จากกระแสละคร ‘ใบไม้ที่ปลิดปลิว’ ทางช่อง one31 ที่เรียกว่ามาแรงแซงโค้งละครทุกเรื่องในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งด้านเรตติ้งและความนิยม ยิ่งตอนจบด้วยแล้วยิ่งพีคหนักไปอีก 2 เท่า แถมยังกลายเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ไปทั่วบ้านทั่วเมือง ว่าทำมั้ย…ทำไม ตอนจบของละครในโทรทัศน์ ถึงไม่เหมือนกับตอนจบในบทประพันธ์เลยล่ะ
อ๊ะ!! อย่าเพิ่งเถียงกัน เพราะวันนี้ Rabbit Today ได้ชะแว้บไปพูดคุยเพื่อไขความข้องใจให้กับบรรดาแฟนละครกับ เจี๊ยบ-วรรธนา วีรยวรรธน สาวเก่งผู้เขียนบทเรื่องนี้แล้ว ว่าทำไมตอนจบในโทรทัศน์ (นิราไม่ตาย) ถึงไม่เหมือนกับบทประพันธ์ในนิยาย (นิราตาย) เลยล่ะ!!! เรื่องนี้มีคำตอบจร้าๆๆๆ
Q : ทำไมบทละครโทรทัศน์เรื่อง ‘ใบไม้ที่ปลิดปลิว’ ตอนจบ ถึงไม่เหมือนกับในบทประพันธ์
เจี๊ยบ : ตอนจบในละครก่อนทำออกมา ทั้งตัวเจี๊ยบเอง พี่ฉอด-สายทิพย์ (ผู้จัด) พี่นิพนธ์ ผิวเณร (ผู้ดูแลบท) รวมทั้งพี่บอย-ถกลเกียรติ จะพูดคุยกันเยอะมาก ซึ่งนโยบายของทางช่อง one31 ตั้งแต่ต้นก็คือ เมื่อเราทำละครเรื่องไหนออกมาก็ตาม เราต้องการให้ละครเรื่องนั้นสามารถให้กำลังใจคนดูได้ด้วย พวกเราจึงถกกันว่าในบริบทของหนังสือหรือบทประพันธ์ดั้งเดิมนั้น เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว แต่พอมันมาเป็นบริบทของคนในปัจจุบันนี้ เราเลยคิดกันว่ามันน่าจะมี Solution ที่ดีกว่านั้น
ดังนั้น พอเราคุยกันแล้ว ทุกคนจึงลงความเห็นว่า มันเป็นไปได้มั้ยที่จะทำให้ตัวละคร ‘นิรา’ ซึ่งเป็นตัวเดินเรื่องนี้ลุกขึ้นมาสู้แบบยิบตาเลย เพราะเธอลำบากมามาก เจ็บมามากแล้ว เธอจะได้มี Second Change ในชีวิตบ้าง หรือมีโอกาสครั้งที่ 2 ที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองทำมาทั้งหมด ว่ามันไม่เวิร์คหรือไม่ดีเลยนะ อีกอย่างบทของตัว ‘นิรา’ เนี่ย ไม่ได้เขียนให้เธอเป็นคนน่ารักเลย คนดูอาจจะสงสาร แต่ในทางกลับกัน สิ่งที่นิราทำเนี่ย คนดูจะคอมเมนต์อยู่ตลอดเวลาว่า “หลอกลวงคนใกล้ชิด” “โกหก” “กลับมาแก้แค้นอะไรก็ไม่รู้” และ “บ้าผู้ชาย” (หัวเราะ)
เราก็เลยมามองว่า ถ้าตัวละครนี้ที่ทั้งเรื่องชีวิตของเค้าเดินมาจนถึงจุดนี้ เด็กคนนี้ควรจะได้รับการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในชีวิตเค้ายังไงบ้าง Turning Point ของเค้าที่จะได้รับโอกาสอีกครั้งมันคืออะไร เราจึงคุยกันหนักมาก และตกลงกันว่า โอเค ให้นิราฆ่าตัวตายนะ แต่เค้ามี Second Change อีกครั้งในชีวิตที่เค้าจะได้เรียนรู้มัน จึงนำพาไปสู่ซีเควนซ์ในตอนจบของละครที่นิราคิดได้ในตอนที่เธออยู่ในสถานการณ์ใกล้จะตาย
Q : ตามบทประพันธ์เดิมแล้ว นิราก็ฆ่าตัวตายใช่มั้ย?
