/ซีน นี้ มา -ว่าด้วยการหยิบยกซีนหรือฉากหนังบางฉาก มาขยายความน่าสนใจให้ใหญ่ขึ้น
ในฉากแรกนี้ ขอนำเสนอเรื่องราวผ่านซีนของหนังเรื่อง ‘Dead Poets Society ครูครับ เราจะสู้เพื่อฝัน’ เรื่องราวที่อาจเคยสร้างความคลางแคลงใจในวัยเยาว์ด้วยเรื่องของระบบการศึกษา ครูคีตติ้ง ผู้สอนวิชาธรรมดา แต่กลับให้สิ่งล้ำค่ามากกว่าตำราคือ ความกล้าที่จะไล่ตามความฝัน!
‘Seize The Day’ จงฉกฉวยวันเวลานี้ไว้
‘เก็บดอกกุหลาบในวันที่ยังตูมเสียในระหว่างที่ยังทำได้
เพราะเวลาโบยบินไม่หยุดหย่อน
และดอกไม้ที่แย้มบานในวันนี้ ก็จะโรยราในวันพรุ่งนี้’
.
ซีนที่ว่านี้ เริ่มต้นด้วยบทกลอนของ โรเบิร์ต เฮอร์ริค ที่พูดไว้ถึงการใช้เวลาให้คุ้มค่า เพราะเวลาชีวิตมันสั้นนัก โดยครูคีตติ้งได้รวบมันไว้ในวลีเด็ดตลอดกาลว่า ‘Carpe Diem’ หรือในภาษาอังกฤษ ‘Seize The Day’ ฉกฉวยวันเวลาเอาไว้ นักเรียนของเค้าบางคนหลงลืมความฝันในวัยเยาว์ จนสูญเสียสิ่งที่รักพับมันเก็บไว้ เป็นความทรงจำเก่าๆ ที่อาจลืม เพราะมัวมุ่งหาแต่สร้างความสำเร็จที่ไม่ใช่สิ่งที่ตนต้องการจริงๆ
.
ระบบการศึกษา ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ย่อมเป็นไม้แรกๆ ที่ส่งผลต่อเด็กทุกคนที่เติบโตเข้ามาอยู่ร่วมในสังคม อาจารย์ผู้สอนก็เช่นกัน เขาจะสอนเพื่อสร้างการเปิดกว้างทางความคิด หรือจะปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ก็อยู่ที่แนวทางการสอนของอาจารย์เหล่านั้น ทุกย่างก้าวคือหัวเลี้ยวหัวต่อที่พร้อมจะส่งผลให้ชีวิตข้างหน้าเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน โตไปในแบบใคร และโตไปเพื่อสร้างอะไรให้ในสังคมบ้าง
‘ชมรมกวีไร้ชีพ’ บทกวีที่ขับกล่อมและสร้างแรงบันดาลใจ
การกลับมาของชมรมกวีไร้ชีพ ศูนย์รวมความรักในบทกวี มิตรภาพ และแรงบันดาลใจที่จะทำในสิ่งที่แตกต่าง เราเชื่อในการเอาชีวิตเข้าไปอยู่ในบริบทของคน สิ่งแวดล้อมที่มันเอื้อต่อการขุดความสามารถใหม่ๆ ที่ขนาดตัวเองยังรู้สึกว่า ‘เราทำมันได้ด้วยหรอ’ มันปลดล็อคความสามารถเราไปในอีกด้าน ในขณะเดียวกัน ถ้ามีเพื่อนที่ช่วยกันดัน หรือสนับสนุน ยิ่งเป็นแรงส่งที่ดีมากๆ เลยทีเดียวที่จะผลักให้สิ่งๆนั้นสำเร็จได้เร็วขึ้น การหาตัวเองอาจจะไม่ใช่แค่ เราเดินดุ่มๆไปคนเดียว ในมือไม่มีอะไร ข้างกายไม่มีใคร แต่น่าจะประกอบไปด้วย ครูที่ดี เพื่อนที่เป็นแรงส่ง และพละกำลังของเราเอง ที่จะก้าวต่อไปจนสำเร็จ
O Captain! My Captain!
แม้จะเป็นศิลปินเอกชื่อก้องโลก หรือนักกวีผู้เลื่องชื่อในปัจจุบัน พวกเขาก็อาจไม่ได้ทันอยู่เห็นผลงานต่างๆ เผยแพร่และทำประโยชน์มหาศาลแก่โลกใบนี้ ครูคีตติ้งก็เป็นเช่นนั้น เขาต้องออกจากการสอนกลางคันไม่ทันได้เห็นนักเรียนที่เขาหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความกล้าเพื่อรอวันสำเร็จ แต่ก็ไม่เสียดายที่สุดท้ายนักเรียนกลุ่มนั้นที่เค้าบ่มเพาะได้ยืนขึ้นบนโต๊ะเหมือนที่เค้าเคยทำอยู่เสมอ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการล่ำลาและบอกเค้าว่าสิ่งที่ครูสอนเราจะทำมันอย่างแน่นอน
Carpe Diem!
ข้อมูลอ้างอิงโดย : หนังสือ BIOSCOPE
.ᄃんムフムイイム เป็นหนังที่ประทับใจมากๆค่ะ จำได้ไปดูมา 12 รอบ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ไปดูหนังในโรงคนเดียว ดูทุกรอบ ร้องไห้ทุกรอบ เป็นหนังดีจริงๆ
03 ส.ค. 2562 เวลา 05.28 น.
Tao_Dec ดูหลายรอบเลยชอบมาก
03 ส.ค. 2562 เวลา 02.37 น.
🌵สุขใจ🌲 เป็นหนังที่ประทับใจตอนเป็น นสพ.ปี1 ค่ะ ผ่านไปแล้วกว่า30ปี ดีใจที่สุดที่ได้ทำตามฝันนน
03 ส.ค. 2562 เวลา 05.25 น.
nut โอ้กัปตัน กัปตันของข้า
03 ส.ค. 2562 เวลา 05.46 น.
กปุ๊ก คำ"ขอบคุณ" ในฉากสุดท้ายที่ครูคิดติ้งได้กล่าว ทำเอาผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ..
03 ส.ค. 2562 เวลา 05.02 น.
ดูทั้งหมด