จากกรณีกรมสรรพากร ออกประกาศกำหนดให้ธนาคารส่งข้อมูลดอกเบี้ยรับ มายังกรมสรรพากร เพื่อกรมรวบรมข้อมูลเองว่าใครที่มีรายได้ดอกเบี้ยรับเกิน 20,000 บาทต่อปี ต้องเสียภาษีบ้าง เพื่อแก้ไขปัญหาเรื้อรังมานานกว่า 2 ปีเนื่องจากบางธนาคารช่วยลูกค้าในการหลบเลี่ยงภาษี เช่น พอดอกเบี้ย 1.9 หมื่นบาท ให้ปิดบัญชีเปิดใหม่นั้น (อ่าน : คลังเข้ม! จี้ทุกแบงก์ส่งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากลูกค้า ใครได้สูง 2 หมื่นต้องเสียภาษี 15 %)
เมื่อวันที่ 20 เมษายน นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประขาธิปัตย์ ประธานกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Korn Chatikavanij” ระบุว่า
วันนี้มีกระแสข่าวประเด็นเรื่องภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ผมเลยสอบถามที่มาที่ไปจากเจ้าหน้าที่ในกรมสรรพากร จึงขอนำเสนอข้อมูลเผื่อเป็นประโยชน์ครับ
1. ประเด็นสำคัญที่สุดคือยังคงมีการยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่ายรายรับดอกเบี้ยเงินฝาก 20,000 บาทแรกตามเดิมนะครับ
2. แต่ที่ผ่านมามีกรณีการหลีกเลี่ยงภาษีด้วยการเปิดบัญชีหลายธนาคาร เพื่อให้รายรับดอกเบี้ยในแต่ละธนาคารต่ำกว่า 20,000 บาท และเนื่องจากแต่ละธนาคารไม่มีข้อมูลธนาคารอื่น เจ้าของบัญชีจึงหลีกเลี่ยงภาษีได้
3. สรรพากรจึงออกคำสั่งให้ทุกธนาคารส่งข้อมูลทุกบัญชีมาที่กรมฯ และกรมฯ จะเป็นคนตรวจสอบว่ามีใครควรต้องเสียภาษีบ้าง
4. คราวนี้กรมสรรพากรก็กังวลว่าจะมีปัญหาเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้ออกคำสั่งให้เจ้าของบัญชีอนุมัติให้ธนาคารของตนส่งข้อมูลให้สรรพากร (และใครที่ไม่อนุมัติจะเสียสิทธิการยกเว้นภาษีโดยปริยาย)
และนี่คือปัญหา เพราะกลายเป็นภาระของประชาชนส่วนใหญ่ที่มีเงินฝากตํ่ากว่าเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี (คือประมาณ 4 ล้านบาท) ที่มีภาระที่จะต้องแสดงตน
จริงๆ เรื่องนี้แก้ไขได้หากกรมสรรพากรและแบงก์ชาติสามารถประสานการทำงานร่วมกันได้ เพราะแบงค์ชาติเข้าถึงข้อมูลข้ามธนาคารได้อยู่แล้วแน่นอน แต่เนื่องจากสองหน่วยงานมีกฎหมายกำกับต่างกัน จึงไม่สามารถแชร์ข้อมูลกันได้
ผมเลยได้แสดงความเห็นกับทางสรรพากรว่า แทนที่จะให้เป็นภาระของเจ้าของบัญชีต้องแจ้ง ควรให้เป็นหน้าที่ของธนาคารที่จะแจ้งกับเจ้าของบัญชี
และสรรพากรควรมีมาตรการเด็ดขาดในการเอาผิดธนาคารใดที่มีพฤติกรรมชัดเจนในการช่วยลูกค้ารายใหญ่หลีกเลี่ยงการเสียภาษี เช่นการแนะนำให้ ‘ปิดบัญชี’ เมื่อรายรับดอกเบี้ยใกล้จะถึง 20,000 บาท เพื่อเปิดใหม่เมื่อพ้นรอบการเสียภาษี
หากกรมสรรพากรปรับวิธีการเล็กน้อยตามที่ผมเสนอ (ซึ่งเข้าใจว่าหลังจากรับทราบกระแสความสับสนของประชาชน กรมสรรพากรก็ได้ไปปรึกษากับสมาคมธนาคารแล้ว) โดยสรุป ประชาชนส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่การหลีกเลี่ยงภาษีโดยเศรษฐีเงินฝากจะทำได้ยากขึ้นครับ
และธนาคารพาณิชย์จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อีกต่อไป
sati shi28 คุณกรณ์พูดแบบคนไม่จ่ายภาษีดอกเบี้ย เพราะเล่นหุ้นอย่างเดียว คนเกษียณอายุมีเงินเก็บ 10ล้าน ถือเป็นคนรวยแล้วเหรอ ถ้าเค้าพยายามหาpassive incomeจากเงินฝาก ดอกเบี้ยแค่ 1.5% ได้ดอกเบี้ยแค่150,000 เสียภาษี 15% 22,500บาท คุณกรณ์อาจจะเสียภาษีจากเงินของคุณกรณ์น้อยกว่าคนแก่ที่มีเงินฝากที่มีเงินฝาก10ล้าน เพราะรายได้จากการเล่นหุ้น ไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว คุณกรณ์ก็ทราบว่ากลุ่มคนที่เสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วยคือคนกินเงินเดือน ชนชั้นกลาง นี่ยังมาโดนภาษีเงินฝากยามเกษียณอีก แม่เจ้า
20 เม.ย. 2562 เวลา 04.22 น.
BABY 5 ดีครับให้ความรู้กับประชาชน พักนี้จะว่าไปเขาทำงานละเอียดจริงๆ นะ ขนาดเอาเวลาไปคิด ไข่ชั่งกิโล เป็นห่วงประชาชนจริง ๆ
20 เม.ย. 2562 เวลา 04.20 น.
Lin สรรพากรถังแตก รีดทุกทางที่ทำได้ ระวังเงินไหลออกนอกประเทศก็แล้วกัน ผลิตภัณท์ทางการเงินต่างประเทศก็ได้เปรียบไป...
20 เม.ย. 2562 เวลา 04.26 น.
Alex ไม่กระทบ แฟนแม่มึงสิ
20 เม.ย. 2562 เวลา 04.24 น.
มะขามไร่จิตตนันท์ เหมือนบังคับให้คนจนใช้เงินทางอ้อม
20 เม.ย. 2562 เวลา 04.39 น.
ดูทั้งหมด