เอทานอลเข้าสู่ภาวะวิกฤต “ล้นตลาด” ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านลิตร/วัน ส่งออกก็สู้ราคาสหรัฐไม่ได้ ภายในประเทศก็แห่เปิดโรงงาน-ขยายกำลังผลิตใหม่กันยกใหญ่ ส่งผลสมาคมเอทานอลฯวิ่งโร่ทำหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน วอนรัฐยกเลิกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 หวังคนหันมาเติม E20 เพิ่มยอดใช้เอทานอลในประเทศ
นายพิพัฒน์ สุทธิวิเศษศักดิ์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้กำลังผลิตเอทานอลภายในประเทศอยู่ในสภาวะ ล้นตลาด อย่างหนัก หลังจากที่มีโรงงานเอทานอลที่เปิดใหม่เริ่มผลิตเข้าระบบแล้วอีก3 โรงด้วยกัน คือ บริษัท ที พี เคเอทานอล จำกัด กำลังผลิต 340,000 ลิตร/วัน สถานที่ตั้งจังหวัดนครราชสีมา, บริษัท อิมเพรส เอทานอล จำกัด กำลังผลิต 200,00 ลิตร/วัน จังหวัดปราจีนบุรี และบริษัท ฟ้าขวัญทิพย์ จำกัด กำลังผลิต 60,000 ลิตร/วัน จังหวัดปราจีนบุรี ส่งผลให้ภาพรวมกำลังผลิตเอทานอลรวมกันสูงถึง 6 ล้านลิตร/วัน ขณะที่ความต้องการใช้เอทานอลในปัจจุบันอยู่ที่เพียง 4 ล้านลิตร/วัน เท่ากับมีปริมาณเอทานอล ล้นเกิน อยู่ถึง 2 ล้านลิตร/วัน
ที่ผ่านมา เมื่อมีเอทานอลส่วนเกินในระบบเกิดขึ้น โรงงานผู้ผลิตเอทานอลก็จะส่งออกส่วนเกินไปตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดฟิลิปปินส์ แต่ปัจจุบันตลาดนี้กลายเป็นแหล่งนำเข้าเอทานอลจากโรงงานผู้ผลิตในสหรัฐอเมริกาไปแล้ว เนื่องจากเอทานอลสหรัฐมีราคา ถูกกว่า เอทานอลที่ผลิตจากประเทศไทยถึง 15 บาท/ลิตร เมื่อรวมต้นทุนการขนส่งจากไทยไปฟิลิปปินส์ที่อยู่ระหว่าง 17-18 บาท/ลิตรเข้าไปแล้ว จะทำให้ราคาเอทานอลของไทยที่ผลิตจากกากน้ำตาล มีราคาจำหน่ายสูงถึง 24 บาท/ลิตร ส่วนเอทานอลที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ ราคาอยู่ที่ 25 บาท/ลิตร ซึ่งไม่สามารถแข่งขันในตลาดส่งออกกับเอทานอลจากสหรัฐได้
“พอส่วนล้นเกินความต้องการใช้ส่งออกไม่ได้ ผู้ผลิตเอทานอลบางรายก็หันมาขายแบบตัดราคากันเอง ไม่น้อยกว่า 1 บาท/ลิตร เพื่อระบายสต๊อกค้างในกระบวนการผลิต ส่งผลให้ภาพของเอทานอลวันนี้ต่างจากช่วงปลายปี 2559 ต่อต้นปี 2560 ที่เอทานอลอยู่ในภาวะตึงตัว เพราะมีโรงงานใหญ่บางโรงต้องหยุดการผลิตจากสาเหตุความขัดข้อง ประกอบกับกากน้ำตาลที่เป็นวัตถุดิบ สามารถนำไปใช้ในกิจการอื่นที่สร้างมูลค่าได้มากกว่า เช่น การทำเหล้า ส่งผลให้มีปริมาณกากน้ำตาลหายไป ประมาณ 500,000 ตัน และด้วยเหตุผลนี้ ทำให้กระทรวงพลังงานตัดสินใจยังไม่ยอมยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ส่งผลให้ความต้องการใช้เอทานอลไม่เพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์เอาไว้” นายพิพัฒน์กล่าว
ล่าสุด กลุ่มโรงงานผู้ผลิตเอทานอลรวม 26 โรง ได้ยื่นหนังสือถึง นายธรรมยศ ศรีช่วย ปลัดกระทรวงพลังงาน ขอให้มีการทบทวนใน 2 ประเด็น คือ 1) ให้มีการลดประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงลง ด้วยการยกเลิกจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เพื่อให้ผู้บริโภคหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ทดแทน และ 2) ให้ปรับเป้าหมายในแผน Alternative Energy Development Plan 2558-2579 หรือ แผน AEDP ที่คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้เอทานอลในปี 2579 อยู่ที่ 11.3 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ภายหลังเกิดเหตุการณ์เอทานอลตึงตัว ได้มีการปรับลดเป้าหมายความต้องการใช้เอทานอลเหลือเพียง7 ล้านลิตรเท่านั้น ในขณะที่ปัจจุบันความต้องการใช้เอทานอลอยู่แค่ 4 ล้านลิตร/วัน ฉะนั้นหากเดินหน้าตามแผน AEDP ได้ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับลดเป้าหมายดังกล่าว
