จากความพ่ายแพ้ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อ ไบร์ทตัน 2-3 ยิ่งทำให้สถานการณ์ชีวิตของ โชเซ่ มูรินโญ่ ดูตกต่ำมากขึ้น และก็มีแววส่อตกงานสูงมากในชั่วโมงนี้
อนาคตของ'เดอะ สเปเชี่ยล วัน' ใน โรงละครแห่งความฝัน นับวันยิ่งเลือนลางมากขึ้นเรื่อยๆ กับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งไม่ใช่แค่สไตล์การทำทีมเท่านั้น แต่มันยังลามไปถึงปัญหาต่างๆ ภายในทีมของตัวเองด้วย
จากที่เคยได้รับฉายาว่าเป็น 'เดอะ สเปเชี่ยล วัน' ดูเหมือนตอนนี้มันจะไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว และสิ่งที่คุณจะได้ทราบดังต่อไปนี้ก็คือเรื่องราว, เหตุผลและการกระทำซึ่งนำพาชีวิตผู้ชายคนนี้ดิ่งลงมาอยู่ในจุดที่ตกต่ำของอาชีพ
ปัญหาการเหยียดเพศกับหมอ เอเวา
https://twitter.com/donbalon_com/status/659702347120123904
ย้อนกลับไปช่วงปี 2013 นั่นคือยุคที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้หวนคืนสู่บ้านหลังเก่าที่ สแตมฟอร์ด บริจด์ และก็ยังพิสูจน์ตัวเองได้ดีอยู่ถึงการเป็นยอดกุนซือ เพราะเฮียแกใช้เวลาสร้างทีมแค่ 1 ปีก็สามารถเสกแชมป์ พรีเมียร์ลีก ให้กับ เชลซี ได้ แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูกาล 2015-16 ภาพลักษณ์เสียๆ หายๆ ก็ได้เกิดขึ้นกับตัวเขาตั้งแต่เกมแรกของซีซั่นเลยที่เสมอกับ สวอนซี ซิตี้ 2-2
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมนั้นจังหวะที่ เอแด็น อาซาร์ ได้รับบาดเจ็บ จึงทำให้หมอ เอวา การ์เนโร่ แพทย์สาวประจำทีมลงไปปฐมพยาบาล แต่ มูรินโญ่ กลับไม่พอใจ เพราะตอนนั้นทีมเหลือผู้เล่นเอาท์ฟิลด์แค่ 9 คน หลัง ติโบต์ กูร์กตัวส์ โดนใบแดงไล่ออกไป โดยเปิดปากด่าใส่ในทำนองเหยียดเพศว่า 'จริงๆ ผู้หญิงไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอลด้วยซ้ำ' จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต และสุดท้ายหมอ เอวา ก็เลยต้องขอลาออกจากงานของเธอที่ เชลซี
เชลซี ตกต่ำถึงขั้นหล่นไปรั้งอันดับ 16
https://twitter.com/ebuka_akara/status/632162406018355200
หลังการจากไปของหมอ เอวา การกระทำของ มูรินโญ่ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากมายเหมือนกัน แต่จากนั้นอีก 2-3 เดือนไม่รู้ว่ามันเป็นผลกรรมที่ตามสนองเฮียแกหรือเปล่า เพราะ เชลซี แพ้ถึง 9 จาก 16 เกมจนต้องระส่ำหล่นลงไปรั้งอยู่อันดับ 16 ของตาราง และมีแต้มห่างจากโซนตกชั้นแค่ 1 คะแนนเท่านั้น ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่านักเตะ เชลซี รวมหัวกันเล่นไล่โค้ช เพราะไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมอ เอวา เพราะเธอนั้นเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักเตะทุกคนในทีม
ถึงแม้ มูรินโญ่ จะเปิดปากรับประกันว่า เชลซี จะไม่ต้องทุกข์ทนหนีตกชั้นแน่นอนในช่วงท้ายฤดูกาล แต่ท้ายที่สุดแล้วเฮียแกก็ไม่มีโอกาสได้แก้ตัวตามที่ได้พูดไว้ เพราะการปราชัยต่อ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-2 ช่วงปลายปี 2015 ทำให้เจ้าของฉายา 'เดอะ สเปเชี่ยล วัน' โดนไล่ออกทันที และเป็น กุส ฮิดดิ้งค์ ได้เข้ามารักษาการตำแหน่งแทน
ไหนล่ะ ? แชมป์ ลีก ปีที่ 2 ในการคุมทีม
https://twitter.com/ManUtd/status/867636376208121856