เจี๊ยบ : ในบทประพันธ์เดิมจริงๆ แล้วนิราก็ฆ่าตัวตายนั่นแหละค่ะ แต่เป็นการกินยาตายแล้วนอนหลับไป ตามเรื่องเดิมนิราจะค่อนข้างโดดเดี่ยว คุณพ่อ (ชมธวัช) ก็ไม่ได้มางานศพ อาชัชวีร์ ก็หายไปเลย ซึ่งตามบทประพันธ์เดิมแล้วทั้งคู่เป็นอาหลานกันจริงๆ (อาหลานแท้ๆ) แต่ในละครช่อง one31 เราได้ปรับให้ชัชวีร์เป็นอาเขย เพื่อให้บทในโทรทัศน์มันไม่แรงเกินไปจนทำร้ายจิตใจคนดู อีกอย่างเนื้อหามันจะดูหมิ่นเหม่เกินไปด้วย
Q : เมื่อมีการปรับเปลี่ยนบทประพันธ์ ต้องมีการขออนุญาตเจ้าของหนังสือด้วยใช่มั้ย?
เจี๊ยบ : ใช่ค่ะ เรื่องนี้พี่ฉอดจะเป็นคนติดต่อขออนุญาตกับ ‘ทมยันตี’ เจ้าของบทประพันธ์ก่อน ก็คงเป็นการคุยกันในแง่ของบริบทที่ว่า เราจะให้กำลังใจคนนะ ซึ่งตอนจบของละครกลับได้รับฟีดแบคที่ดีมากๆ ด้วย เพราะละครไม่ได้ทำร้ายจิตใจคนดูเกินไป แล้วหลังจากละครจบปุ๊บ มันมี Direct Message จากคนดู 2-3 คนที่ส่งมาหาเจี๊ยบว่า “ขอบคุณเจี๊ยบที่เขียนบทให้จบแบบนี้” เพราะขณะนั้นชีวิตเค้ากำลังอยู่ในช่วงที่ดาวน์มากๆ แล้วอีกอย่างโมเมนต์ที่นิราพูดในช่วงท้าย มันไปช่วยดึงสติเค้าไว้ในช่วงที่เค้ากำลังดาวน์สุดๆ พวกเค้าก็เลยรู้สึกขอบคุณเจี๊ยบค่ะ
Q : ถ้าไม่ต้องทำตามนโยบายของช่องที่ต้องการให้ตอนจบเป็นแบบนี้ ในใจคุณต้องการให้จบแบบไหน?
เจี๊ยบ : ในร่างแรกของบทที่เขียนออกมาคือจบเหมือนในบทประพันธ์ค่ะ เพราะเราซื้อลิขสิทธิ์มาด้วยความเคารพในบทประพันธ์อยู่แล้ว แต่อย่างที่บอก เมื่อเรามาถกกันอย่างจริงจังแล้วว่า มวลรวมทั้งหมดของเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ หากคนดูรู้สึกว่านิราเป็นไอดอลของเค้า แล้วหากคนดูเกิดมีการคิดแบบนี้เหมือนกัน สื่อโทรทัศน์อย่างเราก็คงต้องรับผิดชอบคนดูในวงกว้างด้วย ดังนั้น เราก็เลยต้องขออนุญาตเปลี่ยนให้เนื้อเรื่องจบลงในแบบของเรา
Q : คิดว่าตอนจบที่เหมือนบทประพันธ์ และตอนจบที่ไม่เหมือนบทประพันธ์ ให้ผลแตกต่างกันอย่างไร?
