ไลฟ์สไตล์

คิดไม่ดี ทรมานใจ - ดังตฤณ

THINK TODAY
เผยแพร่ 02 มี.ค. 2562 เวลา 22.00 น. • ดังตฤณ

ถ้าความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว แล้วทำให้คุณเกิดความทรมานใจได้อย่างแรง คุณจะเห็นเหมือนตัวเองถูกปล่อยไว้ตามลำพัง ให้ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายในหัว หรือเหมือนนักโทษที่ไม่ทราบไปทำผิดอะไรมา ต้องโดนสวมลวดหนามไฟฟ้าครอบกระหม่อม 

พอได้เวลาทำโทษก็จะมีไฟฟ้าปล่อยออกมาช็อต หรือลวดหนามบีบรัดเข้ามาทิ่มแทงสมอง ให้ต้องนั่งนอนบิดไปบิดมาด้วยอารมณ์ทรมานเป็นพักๆ ครั้นอยากแกะลวดหนามออก ก็ไม่รู้วิธีแกะ ไม่ทราบจะถอดมันทิ้งได้อย่างไร ต้องปล่อยให้ติดตามตัวไปทุกหนทุกแห่งอยู่อย่างนั้น 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

พื้นจิตพื้นใจของมนุษย์คือมโนธรรม ถ้ามีความคิดใด ในทางราคะ ในทางโทสะ หรือในทางหลงตัวหลงตน ที่บาดมโนธรรมให้เกิดแผลแล้ว แผลนั้นมักแผลงฤทธิ์ให้ปวดแสบปวดร้อน หรือเร่งเร้าให้เผลอเกา เผลอขยี้ ให้ลุกลามหนักเข้าไปอีก

ที่ร้ายคือ เมื่อเป็นทุกข์เพราะความคิดขึ้นมาคราใด คุณจะไม่รู้ไปปรึกษาใครดี เพราะบางทีจะเล่าให้หมดเปลือกก็อาย หรือแม้บางทีเล่าทั้งหมด คนรับฟังก็ไม่เข้าใจอยู่ดี คุณจะกลัวสายตางุนงง ที่มองมาประมาณว่า เธอเป็นบ้าหรือเปล่าที่คิดเข้าไปได้อย่างนั้น หรืออีกทีก็กลัวคำพูดล้อเลียนให้อับอายจนไม่ทราบจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน

ตกลงคือ เมื่อเกิดความคิดเพี้ยนๆ ชนิดที่แสลงใจเหมือนมีใครไปขูดสังกะสีเสียดสมองคุณเล่น คุณจะเกิดภาวะโดดเดี่ยว เหมือนถูกกักขังไว้ในห้องแคบที่ไม่มีใครช่วยได้ บางทีก็เกิดอาการแยกร่างเป็นคนสองคนมาทะเลาะกัน หรือพยายามฆ่าแกงกันเพื่อแย่งชิงพื้นที่ในห้องแคบนั้นเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

วิธีการเจริญสติเพื่อลดระดับความทุกข์ หรือกระทั่งลบความรู้สึกแย่ๆออกจากใจเป็นปลิดทิ้งนั้น ต้องเริ่มจากการตั้งมุมมองใหม่ ชนิดพลิกฟ้าพลิกดินกัน

อันดับแรก คือ คุณต้องเลิกเชื่อแบบที่ปักใจมาตลอดชีวิตว่า ความคิดคือคุณ ตัวคุณคือความคิด โดยต้องเตือนตัวเองถี่ๆว่า ถ้าความคิดเป็นของคุณจริง คุณต้องควบคุมได้ว่า จะคิดอะไรเมื่อไหร่ จะเลิกคิดตอนไหน แต่นี่ควบคุมกันไม่ได้ 

ส่วนใหญ่มันผุดขึ้นเองโดยที่คุณไม่มีสิทธิ์วางแผนล่วงหน้า แล้วก็ไม่มีอำนาจอะไร ที่ไปขับไล่เมฆหมอกพิษที่ลอยเข้ามาคลุมหัวคลุมหู อย่างมากทำได้แค่เลือกว่าจะอยู่ข้างคิดลบหรือข้างคิดบวก ข้างคิดเลวหรือข้างคิดดี ข้างคิดมืดหรือข้างคิดสว่างเท่านั้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

อันดับสอง คือ คุณต้องฝึกสังเกตให้ทัน ณ จุดเกิดความคิดแย่ๆ สิ่งที่จะทำให้คุณรู้ตัวว่า มันเกิดขึ้นอีกแล้ว ก็คือตัวความทุกข์ ความรู้สึกแย่ๆ หรือความรู้สึกเสียดแสลงเหลือทนนั่นแหละ พอทราบว่ามันเกิดขึ้น ต้องรีบบอกตัวเองทันทีว่า คุณ ‘โดนจู่โจม’ อีกแล้ว ใช้คำนี้เพื่อให้เห็นว่ามันมาจากภายนอก 

