้เกิดเพียงครั้งเดียวอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่เขาต่างถูกบังคับให้ซ้อมตายหมู่กันมาแล้วหลายหน ตลอดระยะเวลาที่เมือง Jonestown ถูกก่อตั้ง จิมได้บังคับให้สาวกทุกคนรวมตัวกันและดื่มน้ำองุ่นเพื่อความตายอันเป็นนิรันดร์นี่หลายรอบ โดยหลอกว่าในน้ำองุ่นมียาพิษจริงๆ แต่ทั้งหมดก็เพื่อทดสอบความจงรักภักดีต่อจิมและลัทธิเท่านั้น แค่นั้นยังไม่พอจิมยังชอบสุ่มเปิดเสียงไซเรนตอนกลางคืน เพื่อปลุกทุกคนกลางดึกเพื่อซ้อมการถูกบุกกราดยิงจากรัฐและหน่วยงานลับต่างๆ แม้ว่าสาวกทุกคนจะทำงานเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวันก็ตาม

นอกจากความเป็นอยู่แล้ว จิมก็ทำลายพวกเขาในด้านตัวตนก็เช่นกัน เขาบังคับใช้สารเสพติดกับสาวกเพื่อให้เชื่อฟังคำพูดของตัวเอง ป้องกันไม่ให้มีใครกระด้างกระเดื่อง นอกจากนั้นยังปกครองคนด้วยจิตวิทยาสูง เขาจะเรียกคนที่มีแนวโน้มจะกระด้างกระเดื่องกับตัวเองหรือกฎเกณฑ์เข้าไปคุยส่วนตัวด้วยบ่อยๆ และลงโทษแบบสาธารณะในชุมชนต่อหน้าผู้อื่นเป็นประจำ เพื่อให้ทุกคนเกิดความอับอายและความบอบช้ำทางจิตใจ 

เรียกว่าคนในเมืองนี้ถูกปกครองด้วยความกลัว และบั่นทอนการมีอยู่แบบมนุษย์ปกติทีละเล็กทีละน้อย 

จนสุดท้ายสัตว์ร้ายในคราบบาทหลวงก็ทำให้ "ความตาย" เป็นอะไรที่พวกเขาไม่มีสิทธิเลือกอีกต่อไปแล้ว  

กลุ่มสื่อมวลชน แพทย์และนักวิชาการต่างๆ ที่ศึกษาคดีนี้ได้ให้ความคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกัน ว่าส่วนใหญ่สาวกที่ตัดสินใจย้ายตามจิมมาในเมือง Jonestown ไม่ใช่แค่สาวกธรรมดา แต่ล้วนเป็นกลุ่มคนที่มีเบื้องหลังชีวิตเลวร้ายและสภาพจิตใจอ่อนแอ พวกเขาต่างต้องการผู้นำในชีวิตพอสมควร บางคนเป็นโรคมะเร็งที่รักษาไม่หายและเชื่อว่าจิมจะสามารถชี้ทางสว่างรักษาให้หายได้ บางคนเคยผ่านการใช้ความรุนแรงในครอบครัวจนโหยหาสถานที่ปลอดภัยและเชื่อว่า Jonestown คือสถานที่ที่ตัวเองต้องการ

ความเว้าแหว่งของมนุษย์ทำให้เราต่างโหยหาสิ่งที่จะมาเต็มเติมและผู้นำที่จะมาเยียวยาจิตวิญญาณอันทุกข์ทรมานที่มอดไหม้ในตัวเราได้ แต่เสียดายที่ในเกมชีวิตนั้น ไม่มีทางรู้เลยว่าเรากำลังวางหัวใจและความเชื่อเอาไว้กับคนที่ถูกต้องจริงๆ หรือเปล่า

ขอให้เราจงเป็นความสุขและแสงสว่างของตัวเองท้ายที่สุด  

.

ติดตามบทความของเพจพื้นที่ให้เล่าได้บน LINE TODAY ทุกวันเสาร์

.

อ้างอิง

1 / 2 / 3

ความเห็น 33
  • SUPADON
    นึกถึงธัมมชโยเลย
    09 พ.ค. 2563 เวลา 02.53 น.
  • KosiT
    ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆ ไม่น่าเชื่อว่าบนโลกยังมีแบบนี้อยู่ด้วย ว่าแต่ "เฉือดไก่" ต้องแก้เป็น "เชือดไก่" นะครับ
    09 พ.ค. 2563 เวลา 02.31 น.
  • Rojravee
    เหตุทั้งหมดทั้งมวลล้วนมาจาก..อวิชชา.
    09 พ.ค. 2563 เวลา 02.54 น.
  • Woranet Chaingnara
    ชอบอ่านค่ะ ขอบคุณนะคะ
    09 พ.ค. 2563 เวลา 02.42 น.
  • B
    วันนึงเราจะเป็นอย่าง jonestown นะจ๊ะๆ ชิตังเม
    09 พ.ค. 2563 เวลา 02.46 น.
ดูทั้งหมด