How to ทำงานสไตล์คนขี้เกียจยังไงให้รอด

งานเป็นสิ่งที่ใครหลายๆ คนเบื่อหน่ายที่จะทำมันให้เสร็จ แต่ว่ามันก็ยังคงเป็นหน้าที่และบางทีมันก็ทำรายได้ให้กับเราด้วย ดังนั้นจะทิ้งไปก็ไม่ได้อีก แต่ว่าจิตใจและอารมณ์ก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะทำมันเลยสักนิด ไม่มีแพชชั่น ไร้ความฮึกเหิมใดๆ มาทำให้รู้สึกอยากทำงานเลยสักนิด แต่สถานการณ์ก็จะบังคับให้เราต้องทำอยู่ดี มาเถอะ…ลองหาเทคนิคที่คนขี้เกียจอย่างเราจะสามารถเอาไปช่วยทำให้งานเสร็จทันตามกำหนดส่งกันดูดีกว่า

#1. ย่อยเป้าหมายใหญ่ๆ ให้เล็กลง

เวลามีงานใหญ่ๆ เข้ามาเราจะรู้สึกท้อแท้มาก ที่จะต้องทำมันให้จบทุกที แต่ถ้าเราลองแยกงานแบ่งออกเป็นแต่ละส่วน อย่างเช่น ถ้าเราต้องทำ VDO Presentation สักงาน ก็แบ่งแยกเป็น ส่วนหาข้อมูล ส่วนเรียบเรียงข้อมูล รวมรวมรูปทำรูปประกอบ ตัดต่อคลิป การใส่เสียงใส่ดนตรีประกอบ เป็นต้น แค่นี้ก็จะดูเหมือนว่างานมันเล็กลง เมื่อถูกแยกย่อยออกมาจากงานใหญ่ๆ ได้แล้วนั่นเอง

#2. จัดลับดับความสำคัญ

ถ้ามีสิ่งต้องทำเยอะมาก จนรู้สึกสับสนมึนงงว่าควรจะทำอะไรก่อนดี ให้เอางานทั้งหมดออกมาเช็คดูโดยเริ่มจาก งานที่จำเป็นต้องส่งก่อน งานที่มีคนต้องการจากเรา งานที่ต้องทำให้เสร็จแล้วถึงจะเริ่มงานอื่นๆ ต่อได้เป็นต้น ส่วนงานที่ไม่ได้เร่งจะทำเสร็จเมื่อไหร่ก็ได้หรือเอาไว้ทำในช่วงเวลาว่างๆ ก็ไม่ตำเป็นต้องรีบไปทำก่อนงานอื่น เพียงแค่นี้เท่านั้นเอง

#3. เช็คกำหนดเวลาส่งงาน

ลองดูให้ดีว่างานที่มีอยู่นี้มีกำหนดส่งวันไหนบ้าง แต่ละงานก็คงจะมีช่วงเวลาส่งเร็วหรือช้าแตกต่างกันไป หรือถ้าบางงานอาจจะมีช่วงเวลาส่งที่เป็นวันเดียวกันด้วย เราจำเป็นต้องรู้และวางแผนเอาไว้ให้ดี เพราะว่าจะได้จัดสรรเวลาการทำงานการเตรียมส่งให้พร้อมได้อย่างลงตัว ถ้าทำเสร็จล่วงหน้าได้ก็มีเวลาตรวจทาน แก้ไขได้ก่อนถึงเวลาส่งจริงด้วย เราจะได้สบายใจที่ส่งงานทัน และมีความเป็นมืออาชีพด้วยนะ

#4. ให้เวลากับสิ่งนั้นสัก 10 นาที

ในยุคนี้มักมีสิ่งที่ดึงความสนใจเราไปได้ง่ายมาก ทำให้เราไม่มีสมาธิกับการทำงานได้เป็นระยะเวลานานๆ นัก ทำเพียงแป๊บเดียวก็เสียสมาธิแล้ว ทำให้งานไม่ค่อยมีความคืบหน้าสักเท่าไหร่ ดังนั้นแล้ววิธีแก้เพียงง่ายๆ เลยก็คือ พยายามเพ่งสมาธิไปกับการทำงานให้ถึง 10 นาที ให้ได้แล้วค่อยหยุดหรือพักให้เป็นนิสัย แต่ก็ไม่ควรหยุดพักเกิน 5 นาที แล้วจึงค่อยทำงานต่อไป อย่างน้อยก็จะช่วยทำให้เรามีสมาธิตั้งมั่นกับการทำงานเป็นระยะเวลาที่พอดี ไม่เสียสมาธิมากเกินไป หรือให้เวลาการทำงานน้อยเกินไปนั่นเอง

#5. ทำไปพักผ่อนไป

ในช่วงที่ไม่มีอารมณ์จะทำงานเลยจริงๆ อย่างน้อยก็หาอะไรที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ทำไปด้วยและพักผ่อนไปได้ด้วยก็ยังดี อย่างเช่น การหาภาพ หาวิดีโอมาประกอบ ที่อาจจะไม่ต้องใช้พลังงานในการคิดมากสักเท่าไหร่นัก ทำงานไปพร้อมกับการฟังเพลงหรือดูหนังไปด้วย ให้งานมีความคืบหน้า หรือมีส่วนที่ได้ทำไปบ้า งก็ยังดีกว่าที่จะไม่ลงมือทำอะไรเอาไว้เลยแล้วกันนะ

#6. ว่างเว้นไม่ทำไปเลย

อาการขี้เกียจในบางครั้งมันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เรากำลังต่อต้าน และไม่พร้อมสุดๆ เพราะฉะนั้นการฝืนตัวเองให้ทำงาน ทั้งที่ไม่มีอารมณ์จะทำสักนิด ไม่ใช่การดีเสมอไป เพราะทำไปงานออกมาไม่ดี อารมณ์ยังแย่เหมือนเดิมด้วย ดังนั้นปล่อยให้ตัวเองขี้เกียจบ้าง อย่าไปรู้สึกผิด หากว่ายังเหลือเวลามากพอให้พักอยู่ ขี้เกียจจนกว่าจะหนำใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาพักหรือช่วงวันหยุด ให้แยกตัวเองออกจากงานให้เด็ดขาดจะดีกว่า ถ้าเอาแต่คิดเรื่องงานอยู่ตลอดเวลา จะเบื่อไม่อยากทำงานก็ไม่น่าแปลกหรอก

เพราะคนเราก็ควรจะมีเวลาพักผ่อนกันบ้าง อย่าเอาทุกช่วงเวลาชีวิตมาคิดหรือทำงานไปตลอด เพราะจะให้เครียดสะสม และเบื่องานจนกลายเป็นความรู้สึกที่ไม่อยากทำงานไป ถึงเวลาพักก็ผ่อนคลาย สนุกเต็มที่ ถึงเวลางานจะมีพลังมาคร่ำเคร่งตั้งใจทำงานให้เสร็จได้เต็มที่เต็มเวลา โดยที่ไม่รู้สึกเบื่อหรือเครียดจนเกินไป คนเราควรรักษาสมดุลนี้เอาไว้ให้ดีแล้วชีวิตจะมีความสุขค่ะ