ทั่วไป

'สุดารัตน์' โพสต์เช้านี้ ลั่นเป็นแม่ทัพ สู้ในสงครามสุดใจ ไม่รู้จะรอดชีวิตหรือไม่

กรุงเทพธุรกิจ
เผยแพร่ 23 มี.ค. 2562 เวลา 03.05 น.

เพจเฟซบุ๊ค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความเช้านี้ ระบุว่า 22 มีนาคม 2535 วันที่สุดารัตน์เริ่มต้นชีวิตทางการเมือง

เมื่อวานนี้ หน่อยได้ขึ้นปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งที่จะมาถึงในวันอาทิตย์นี้ ถือเป็นวันแห่งความหวังของคนไทยทุกคนที่จะเดินออกจากความทุกข์

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ในวันที่ 22 มีนาคม ของทุกปี มักเป็นวันที่หน่อยได้ทบทวนถึงเส้นทางชีวิตของตัวเองบนถนนสายการเมือง ซึ่งเริ่มต้นในวันที่ 22 มีนาคม 2535 วันที่ "สุดารัตน์ เกยุราพันธ์" ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนเลือกเข้าสู่สภาฯ เป็น ส.ส.สมัยแรก จาก เขต 12 พรรคพลังธรรม (บางเขน, หลักสี่, ดอนเมือง, สายไหม, มีนบุรี, หนองจอก, คลองสามวา) ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 1/3 ของพื้นที่ทั้งกรุงเทพมหานคร

27 ปี บนถนนสายการเมือง เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งในบทบาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บทบาทเลขาธิการพรรคพลังธรรมซึ่งหน่อยเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ รวมถึงบทบาทรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย

ไปจนถึงบทบาทในฝ่ายบริหาร ตั้งแต่กระทรวงเล็กถึงกระทรวงใหญ่ ตั้งแต่รัฐมนตรีช่วย ถึงเป็นรัฐมนตรีเต็มตัว ทั้งในกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงงานเพื่อสาธารณประโยชน์ ผ่านมูลนิธิไทยพึ่งไทย และสถาบันสร้างอนาคตไทย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

อาชีพการเมืองที่หน่อยรักทำให้ได้มีโอกาสทำงานรับใช้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่นทำโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือ 30 บาทรักษาทุกโรคให้โอกาสคนไทยได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างมีคุณภาพทัดเทียมทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำ

ตั้งแต่การแก้ไขปัญหาจราจร โดยหน่อยเป็นผู้วางแผนแม่บทรถไฟฟ้า และแผนเชื่อมโยงทางด่วนในกรุงเทพทั้งหมดตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศอย่างสึนามิ และการระบาดของโรคซาร์และหวัดนก

รวมทั้งการดูแลคุณภาพชีวิตของคนไทยเช่นในช่วงที่หน่อยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในเวลานั้นหน่อยต้องการสร้างความแข็งแรงให้คนไทยด้วยการตั้งเป้าหมายลดโรคที่สำคัญ 4 โรคที่คนไทยเป็นกันมาก ได้แก่โรคไขมันสูง ความดัน เบาหวาน และมะเร็ง ด้วยโครงการ "อาหารปลอดภัย" และสนับสนุนการ "ออกกำลังกาย" ไปทั่วประเทศ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

พี่น้องคะ ในการเลือกตั้ง วันที่ 24 มีนาคมที่จะถึงนี้ถือเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญในชีวิตของ "สุดารัตน์ เกยุราพันธ์" การเดินทางครั้งนี้หนักหนาและท้าท้ายยิ่งกว่าเคย โดยเฉพาะในบทบาท ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศซึ่งได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอย่างถล่มทลายในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งนับตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา

งานการเมืองเป็นความท้าทาย แต่ไม่เคยท้อถอย

หนึ่งคำถามที่หน่อยได้รับเสมอ ถึงการกลับมาทำงานการเมืองครั้งนี้ "ทำไมยังสู้ต่อ ?" โดยเฉพาะในท่ามกลางความพยายามที่จะทำลายพรรคเพื่อไทยทุกรูปแบบ

หน่อยรู้ค่ะว่า เราเสียเปรียบตั้งแต่ต้น และมีความพยายามในการจะทำลายเราอยู่ตลอด แต่สิ่งเดียวที่ทำให้สุดารัตน์ยังยืนหยัดอยู่ตรงนี้ คือ "ความหวังที่ประชาชนฝากไว้กับเรา"

วันนี้หน่อยเป็นแม่ทัพ เรามีหน้าที่สู้ไปข้างหน้า เราไม่รู้ว่าเมื่อออกรบ เมื่อสู้ในสงคราม เราจะรอดชีวิตหรือไม่ หน่อยรู้แต่ว่า เราต้องสู้ให้สุดกำลัง สู้ในทุกสมรภูมิ เพราะประชาชนฝากความหวังไว้กับเรา

หน่อยและพรรคเพื่อไทย เรายืนหยัดต่อสู้บนหลักการประชาธิปไตยมาโดยตลอด เราเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่สามารถยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ว่า

ในอดีต เราไม่เคยร่วมจับมือกับเผด็จการ

ปัจจุบัน เราก็จะไม่ร่วมจับมือกับเผด็จการ

และในอนาคตหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยก็จะไม่จับมือร่วมกับเผด็จการในทุกกรณี นี่คือจุดยืนของเรา และจะเป็นเช่นนี้เสมอ