จากนั้น อย่าไปกะเกณฑ์ว่าจะต้องทำอะไรมากไปกว่า ‘ยอมรับว่ามันเกิดขึ้น’ เหมือนกับที่ยอมรับว่าฝุ่นผงกระจายตัวรุกล้ำเข้ามาในห้องเปิดที่ไร้ประตูหน้าต่าง การยอมรับความจริงนั่นแหละ จะจุดชนวนให้เกิดสติรู้ตามจริง ไม่ใช่เอาแต่เกิดความอยากเบี่ยงเบนความจริง ซึ่งยิ่งทำให้จิตเบี้ยวบิด ผิดเพี้ยนจากความจริงตรงหน้า ซับซ้อนเข้าไปอีก

อันดับสุดท้าย คือ คุณต้องทำใจสบายๆ ออกแนวไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนเห็นคนอื่น หรือผีตัวอื่น เข้ามาทำระยำตำบอนในหัวคุณ คุณไม่ได้ระยำตำบอนตามผีไปด้วย ปักหมุดไว้เลยว่า ผีห่าซาตานมันเริ่มส่งเสียงเลวๆในหัวคุณที่ลมหายใจนี้ จากนั้นก็ช่างมัน หายใจสบายๆตามปกติไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงลมหายใจที่เสียงเลวๆสลายหายตัวไปจากหัว โดยไม่ทิ้งร่องรอยบาดแผลใดๆไว้แม้แต่น้อย

ก็มันมาของมันเอง หายไปของมันเอง แล้วคุณจะต้องไปรับผิดชอบอะไรกับมัน?

เมื่อตั้งมุมมอง และฝึกสังเกตเอาจากของจริง กระทั่งเกิดความตระหนักขึ้นมาจริงๆว่า ความคิดแย่ๆเป็นเพียงเศษคลื่นสมอง เศษคลื่นไฟฟ้า เศษคลื่นอนัตตธรรม ที่กระจัดกระจาย กระเส็นกระสายอยู่ในหัว มันแค่มากระทบเข้ากับมโนธรรมในใจ แล้วเกิดอาการบาด อาการขัดแย้งชั่วคราว ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใดเลย ขอแค่คุณไม่ปล่อยเลยตามเลย ถึงขั้นทำลายมโนธรรมทิ้งเพื่อต้อนรับมันก็พอแล้ว

เผลอๆถือเป็นฤกษ์ดีที่จะทำความรู้จักการเจริญสติ จากเดิมที่ไม่เห็นค่า ไม่เข้าใจ หรือนึกว่าการเจริญสติในพุทธศาสนาหมายถึงการนั่งหลับตาทำสมาธิหรือจงกรมบนลู่เดินท่าเดียว คราวนี้ก็จะได้เห็นค่า ใช้ประโยชน์จริงกัน ตั้งแต่ยังไม่ทันรู้หลักวิธีทำสมาธิหรือการเจริญสติวิปัสสนาด้วยซ้ำ!

ความเห็น 125
  • บูชิตา เหล็กแจ้ง..
    ดีมากเลยค่ะ
    03 มี.ค. 2562 เวลา 11.49 น.
  • pongsai klommit
    ก่อนที่คุณจะสอนคนอื่นคุณต้องเคยผ่านและมีประสพการณ์ที่ทำให้คุณเป็นทุกข์อย่างสุดขั้วมาก่อน ถ้าคุณไม่เคยเจอเข้ากับตัวเอง คุณจะไม่มีวันเข้าใจ ไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกจริงๆอย่างแน่นอน กบ้าท้าพิสูจน์ได้เลย และถึงจะสามารถผ่านความสาหัสสากรรณ์มาได้แล้ว แม้จะอโหสิและให้อภัยแล้ว แต่จะไม่มีวันลืมสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นเลยตลอดชีวิต มันไม่ได้ง่ายอย่างที่จะพูดหรือเขียนออกมา มันละเอียดอ่อนและซับซ้อนกว่านั้นมาก
    06 มี.ค. 2562 เวลา 06.16 น.
  • ชอบครับ ตรงประเด็นเลยครับ
    06 มี.ค. 2562 เวลา 09.46 น.
  • dang
    เห็นด้วยค่ะ ต้องเริ่มต้นทำไปเรื่อยๆอย่าท้อแล้วจะเห็นผล แรกๆไม่ง่ายก็เหมือนการฝึกเขียน กถึงฮ ถ้าเป็นเด็กๆก็คงต้องใช้เวลา พอโตแล้วหลับตาเขียนยังได้เลย
    04 มี.ค. 2562 เวลา 04.34 น.
  • ผมว่าบางครั้งถ้าหากว่าเรารู้จักกับการปล่อยวางเอาไว้บ้าง ก็คงอาจทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมาได้เหมือนกันนะครับ.
    03 มี.ค. 2562 เวลา 16.18 น.
ดูทั้งหมด