ซัมเมอร์ปี 2016 การได้ตัว มูรินโญ่ มากุมบังเหียน แมนฯ ยูไนเต็ด ดูเหมือนจะเป็นที่ถูกใจใครหลายๆ คนโดยเฉพาะแฟนบอล เพราะในยุคของ เดวิด มอยส์ และ หลุยส์ ฟาน กัล เหมือนพวกเขาจะรับกันไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ถึงแม้จะโดนวิจารณ์ไปมากเรื่องของแท็คติกที่ไม่เร้าใจเหมือนยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ แมนฯ ยูไนเต็ด มีแชมป์ติดไม้ติดมือไม่ว่าจะเป็น ยูฟ่า ยูโรปา ลีก, ลีก คัพ และจบอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้วซึ่งสูงที่กว่านับตั้งแต่หมดยุค ‘ป๋าเฟอร์กี้’
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าผิดหวังมันก็มีนั่นคือสถิติที่จารึกมายาวนานซึ่งไม่ว่า โชเซ่ มูรินโญ่ จะคุมทีใดก็ตามไล่ตั้งแต่ เอฟซี ปอร์โต้, เชลซี ยุคแรก, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด ตลอดจนการกลับมา เชลซี ในคำรบที่ 2 นั้นเฮียแกมักจะเสกแชมป์ลีกได้เสมอในการคุมทีมปีที่ 2 แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งจริงๆแม้แต่แชมป์สักถ้วยหนึ่งก็ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำในปีนั้น
ปัญหากับนักเตะในทีม
เรื่องความสัมพันธ์กับนักเตะก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยกับชายคนนี้เหมือนกัน ตั้งแต่ตอนคุม เรอัล มาดริด ก็ดันไปมีเรื่องกับแก็งค์แข้ง สเปน จนท้ายที่สุดตัวแกเองก็ต้องหมดอนาคต ถัดมาคราวนี้ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีผู้เล่นหลายคนที่มีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับแก ไม่ว่าจะเป็น ลุค ชอว์, มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน, อองโตนี่ มาร์กซิยาล หรือแม้แข้งค่าตัวแพงอย่าง ปอล ป็อกบา ก็ด้วยเหมือนกัน ซึ่ง ชอว์ นี่เป็นรายแรกเลยที่มีปัญหากับ มูรินโญ่ หลังโดนวิจารณ์ด่ายับเรื่องฟอร์มการเล่นในทำนองที่ว่า 'ยังไม่ดีพอที่จะเป็นผู้เล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด'
แต่ที่หนักและเด่นชัดที่สุดก็น่าจะเป็น มาร์กซิยาล ที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีแน่ๆ กับ มูรินโญ่ ไม่ว่าจะเรื่องของผลงาน, ทัศนคติ หรือแนวทางการเล่นดูเหมือนจะตรงกันข้ามที่สิ่งที่เกมโปรดปรานไว้เสียหมด ถึงแม้ตัวนักเตะยืนยันแล้วว่าอยากจะย้ายทีม แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นดั่งที่หวัง เพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถคว้าตัวใครมาได้เพิ่มในช่วงตลาดซื้อขายที่ผ่านมา ดังนั้นก็เลยทำให้ มาร์กซินาล ต้องอยู่ในนรกขุมนี้ต่อไป
คนหัวร้อน 2018
https://twitter.com/Utd_JM/status/1030992469591293953
หลังจบศึก ฟุตบอลโลก 2018 ดูเหมือน แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีปัญหาเกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะตัวของ มูรินโญ่ ที่เปิดปากวิจารณ์ไปทั่วไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลทีมตัวเอง, บอร์ดบริหาร รวมถึงนักเตะในทีม จะมีเรื่องอะไรเด่นๆ บ้างไปดูกัน…
- มูรินโญ่ กัดจิก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดีแต่ใช้เงิน และที่พา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้แชมป์ก็เป็นเพราะใช้เงินทั้งนั้น
'ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เงินที่เราใช้ ปัญหาคือเงินที่ทีมอื่นๆใช้ต่างหาก มันคือปัญหาซึ่งทำให้ทีมอื่นๆมีขุมกำลังที่ดีกว่า, มีเสถียรภาพมากกว่า และตัวเลือกเยอะกว่า พวกเขาใช้เงินไม่หยุด ผมไม่ได้พูดจาดูแคลน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ เป๊ป หรือทีมงานของเขานะ แน่นอนว่าพวกเขาต้องได้รับคำชมอย่างสูงจากผลงานที่ทำอยู่'
(แกพูดแล้วไม่รู้สึกตัวบ้างเหรอว่าจริงๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของแกเองก็ใช้เงินไปเยอะไม่แพ้กัน)
- มูรินโญ่ กัดแฟนบอลทีมตัวเอง รวมถึงวิจารณ์ทีมตัวเองด้วย หลัง แมนฯ ยูไนเต็ด อุ่นเครื่องแพ้ ลิเวอร์พูล 1-4
'บรรยากาศมันยอดเยี่ยมมากก็จริง แต่ถ้าผมเป็นพวกเขา ผมไม่มาหรอก ผมจะไม่จ่ายเงินมาดูทีมแบบนี้ นี่ไม่ใช่ทีมของเรา ผู้เล่นส่วนใหญ่ในทีมชุดนี้จะไม่ได้อยู่ในทีมเมื่อถึงการแข่งขันจริง ผมมีแต่เด็กดาวรุ่งให้ใช้งาน ผมต้องการซื้อนักเตะมาเสริมทีมซึ่งนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่ไม่ใช่เลย จะมีแค่30เปอร์เซนต์ของทีมชุดนี้ที่จะได้อยู่กับเราในวันที่ 9 สิงหาคม'
- มูรินโญ่ เหน็บ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่จู่ๆ ก็หันมาใช้เงินมากมายเสริมทัพผิดจากที่เป็นมาราวกับว่ารู้สึกอิจฉา
'พวกเขาทำได้ดีในช่วงตลาดซื้อขาย เพราะนักเตะส่วนใหญ่ต่างก็มีประสิทธิภาพที่ดีทั้งนั้น ผมขอแสดงความยินดีกับพวกเขาด้วย และผมก็คงยิ้มได้อย่างมีความสุขเมื่อเห็นใครบางคนเปลี่ยนแนวคิดไปดื้อๆ มันดูตลกดีจัง'
- มูรินโญ่ พูดจากัดการทำงานของบอร์ดบริหาร แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เสริมทัพได้ห่วย โดยเฉพาะ เอ็ด วู้ดเวิร์ด เพราะนับตั้งแต่ได้ เฟร็ด, ดีโอโก้ ดาโลต์ และ ลี แกรน์ ทีมก็ไม่ได้ใครอีกเลย
'ผมอยากได้นักเตะสัก 1-2 คนก่อนตลาดจะวาย แต่ดูแล้วคงยาก ถ้าได้สักคนน่าจะดี จริงๆ ผมก็เสนอรายชื่อไปแล้วตั้ง 5 คนเมื่อ 2-3 เดือนก่อน แต่สุดท้ายต้องมาดูว่าจะได้สักคนไหม ?' (สุดท้ายก็ไม่ได้สักคน)
- เมื่อนักเตะในทีมอยู่ในช่วงพักร้อน แต่ มูรินโญ่ ได้ส่งสัญญาณให้แข้งเหล่านั้นรีบกลับมารายงานตัว แต่นักเตะส่วนใหญ่ไม่ได้ทำตามคำขอ และนี่คือสิ่งที่ มูรินโญ่ พูดเอาไว้
'บางที คุณต้องเข้าใจว่าเราไม่มีทางได้ทุกอย่างที่ต้องการหรอก และก็ไม่สามารถได้ไปอยู่ในทุกๆ ที่ๆ เราต้องการด้วย เพราะนี่มันคืออาชีพของเรา'
อาถรรพ์ปีที่ 3 ของ มูรินโญ่
จะเรียกว่ามันเป็นอาถรรพ์ได้ไหมก็ไม่รู้ ? แต่นับตั้งแต่กุมบังเหียน เชลซี ยุคแรกช่วงปี 2004 จนถึงปัจจุบันนี้รู้หรือไม่ว่า การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ไม่ว่าจะที่ไหนก็แล้วแต่เฮียแกจะต้องตกงานในปีที่ 3 และนี่เข้าสู่ปีที่ 3 ของเฮียแกแล้ว แถมสถานการณ์ปัจจุบันก็กำลังระส่ำสุดๆ ด้วย ผลงานก็ไม่ดี การเสริมทัพก็ไม่โดนใจ แถมยังมีปัญหากับคนโน้นคนนี้ไปทั่วไมเว้นแม้แต่บุคลากรในทีมตัวเอง ดูแล้วคงรอดยาก ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าท้ายที่สุดแล้ว โชเซ่ มูรินโญ่ จะจัดการปัญหาชีวิตของแกเองได้หรือไม่ ???
NC2465 ไปเถอะนะลุงมู พลีสสสส
20 ส.ค. 2561 เวลา 16.44 น.
aood CMU ปากพาจน ดูอีลอนมัสสิ คำพูดพาทุกอย่างดิ่งลงเหว เร่งหนทางเสื่อม แก้ไม่ได้ก็ไปๆเหอะ แยกย้ายบ้านใครบ้านมัน อาจดีต่อทุกคนก็ได้
20 ส.ค. 2561 เวลา 14.32 น.
หนุ่ม อภิชัย ชีวิตคนใกล้เกษียณ
20 ส.ค. 2561 เวลา 13.39 น.
ทะเลสีดำ 3คำ “อย่าไปน้า”อยู่นานๆได้มั้ย
20 ส.ค. 2561 เวลา 13.38 น.
ดูทั้งหมด