หน่อยและพรรคเพื่อไทย เลือกยืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตย และยึดเอาประชาชนเป็นหัวใจของพรรค ด้วยหลักที่เรายึด ทำให้เรายืนหยัดได้อยู่เสมอ แม้จะโดนกลั่นแกล้งให้ล้มลงไปกี่ครั้งก็ตาม

เมื่อพรรคเพื่อไทยจับมือกับประชาชนแล้ว ไม่มีสิ่งใดจะเอาชนะพลังของพวกเราไปได้ กระทั่งกติกาที่บิดเบี้ยว ซึ่งร่างโดยเผด็จการชุดนี้เพื่อหวังสืบทอดอำนาจทางการเมืองก็ตาม

22 มีนาคม สำหรับหน่อย จึงเป็นทั้งวันแห่งการเริ่มต้นชีวิตบนถนนสายการเมือง และถือเป็นวันแห่งการยุติการสืบทอดอำนาจ

เพราะในต้นปี 2535 ยังเกิดความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจ รสช. มุ่งเปิดทางให้มีนายกฯ คนนอก ผ่าน รัฐธรรมนูญที่ร่างโดยเนติบริกรหน้าเดิม แบบเดียวกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

ในวันนั้น หน่อยได้ร่วมกับพี่น้องประชาชน ต่อสู้กับการสืบทอดอำนาจ จนนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535

เหลือเชื่อว่า ผ่านไปแล้ว 27 ปี หน่อยและพี่น้องประชาชนยังคงต้องต่อสู้เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของระบอบเผด็จการ

การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม คือช่วงเวลาสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ เป็นเวลาที่เราจะได้ออกไปเขียนประวัติศาสตร์ร่วมกัน

พี่น้องจะเล่าให้ลูกหลานฟังได้ว่า ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ เราได้ร่วมมือกันเอาชนะเผด็จการมาแล้ว เราจะได้ส่งมอบประเทศนี้ให้กับคนรุ่นต่อไปอย่างเป็นประชาธิปไตย

ขอชวนร่วมทำภารกิจครั้งนี้ไปด้วยกันค่ะ

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 105
  • Aunn.ซี่แน่
    ลดเหลื่อมลำ้ ด้วยการหยุดโกง ไม่ใช่ตีมึนมองไม่เห็น ปล่อยให้โกงกัน นับจำนวนสส.ในพรรคพรรคได้โกงกันเท่าไร่ ติดคุกเท่าไหร่ มีคดีอีกเท่าไหร่ สิ่งเป็นมาในอดีต ไม่เคยเฉดหัวคนโกงมีแต่แน่นแฟ้น รวมกันมั่น โกงทุกยุคทุกสมัย ปัจจุบันคนเริ่มรู้ โดนเบียดบังโอกาส อัดยัดเยียดความเหลื่อมล้ำให้ เพราะโกง สัญญาว่าจะให้แต่ นายหน้า หัวหน้า ต้องมาก่อน ได้ประโยชน์ก่อน แถมแบ่งแยกแบ่งพวก พวกกูให้(เศษเงิน) ไม่ใช่พวก ก็บัวแล้งน้ำ สันดานเปลี่ยนกันไม่ได้แน่ เคยโกงจะเปลี่ยนมาเป็นคนดี ควายยังส่ายหัวเลย
    23 มี.ค. 2562 เวลา 03.44 น.
  • เห็นใจเจ้ยุ่นะ แต่ภาพแต่งงานออกมาเมื่อวาน รู้เลยว่า เจ้เหนื่อยเปล่า เท่ากับศูนย์น่ะเจ้
    23 มี.ค. 2562 เวลา 03.45 น.
  • นายกันซึม
    การเมืองโค้งสุดท้ายสาดโคลนกันแรงข่าวลวงข่าวปล่อยดิสเครดิตกันจนเริ่มสับสนลังเล เอ้าแยกง่ายๆมีแค่2พรรคคือเอาทักษิณกลับ/ไม่เอาทักษิณ ดูภาพชัดๆ 1)พรรคเพื่อแม้ว=เอาทักษิณกลับ=โคตร(โกง)เก่ง=จะนิรโทษกรรมสุดซอย(ลักหลับภาค2)=บ้านเมืองจะวุ่นวาย=เศรษฐกิจชะงัก=การลงทุน/ท่องเที่ยวพัง 2)พรรคอนาคตแม้ว=เอาทักษิณกลับ=โกหกเก่ง=คิดล้มเจ้า=เป็นภัยความมั่นคงชาติ=ร่วมนิรโทษกรรมเพื่อแม้ว 3)พรรคลุงตู่=นายกของคนทั้งประเทศ(ไม่แยกภาค)=การเมืองนิ่ง=บ้านเมืองสงบ=ลงทุน คส.พื้นฐาน+รถไฟฟ้าต่อเนื่อง=ลงทุน+นักท่องเที่ยวคึกคัก
    23 มี.ค. 2562 เวลา 03.33 น.
  • รอดยาก
    23 มี.ค. 2562 เวลา 03.56 น.
  • เพ็ญ
    ไม่รอดแน่เจ้
    23 มี.ค. 2562 เวลา 03.54 น.
ดูทั้งหมด