In focus
- รัฐบาลฟิลิปปินส์แจ้งไปยังสหรัฐฯ ผ่านสถานทูตอเมริกันในกรุงมะนิลา ขอยกเลิกความตกลงกองกำลังหมุนเวียน ซึ่งฟิลิปปินส์กับสหรัฐฯ ลงนามเมื่อปี 1998
- มีรายงานว่า เหตุที่บอกเลิกข้อตกลงนี้ มาจากความไม่พอใจที่รัฐบาลทรัมป์ยกเลิกวีซ่าของโรนัลด์ เดลา โรซา ส.ว. และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พันธมิตรทางการเมืองของดูแตร์เต ขณะที่ผู้นำฟิลิปปินส์ชี้แจงเหตุผลของการบอกเลิกว่าเพราะสหรัฐฯ มักอาศัยข้อตกลงฉบับนี้ดำเนินปฏิบัติการลับต่างๆ
- หากยกเลิกข้อตกลงนี้ นอกจากฟิลิปปินส์จะไม่มีคนช่วยป้องปรามจีนในกรณีพิพาทเขตแดนย่านทะเลจีนใต้ รวมถึงไม่ได้ความช่วยเหลือในการบรรเทาภัยพิบัติ และรับมือกับกองกำลังติดอาวุธในแถบหมู่เกาะมินดาเนา ส่วนฝ่ายสหรัฐฯ ก็จะสูญเสียผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์เช่นกัน ที่สำคัญคือ การทัดทานต่อการเติบใหญ่ของจีน ทั้งในมิติเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคง
กรณีรัฐบาลประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต แจ้งขอยกเลิกข้อตกลงเปิดรับทหารอเมริกันในดินแดนฟิลิปปินส์ ไม่เพียงส่งผลสะเทือนต่อความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างประเทศทั้งสอง แต่อาจกระทบถึงดุลอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่ามกลางการผงาดของจีน
ในย่านอุษาคเนย์ ฟิลิปปินส์เป็นประเทศเดียวที่มีสนธิสัญญาทางทหารแบบสองฝ่ายกับสหรัฐฯ ขณะที่ไทยเป็นอีกประเทศที่มีสนธิสัญญาป้องกันประเทศร่วมกันกับอเมริกา ทว่าเป็นข้อตกลงแบบหลายฝ่าย
ความเป็นพันธมิตรเหล่านี้ บวกกับสนธิสัญญาทวิภาคีสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ รวมถึงความร่วมมือใกล้ชิดด้านกลาโหมระหว่างสหรัฐฯ กับสิงคโปร์ และสหรัฐฯ กับไต้หวัน ถือเป็นเสาหลักค้ำประกันความมั่นคงในภูมิภาคตั้งแต่ยุคสงครามเย็น
ทุกวันนี้ ถึงแม้ภัยคุกคามแบบเก่าพลิกโฉมหน้า สหภาพโซเวียตล่มสลาย จีนแดงเดินเส้นทางทุนนิยม แต่มหาอำนาจสามเส้า อเมริกา รัสเซีย จีน ยังคงปักธงทางภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชีย ดำเนินบทบาทลดหลั่นกันไปตามสถานะทางเศรษฐกิจการเมืองที่แปรเปลี่ยน ผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ที่ปรับแปลง
ชาติยักษ์ใหญ่ไม่เคยหน่ายกับการช่วงชิงอิทธิพล การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับความเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์ จะส่งแรงกระเพื่อมต่อโครงข่ายความสัมพันธ์ด้านการทหารในภูมิภาค กระทบต่อการป้องปรามการขยายอิทธิพลของจีน โดยเฉพาะในแถบทะเลจีนใต้ หรือไม่ แค่ไหน อย่างไร นับเป็นสถานการณ์น่าจับตา
‘ดูแตร์เต’ แก้เผ็ดอเมริกา
เมื่อวันอังคาร (11 ก.พ.) รัฐบาลดูแตร์เตแจ้งไปยังสหรัฐฯ ผ่านสถานทูตอเมริกันในกรุงมะนิลา ขอยกเลิกความตกลงกองกำลังหมุนเวียน ซึ่งฟิลิปปินส์กับสหรัฐฯ ลงนามเมื่อปี 1998