ด้านนายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ ผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท อุบลไบโอเอทานอล จำกัด และนายกสมาคมเอทานอลจากมันสำปะหลัง กล่าวว่า โรงงานเอทานอลหลายแห่งเดินเครื่องผลิตเพียงร้อยละ 60 เท่านั้น แต่บางรายก็ต้องเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตจากข้อจำกัดทางเทคนิค จึงมีปริมาณเอทานอลส่วนเกินเกิดขึ้น และผู้ประกอบการเองก็ไม่มีถังเก็บเอทานอลเพียงพอ ดังนั้นหลายโรงงานจึงเลือกใช้วิธีจำหน่าย “ต่ำกว่า” ราคาตลาดทั่วไป สำหรับโรงงานผลิตเอทานอลที่เข้าระบบในปีนี้ทั้ง 3 โรงนั้น เป็นไปตามแผนลงทุนที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทนฯของกระทรวงพลังงาน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เอทานอลล้นเกินอย่างนี้แล้ว “ทางสมาคมก็ได้เข้าหารือกับภาครัฐ และได้นำเสนอแนวทางแก้ไขคือ ควรยกเลิกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91”
ทั้งนี้ในปี 2561 จะมีกำลังผลิตเอทานอลใหม่เข้ามาเพิ่มเติมในระบบอีกอย่างน้อย 2 โรง กำลังผลิตรวมกันอีกกว่า 700,000 ลิตร/วัน และหากรัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่ส่งเสริมหรือการแก้ไขปัญหาเอทานอลล้นเกินก็ อาจจะส่งผลให้ผู้ผลิตเอทานอลบางรายต้อง ปิดกิจการ เพราะขาดทุนสะสม สำหรับในส่วนของบริษัทอุบลไบโอเอทานอล ที่เดิมมีแผนจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น
“เราอาจจะต้องพิจารณาสถานการณ์เอทานอลช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ไปจนถึงไตรมาส 1 ของปี 2561 ก่อนว่าเป็นอย่างไร ในกรณีที่ปริมาณเอทานอลยังคงล้นตลาดก็อาจจะต้องเลื่อนแผนเข้าตลาดหลัก ทรัพย์ฯออกไปอีก”
อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทอุบลไบโอเอทานอลยังคงสนับสนุนให้กระทรวงพลังงาน เดินหน้าตามแผน AEDP รวมถึงการยกเลิกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เพื่อส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ E20 ให้เพิ่มมากขึ้น เพราะเมื่อตลาด E20 อยู่ตัวแล้ว รัฐบาลสามารถลดการเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในกลุ่มเบนซินที่ ต้องนำมาชดเชยราคาให้กับแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ และยังทำให้ภาพรวมราคาน้ำมันในอนาคตลดลงได้อีกด้วย
มีรายงานเพิ่ม เติมจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เข้ามาว่า ปัจจุบันมีโรงงานเอทานอลที่ใช้กากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบ จำนวน 11 โรง รวมกำลังผลิต 2.69 ล้านลิตร/วัน, โรงงานเอทานอลที่ใช้มันสำปะหลังร่วมกับกากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบ จำนวน 5 โรง รวมกำลังผลิต 900,000 ลิตร/วัน, โรงงานเอทานอลที่ใช้เฉพาะมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ จำนวน 9 โรง รวมกำลังผลิต 2.29 ล้านลิตร/วัน และยังมีโรงงานเอทานอลที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างส่วนขยายเพิ่มเติมอีก 2 โรง ที่จะทยอยเข้าระบบในปี 2561 ได้แก่ บริษัท ที พี เค เอทานอล จำกัด ในเฟส 2 และ 3 จังหวัดนครราชสีมา ใช้มันเส้นเป็นวัตถุดิบ กำลังผลิต 680,000 ลิตร/วัน และบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป เทรดดิ้ง จำกัด ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้กากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบ กำลังผลิต 25,000 ลิตร/วัน
Nuzz Lightyear ผลิตแพงกว่าเขา แต่บังคับชาวบ้านซื้อแพง น้ำตาลเพิ่งปลดแอกได้มาแอลกอฮอล์อีกแล้ว แล้วรถเก่าจะเติมยังไง มักง่ายคอดๆ
12 พ.ย. 2560 เวลา 04.29 น.
วสุรัตน์LT5102 คิดถึงรถเก่าที่ต้องเติม91ใหมครับ
หรือจะให้เปลี่ยนเครื่องมาเติมE20
ใช้สมองคิดกันบ้างอย่าเอาแต่ประโยชน์ของตัวเอง
12 พ.ย. 2560 เวลา 11.12 น.
อ้าวไปทำกันจนเละ
แล้วจะเอาขี้มาบังคับให้ชาวบ้านซะงั้น
12 พ.ย. 2560 เวลา 13.31 น.
Pongsapat:AM00114303 ราคาน้ำมันที่ใช้เอทานอลเป็นส่วนผสม ควรปรับราคาให้ลดต่ำลงได้แล้ว มากกว่าให้ยกเลิกแก้ส91หรือปล่าวครับ
12 พ.ย. 2560 เวลา 05.28 น.
Jack Nbkk เป็นอีกมาตรการในการบังคับไม่ให้ใช้รถเก่าทางอ้อมครับ 5555
12 พ.ย. 2560 เวลา 15.36 น.
ดูทั้งหมด