ไอที ธุรกิจ

ค่ายรถยุโรปพับแผนลงทุนอีวีในไทย

ไทยโพสต์
อัพเดต 06 ก.ค. 2563 เวลา 02.33 น. • เผยแพร่ 06 ก.ค. 2563 เวลา 02.33 น. • ไทยโพสต์

 

6 ก.ค. 2563 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับเอกอัครราชทูตเยอรมัน ประจําประเทศไทย ในเรื่องการลงทุนในไทย โดยเยอรมันมีความเป็นห่วงแผนการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากเห็นว่า รัฐบาลไทยยังไม่ได้ขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการลงทุนสร้างสถานีชาร์ตไฟฟ้าที่ยังมีน้อย และกฎหมายของไทย ยังไม่มีมาตรการบังคับให้เกิดสถานีนชาร์ตไฟฟ้าเพิ่ม เช่น การสร้างคอนโดมิเนียมยังไม่มีกฎหมายบังคับให้มีจุดชาร์ตไฟฟ้า หรือในสถานที่อื่นๆ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

”ทางเยอรมันมองว่าหากไทยยังไม่มีความพร้อมในเรื่องสถานีชาร์ตไฟฟ้า ก็ยากที่จะผลักดันให้มีผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทำให้ไม่สามารถผลักดันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในไทยได้ ทางค่ายรถยนต์ของเยอรมัน ที่มีโรงงานในประเทศไทย มีแผนที่จะไม่ลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะชะลอแผนการลงทุนออกไปก่อนจนกว่าไทยจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้”นายสุพันธุ์ กล่าว

ส่วนการลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นๆนั้น มองว่าขณะนี้บริษัทขนาดใหญ่ทั้งของเยอรมัน และสหภาพยุโรป ยังไม่ได้มีแผนชัดเจนการเข้ามาลงทุนในอาเซียน ดังนั้นไทยควรจะฉวยโอกาสในช่วงนี้ ดึงดูดการลงทุนให้เข้ามาในประเทศไทย โดยใช้จุดเด่นในมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดี รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางในการผลิตเพื่อจำหน่ายในอาเซียน ซึ่งมั่นใจว่ายังมีบริษัทขนาดใหญ่ในยุโรปต้องการมาลงทุนในภูมิภาคนี้อีกมาก

นอกจากนี้ ทางเยอรมันยังอยากให้ไทยมองธุรกิจเยอรมันที่เข้ามาตั้งในไทยให้มีสิทธิต่างๆเท่าเทียกับบริษัทของไทย เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ภายในประเทศ และมาตรการส่งเสริมต่างๆของรัฐบาล เพื่อให้เกิดการขยายกิจการต่างๆในไทยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ไทยควรจะเพิ่มจุดแข็งในการดึงดูดการลงทุน โดยการขยายความร่วมมือเปิดเขตการค้าเสรีกับประเทศอื่นๆ เช่น เขตการค้าเสรีไทย-ยุโรป และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) โดยเฉพาะ ซีพีทีพีพี ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิก ซีพีทีพีพี ต้องการให้ไทยเข้าร่วมมาก ได้ทำหนังสือไปยังคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ให้ช่วยผลักดันในเรื่องนี้ ซึ่งหากไทยไม่เข้าร่วม ซีพีทีพีพี จะทำให้ลดความสามารถในการดึงดูดการลงทุน และอาจทำให้มีธุรกิจบางส่วนของญี่ปุ่นย้ายไปลงทุนประเทศอื่นที่เป็นสมาชิก ซีพีทีพีพี ทำให้ในอนาคตอาจทำให้ซัพพลายเชนต่างๆ หรือชิ้นส่วน วัตถุดิบต่างๆ ย้ายตามออกไปด้วย ส่งผลให้จุดแข็งในเรื่องซัพพลายเชนของไทยอ่อนแอลง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 3
  • dad
    รบ.นี้ ไม่ค่อยให้ความสนใจ EV อยู่แล้ว เพราะถ้า EV แจ้งเกิดได้ ธุรกิจ เชื้อเพลิงฟอสซิล ก็ล่ม รายภาครัฐจากภาษีจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิส ใน มีมากจนไม่ต้องการ EV แต่ไม่เคยคิดถึง มลภาวะ จากเชื้อเพลิง ฟอสซิส ที่ทำให้ คนไทย ต้องเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น รัฐต้องเสียเงิน(ภาษีของปชช.)เพื่อการดูแลสุขภาพ ปชช.(ซึ่งมีผลทางอ้อมทำลายเศรษฐกิจ) ... แต่ตรงนี้ รบ.ไม่เคยคิด
    07 ก.ค. 2563 เวลา 08.45 น.
  • superdoctorJ🐇
    รัฐบาลกั๊กๆแบบนี้มาหลายปีละ เพราะกลัวอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้น้ำมันจะตาย คนจะตกงานมาก
    07 ก.ค. 2563 เวลา 06.02 น.
  • กบ นฤชยา อินตะนัย
    ถูกต้องแล้ว ไม่มีความชัดเจน ย้ายไปลงทุนที่ประเทศอื่น
    07 ก.ค. 2563 เวลา 01.36 น.
ดูทั้งหมด