ทั่วไป

ระวัง! 6 กลุ่ม “ยา” เป็นพิษต่อ “ตับ“

สยามรัฐ
อัพเดต 05 ธ.ค. 2562 เวลา 23.50 น. • เผยแพร่ 05 ธ.ค. 2562 เวลา 23.50 น. • สยามรัฐออนไลน์

ยารักษาโรคไม่ว่าจะยาแผนปัจจุบัน หรือยาจากสมุนไพร ล้วนมีทั้งฤทธิ์รักษาและผลข้างเคียง ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถเข้าใจและป้องกันแก้ไขได้

โดยOryor.com ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีคำแนะนำถึงการป้องกันและการเฝ้าระวังโรคตับที่เกิดจากยา

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

1.ใช้ยาเมื่อจำเป็น ไม่ใช้ยาเกินขนาดหรือระยะเวลายาวนานเกินฉลากหรือเอกสารกำกับยาระบุ

2..สังเกตอาการตับอักเสบ เมื่อได้รับยาที่มีความเสี่ยงเกิดพิษต่อตับสูง ได้แก่ อ่อนเพลียมาก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง (มักปวดในตำแหน่งใต้ชายโครงขวา) ตัว ตาเหลือง คันตามผิวหนัง ปัสสาวะสีเข้มและอุจจาระสีซีด

3.หากมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับโรคตับ หรือมียาที่ใช้ประจำ รวมถึงดื่มแอลกอฮอล์อยู่เป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดพิษต่อตับ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ยาที่มีผลข้างเคียงต่อตับนั้น มีจำนวนมาก แต่มีบางกลุ่มยาที่มีโอกาสก่อให้เกิดพิษต่อตับได้บ่อย ควรต้องได้รับการเฝ้าระวังการใช้ยา ดังนี้

-ยาแก้ปวด/ยาลดไข้ : พาราเซตามอล (Paracetamol) ,ไดโคลฟีแนค (Diclofenac)

-ยารักษาวัณโรค : ไอโซไนอะซิด (Isoniazid), ไรแฟมพิซิน (Rifampicin), ไพราซินาไมด? (Pyrazinamide)

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

-ยาลดไขมันในเลือด : ซิมวาสะแตติน (Simvastatin) , อะทอร์วาสะแตติน (Atorvastatin)

-ยากันชัก : คาร์บามาเซพีน (Carbamazepine), เฟนิโทอิน (Phenytoin)

-ยาต้านจุลชีพ : อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) ,ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) ,ฟลูโคนาโซล (fluconazole)

-สมุนไพรที่มีความเป็นพิษต่อตับ: ขี้เหล็ก, บอระเพ็ด

ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ควรที่จะกังวลว่ายาจะเป็นพิษต่อตับจนเกินความจำเป็น เพราะยาไม่ใช่สาเหตุเพียงอย่างเดียว แต่มีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น อายุ โรคประจำตัว หรือพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ เป็นต้น และอาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ หากเป็นกังวลจนไม่ใช้ยารักษาโรคประจำตัว ซึ่งเราสามารถป้องกันโรคตับที่เกิดขึ้นจากยาได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ยาอย่างระมัดระวังภายใต้การแนะนำของแพทย์และเภสัชกร

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 25
  • Nutto
    เป็นพิษทุกชนิดอ่ะแหละ ยาชนิดกิน ฉีด ดม ทา สุดท้ายจะย่อยและถ่ายทิ้ง ถ้าป่วยก็กินให้ถูกวิธีก้พอ
    06 ธ.ค. 2562 เวลา 01.53 น.
  • เอ๋ แพรกษา
    ถ้าตอบแบบโลกสวยป่วยไข้ควรพบแพทย์ไม่ควรซื้อยากินเองแต่ในความเป็นจริงไปพบแพทย์รพ.รัฐไปเช้าได้รักษาบ่าย​ รพ.เอกชนป่วยเป็นไข้หวัดนิด้ดียว​ซัดไป2-3พันในบางรพ.​ ถามจริงใครเขาจะไป​ จริงไหม
    06 ธ.ค. 2562 เวลา 11.03 น.
  • Tong Tong
    ทุกวันนี้ ยาพารา คนไข้จำนวนมากไม่กล้ากินเอง มีอาการไข้ ปวด เล็กๆน้อยๆ ก็มา รพ ก่อน การดูแล ตัวเองเบื้องต้น ไม่สามรถ ทำได้เองแล้ว ยิ่ง ภาครัฐชอบ ออกข่าวแบบนี้อีกจะยิ่งแย่ คนจะยิ่งตกใจ
    06 ธ.ค. 2562 เวลา 01.22 น.
  • Chat.629128💵💰🧲♾️
    ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ ดูแลสุขภาพดีๆนะครับ
    06 ธ.ค. 2562 เวลา 03.54 น.
  • Tip
    พวกฝรั่งถ้าเขาไม่จำเป็นจริงๆเขาจะไม่กินยา เพราะเขาจะให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรค พวกไข้หวัด พักผ่อนเยอะๆ ให้ร่างกายได้รู้จักต่อสู้กับเชื้อโรค ถ้าเรากินยาทุกครั้งที่เป็นไข้ร่ายกายก็ไม่รู้จักลุกขึ้นมาต่อสู้กับโรค
    06 ธ.ค. 2562 เวลา 03.50 น.
ดูทั้งหมด