โหวตเก้าอี้ 'ประธานสภา' สะเทือนศึกชิงนายกฯ

ตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดเอาไว้ให้เปิดประชุมสภาภายใน 15 วัน หลังประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง

โดยให้ ส.ส. อายุมากสุดทำหน้า ประธานสภาชั่วคราว คอยกำกับการประชุม เพื่อคัดเลือก ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งเก้าอี้ ประธานสภา รองประธานสภา ก่อนจะโหวตผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเรียกประชุมครั้งต่อไป

ดังนั้นเก้าอี้ ประธานสภา จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากต้องการกุมสภาพคุมเกมการเมือง และขับเคลื่อนการทำงานของรัฐบาล ไม่ว่าขั้วใดจะได้จัดตั้งรัฐบาล จะต้องส่งคนของตัวเองเข้าไปนั่งเก้าอี้ ประธานสภา ให้จงได้ด้วย ไม่เช่นนั้นโดนยืนญัตติให้ นายกฯ-ครม. ตอบกันทุกสัปดาห์

โดยเฉพาะ ขั้วพลังประชารัฐ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีแต้มต่อในการจาก ส.ว.สรรหา ในการโหวตให้กลับมานั่งเก้าอี้นายกฯ แต่ตำแหน่ง ประธานสภา ใช้เสียงจาก ส.ส. ทั้งหมด เกมจึงไม่เอื้ออำนวยให้มากนัก

ทว่า แกนนำพปชร. มั่นใจว่าจำนวนเสียงมีรวมมาได้จะมีมากกว่าจำนวนเสียงของ ขั้วเพื่อไทย เนื่องจากการโหวตเก้าอี้ ประธานสภา ต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมสภา หากใช้จำนวนเต็มก็จะอยู่ที่ 251 จากจำนวน ส.ส. ทั้งหมด 500 คน

แต่ แกนนำพปชร. คาดการณ์ว่า กกต. อาจจะรับรอง ส.ส. เพียง 95% ทำให้มีเสียงโหวต ประธานสภา เพียงแค่ 475 เสียง ทำให้เสียงเกินกึ่งหนึ่งจะอยู่ที่ 238 เสียง ซึ่ง แกนนำพปชร. มั่นใจว่าจะฝ่าด่านนี้ไปได้ ซึ่งหากผ่านไปได้จริงจำนวนเสียงโหวตเก้าอี้นายกฯไม่ต้องห่วง เพราะ ส.ส.สรรหา พร้อมยกมือโหวตอยู่แล้ว

โดยเก้าอี้ ประธานสภา แต่เดิม แกนนำพปชร. ขอให้เป็นโควตาของ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หากตอบรับมาร่วมรัฐบาลก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะ ปชป. ก็ชำนาญเกมสภา แม่นข้อกำหนดอย่างดี หากส่งตัวแทนนั่งเก้าอี้ ประธานสภา รับรอง พล.อ.ประยุทธ์ จะปลอดภัยกว่าเดิม

ฝั่ง ขั้วเพื่อไทย หากจะสู้ต้องเริ่มตั้งแต่การโหวต ประธานสภา เพราะหากคว้าเก้าอี้ ประธานสภา เอาไว้ได้ การเคลื่อนเกมป่วนในสภาจะได้ทำง่าย เพราะการยื่นญัตติ ยื่นกระทู้ อำนาจการรับไว้พิจารณาอยู่ที่ ประธานสภา หากเก้าอี้ดังกล่าวอยู่กับ ขั้วเพื่อไทย เกมจะเปลี่ยนไปทันที

ดังนั้นจึงต้องจับตาการโหวตเก้าอี้ ประธานสภา ให้ดี เพราะสะเทือนต่อการโหวตเก้าอี้ นายกรัฐมนตรี อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้