สุขภาพ

ข้อควรรู้ วิธีทานพาราเซตามอลที่ถูกต้อง

MThai.com - Health
เผยแพร่ 06 พ.ย. 2560 เวลา 01.00 น.
หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องพาราเซตามอลกับผลกระทบต่อตับกันมาบ้างแล้ว วันนี้เราจะมาบอก วิธีทานพาราเซตามอลที่ถูกต้อง และปลอดภัยให้ฟังกันค่ะ

หลายคนอาจจะเคยได้ยินผลกระทบของการทานยาพาราเซตามอลกันมาบ้างแล้ว หากทานเกินขนาด หรือทานอย่างไม่ถูกต้อง อาจส่งผลกระทบต่อตับได้ วันนี้ Health Mthai มีข้อมูลดีๆ มาฝากกันค่ะ ลองมาดูสิว่า ต้องทานยาพาราเซตามอลอย่างไร ถึงจะถูกต้อง และปลอดภัยต่อตับของเรา?

พาราเซตามอล หรือ อะเซตามิโนเฟน เป็นยาแก้ปวดลดไข้ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย หาซื้อได้ง่าย และมักจะมีติดไว้ประจำบ้าน เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยเมื่อใช้อย่างถูกวิธี พาราเซตามอลสามารถบรรเทาปวดจากสาเหตุต่างๆ ได้หลากหลาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดจากข้อเสื่อม ปวดกล้ามเนื้อ และใช้เป็นยาลดไข้ พาราเซตามอลที่เป็นยาเดี่ยวจะบรรเทาอาการปวดขั้นอ่อนถึงปานกลางเท่านั้น ไม่มีผลต่ออาการปวดขั้นรุนแรง เช่น แผลผ่าตัดใหญ่ หรือมะเร็ง และไม่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

พาราเซตามอลมีหลายรูปแบบ ในรูปแบบรับประทานมีทั้งยาเม็ดและยาน้ำ ที่นิยมรับประทาน คือ ยาเม็ดที่มีตัวยาพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัมต่อเม็ด โดยทั่วไปในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัมขึ้นไป รับประทานได้ครั้งละไม่เกิน 2 เม็ด (1,000 มิลลิกรัม) และวันละไม่เกิน 8 เม็ด (4,000 มิลลิกรัม) โดยเฉพาะสำหรับความปวดหลังการผ่าตัด  นอกจากนี้ควรเว้นระยะห่างของมื้อยาอย่างน้อย 4 ชั่วโมง และไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 5 วัน หากจำเป็นต้องใช้นานกว่านี้ควรปรึกษาแพทย์

นอกจากนี้ยังต้องระวังการใช้ยาซ้ำซ้อน เมื่อใช้ยาร่วมกับยาสูตรผสมที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ ยาสูตรผสมบรรเทาอาการของโรคหวัด ยาคลายกล้ามเนื้อ เพราะอาจได้รับพาราเซตามอลเกินขนาด 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นก่อนรับประทานยาทุกชนิดควรอ่านฉลากให้ละเอียด หรือถ้าไม่แน่ใจให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

การได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาด ส่วนใหญ่พบว่าเกิดจากการรับประทานอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ บ่อยกว่าการตั้งใจกินยาขนาดสูงเพียงครั้งเดียว ซึ่งการได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาดจะส่งพิษต่อตับ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องบริเวณด้านขวาบน มีตับโต กดเจ็บ ถ้าตรวจเลือดอาจพบค่าที่บ่งว่าการทำงานของตับผิดปกติ ถ้าตับถูกทำลายมากขึ้น อาจพบอาการของตับวายเฉียบพลัน ได้แก่ ตัวเหลือง ตาเหลือง สับสน ซึม ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้ และที่สำคัญ ไม่ควรดื่มสุรา หรือรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาต้านวัณโรค ยากันชักร่วมกับการรับประทานยาพาราเซตามอล เพราะอาจทำให้พิษต่อตับของยาพาราเซตามอลเพิ่มขึ้น

หากพบเห็นผู้ที่ได้รับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาดเฉียบพลัน ไม่แนะนำให้ทำให้อาเจียน เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงในการสำลักเข้าปอด แต่ควรรีบช่วยเหลือด้วยการนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด เนื่องจากพิษจากยาพาราเซตามอลเกินขนาดมีวิธีการดูแลรักษาและยาแก้พิษจำเพาะ

ที่มา : ผศ.พญ.วีรวดี จันทรนิภาพงศ์ ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 4
  • เออ...ข้อมูลดีๆ แบบนี้แหละ
    06 พ.ย. 2560 เวลา 21.08 น.
  • โอ้ว น่ากลัวค่ะThank ค่ะ เป็นข่้อมูลที่ดีมากค่ะ
    06 พ.ย. 2560 เวลา 20.46 น.
  • ข้อความดีดี อ่านแล้วได้ความรู้ ดีกว่าดาราเลิกกัน หรือ ขุดคุ้ยอดีตของคนอื่นเยอะ ขอบคุนคับ
    06 พ.ย. 2560 เวลา 19.24 น.
  • Manomard
    ขอบคุณครับ
    06 พ.ย. 2560 เวลา 19.19 น.
ดูทั้งหมด