ว่ากันว่า เหตุที่บอกเลิกข้อตกลงวีเอฟเอ (Visiting Forces Agreement) นั้น เป็นเพราะไม่พอใจที่รัฐบาลทรัมป์ยกเลิกวีซ่าของโรนัลด์ เดลา โรซา ผู้สนองนโยบายสงครามยาเสพติดของดูแตร์เตอย่างถึงใจพระเดชพระคุณในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระหว่างปี 2016-2018 พล.ต.อ.โรซาชนะเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกเมื่อปี 2019 ด้วยคะแนนนิยม 19 ล้านเสียง สูงเป็นลำดับที่ห้าในวุฒิสภา โรซาเป็นพันธมิตรทางการเมืองกับดูแตร์เต
แน่นอนว่า ผู้นำฟิลิปปินส์ไม่ได้ชี้แจงเหตุผลของการบอกเลิกว่า เพราะต้องการเอาคืนต่อกรณีโรซา แต่อ้างว่าสหรัฐฯ อาศัยข้อตกลงฉบับนี้ดำเนินปฏิบัติการลับต่างๆ เช่น ทำจารกรรม เก็บสำรองอาวุธนิวเคลียร์ อีกทั้งยังปฏิบัติแย่ๆ ต่อประเทศ เช่น เมื่อเสร็จสิ้นการฝึก โละอาวุธเก่าให้ ขนอาวุธใหม่กลับบ้าน แถมชอบพูดอย่างทำอย่างในเรื่องสิทธิมนุษยชน
ทางเลือกของ ‘ทรัมป์’
ตามข้อตกลง ฝ่ายที่ต้องการบอกเลิกต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคู่สัญญาล่วงหน้า 180 วัน ดังนั้น ถ้ายังคงต้องการรักษาข้อตกลงไว้ วอชิงตันมีเวลา 6 เดือนที่จะเจรจากับมะนิลา อย่างไรก็ตาม โฆษกของดูแตร์เตบอกว่า ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์จะไม่ขานรับความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะกอบกู้ข้อตกลงนี้ และจะไม่ตอบรับคำเชิญให้ไปเยือนสหรัฐฯ
จนถึงขณะนี้ ยังไม่รู้ว่าสหรัฐฯ จะเอาอย่างไร เพราะเจ้าหน้าที่ระดับสูงแสดงท่าทีต่างกันคนละทางสองทาง
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ มาร์ค เอสเปอร์ บอกว่า การตัดสินใจดังกล่าวของฟิลิปปินส์เป็นเรื่อง “น่าเสียดาย” ถือเป็นการเดินผิดเส้นทางในห้วงเวลาที่วอชิงตันกับบรรดาพันธมิตรกำลังกดดันให้จีนปฏิบัติตาม “กฎกติกาของระเบียบระหว่างประเทศ” ในเอเชีย
พล.ร.อ.ฟิลิป เอส. เดวิดสัน ผู้บัญชาการกองบัญชาการอินโด-แปซิฟิก บอกว่า อยากให้ผู้นำฟิลิปปินส์ทบทวนการตัดสินใจ และหวังว่าสหรัฐฯ จะเปลี่ยนใจรัฐบาลของพันธมิตรรายนี้ได้สำเร็จ ถ้ายกเลิกข้อตกลงฉบับนี้ ความร่วมมือในการปราบปรามกลุ่มสุดโต่งในภาคใต้ของฟิลิปปินส์จะเกิดอุปสรรค
แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับบอกกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ยกเลิกเสียได้ก็ดี “ผมไม่ติดใจถ้าพวกเขาจะเอาอย่างนั้น นั่นจะประหยัดเงินไปได้เยอะเลย ผมมองต่างจากคนอื่น” อย่างที่รู้กัน ทรัมป์ชูนโยบายพาทหารอเมริกันในต่างแดนกลับบ้าน และจี้ให้ชาติพันธมิตรแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ฝ่ายนิติบัญญัติคัดง้างฝ่ายบริหาร
ความตกลงกองกำลังหมุนเวียนเป็นแกนสำคัญที่สนับสนุนข้อตกลงด้านการทหารระหว่างสหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์อีก 2 ฉบับ นั่นคือ สนธิสัญญาป้องกันประเทศร่วมกัน ปี 1951 กับข้อตกลงขยายความร่วมมือด้านกลาโหม ปี 2014
ประเทศทั้งสองลงนามข้อตกลงวีเอฟเอหลังจากฟิลิปปินส์ยุติข้อตกลงอนุญาตให้สหรัฐฯ ใช้ฐานทัพเรืออ่าวซูบิกเมื่อปี 1991 ซึ่งส่งผลให้อเมริกาต้องถอนทหารออกจากฟิลิปปินส์ทั้งหมด แต่ในช่วงกลางทศวรรษ 1990 เกิดความกังวลต่อความเคลื่อนไหวของจีนในทะเลจีนใต้ ในขณะที่ฟิลิปปินส์เองปรับปรุงกองทัพได้อย่างเชื่องช้า ทั้งสองฝ่ายจึงทำข้อตกลงดังกล่าวในปี 1998