เจี๊ยบ : ขอยกตัวอย่างบทประพันธ์บางเรื่อง อย่างละคร ‘คู่กรรม’ เนี่ย ถ้าในเรื่องโกโบริไม่ตาย มันก็ไม่ได้ ถูกมั้ยคะ (หัวเราะ) แต่กับละครเรื่อง ‘ใบไม้ที่ปลิดปลิว’ นั้น มันเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างโมเดิร์น และมันอาจจะมีผลต่อคน คืออย่างคู่กรรมคนดูก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นบทประพันธ์ที่คลาสสิค เราก็จะไม่ไปแตะตรงนั้น แต่กับเรื่องใบไม้ที่ปลิดปลิวเราสามารถทำให้คนดูมีทางเลือกได้ ว่าถ้าคนเรามีโอกาสเป็นครั้งที่ 2 ล่ะ เราจะตระหนักรู้ได้แบบนี้หรือเปล่า
จากละครใบไม้ที่ปลิดปลิวที่ฉายมาทั้งหมด 21 ตอน บอกเลยว่าเป็น 21 ตอนที่คนดูด่าตลอดเลยค่ะ (หัวเราะ) ซึ่งจริงๆ แล้วเราก็ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนั้น คือตัวละครเรื่องนี้ไม่ค่อยมีใครถูก หรือเป็นสีขาวมากนัก คืออาจจะมีไม่กี่คน ซึ่งคนดูก็จะรักตัวละครเหล่านี้ แต่ตัวละครหลักอย่างนิราและคนอื่นๆ ก็จะเป็นสีเทาเลย คือเทาน้อยเทามากแตกต่างกันไป เจี๊ยบก็เลยขับเคลื่อนตัวละครด้วย ความแค้น ความลุ่มหลง ความเห็นแก่ตัว เพื่อให้คนดูได้ตระหนักว่า เมื่อถึงจุดจบสุดท้ายแล้ว ถ้าคนเราดำเนินชีวิตด้วยแรงขับเคลื่อนเหล่านั้น แล้วชีวิตมันจะเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าดูละครแล้วต้องได้แง่คิดดีๆ กลับไปด้วยค่ะ
หลังจากที่เขียนบทละครโทรทัศน์จนโด่งดังและเรียกเรตติ้งให้กับช่อง one31 ไปหลายเรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ‘เมีย 2018’, ‘อรุณา 2019’ และล่าสุด ‘ใบไม้ที่ปลิดปลิว’ เจี๊ยบ-วรรธนา ทิ้งท้ายว่า ตอนนี้เธอกำลังเร่งเขียนบทละครให้กับช่อง one31 อีกหนึ่งเรื่อง ซึ่งแฟนละครน่าจะได้ชมกันในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2020 นู่นเลยละ…ยังไงเราเชื่อว่าแฟนละครต้องรอติดตามชมอย่างใจจดใจจ่อแน่นอน!!
Ant😷😷😷 แล้วทำไมต้องตรง นี่มัน 2019 แล้วนะจ๊ะเธอ
23 ส.ค. 2562 เวลา 10.07 น.
Arthur Ma 马文富 จบแบบนี้อะดีแล้ว แต่แค่ยังไม่สุด น่าจะให้กลับมา ดูแลพ่อที่ไม่สบาย กลับมาเจอเพื่อนๆที่รักหวังดี ให้เห็นจุดจบของตัวละครเลวๆ ให้เห็นว่า เพศที่สามก็จบแบบดีๆๆได้ ไม่ต้องรันทด หรือตาย แบบพวกหนัง นิยายเพศที่สามในยุคคร่ำครึ
23 ส.ค. 2562 เวลา 10.07 น.
thanyatip เป็นอีกหนึ่งคนที่ติดตามละครเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ
สิ่งที่ชอบ คือ การเขียนบทที่สอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบัน ขอชื่นชมการพินิจพิจารณาของคณะผู้จัดละครเรื่องนี้ ที่ทำบทสรุปด้วยsolutionที่ผ่านการกลั่นกรองเป็นอย่างดี และน่าจะต้องขอบคุณ"ทมยันตี"ผู้ประพันธ์ที่เปิดโอกาสให้ปรับเปลี่ยน
ที่สุดเลย คือการถ่ายทอดความเป็น"นิรา"ของใบเฟิร์น เก่งมาก เหมาะสมจะได้รางวัล รวมทั้งองค์ประกอบอื่นๆ นักแสดงทุกๆคนต่างรับบทบาทได้เป็นอย่างดี คุณแซมเป็นพ่อที่ใช่เลยตามบท หมอเบญจิตแพทย์ที่อบอุ่น อาชัชก็สมควรได้ความรัก
23 ส.ค. 2562 เวลา 09.29 น.
Krij Su อยากให้มีภาค 2 อยากให้นิรากลับมาสู้กะมะนาว
23 ส.ค. 2562 เวลา 08.40 น.
soul garden second chance หรือ second change แบบไหนถูกต้องครับ?
23 ส.ค. 2562 เวลา 08.18 น.
ดูทั้งหมด