วีเอฟเอมีเนื้อหารองรับความชอบด้วยกฎหมายของกองกำลังอเมริกันที่สับเปลี่ยนกันเข้าไปประจำการ ครอบคลุมประเด็นหลากหลายตั้งแต่เรื่องหนังสือเดินทาง กระบวนวิธีจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าสู่เขตแดนฟิลิปปินส์ จนถึงเขตอำนาจศาลและการลงโทษกำลังพลสหรัฐฯ ที่ละเมิดกฎหมายในดินแดนของพันธมิตร
ฝ่ายที่สนับสนุนบทบาททางทหารของสหรัฐฯในฟิลิปปินส์วิตกว่า ถ้ายกเลิกวีเอฟเอ ข้อตกลงอีกสองฉบับก็จะเสมือนเป็นหมันในทางปฏิบัติ บางเสียงโต้แย้งว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจยกเลิกโดยลำพัง ในเมื่อวุฒิสภาเป็นผู้อนุมัติ การยกเลิกก็ต้องผ่านความเห็นชอบของวุฒิสมาชิก
วีเอฟเอจะเป็นชนวนงัดข้อในการเมืองของฟิลิปปินส์หรือไม่ อย่างไร ต้องคอยดูกันต่อไป
ยกเลิกข้อตกลงบั่นทอนดุลอำนาจ
ที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ได้ประโยชน์มากจากข้อตกลงฉบับนี้ วีเอฟเอเปิดทางให้มีการฝึกร่วมระหว่างกองทัพของทั้งสองฝ่ายปีละประมาณ 300 ครั้ง มะนิลาได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากวอชิงตันนับแต่ปี 1998 รวมเป็นมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความเป็นพันธมิตรนี้ยังช่วยป้องปรามจีนในกรณีพิพาทเขตแดนย่านทะเลจีนใต้ เปิดทางให้ฟิลิปปินส์ได้รับความช่วยเหลือในการบรรเทาภัยพิบัติ และรับมือกับกองกำลังติดอาวุธในแถบหมู่เกาะมินดาเนา
ข้างฝ่ายสหรัฐฯ ก็จะสูญเสียผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์เช่นกัน ที่สำคัญคือ การทัดทานต่อการเติบใหญ่ของจีน ทั้งในมิติเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคง
มองให้กว้างออกไป ความเป็นพันธมิตรที่ลดระดับลงระหว่างประเทศทั้งสอง ยังอาจส่งผลสะเทือนถึงดุลอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ซึ่งกำลังเป็นสนามคุมเชิงระหว่างอเมริกากับจีน อีกด้วย.
อ้างอิง:
New York Times, 11 February 2020
Bloomberg via Washington Post, 12 February 2020
AFP via ChannelNewsAsia, 13 February 2020
ภาพ: Lillian SUWANRUMPHA / AFP
นก_ศศินันท์ เป็นกำลังใจให้ชาวฟิลิปปินส์เข้มแข็งไปด้วยกันค่ะ
16 ก.พ. 2563 เวลา 23.12 น.
Akom ดีแล้วละไอ้ทรัมป์มันพูดอย่างทำอย่าง.เอาแต่ใจตัวมันอย่าไปยุ่งกับมันละดีแล้ว เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด
16 ก.พ. 2563 เวลา 22.59 น.
กฤติเดช สุขเนืองนอง อินทรีขี้เรื้อน ให้เงินปีกินเปล่า ฟิลิปปินส์ เท่าไหร่? รับรอง รัฐบาลจีน ให้เบิ้ลมากกว่าแน่ แค่ขอให้มั่นใจว่า ฟิลิปปินส์ เลิกสังวาสกับแยงกี้เด็ดขาด รับรอง จีน ทุ่มเต็มที่
16 ก.พ. 2563 เวลา 17.31 น.
Chanwit ทำไมไม่ลงเรื่อง อเมริกาเอาอาวุธนิวเคลียร์มาเก็บไว้ที่ฟิลิปปินส์ด้วย คนอ่านจะได้เข้าใจว่าทำไมต้องให้อเมริกาออก
17 ก.พ. 2563 เวลา 00.23 น.
SUNSHlNE ดร.คนเก่ง อยากได้อะไรอีกมั้ย ปินส์จะไม่ร่วมเมกา อยากให้ไทยไปรับอะไรอีกมั้ยที่จะได้ไม่เสียโอกาส ผู้นำไทยที่แข็งกร้าว จะเหมือนปินส์บ้างไหม หรือแข็งเฉพาะกับคนไทย แต่ยอมอ่อนน้อมกับชาติมหาอำนาจ
17 ก.พ. 2563 เวลา 00.13 น.
ดูทั้งหมด