ไลฟ์สไตล์

สำคัญแต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีใครทดแทนได้ - เพจเจ้าหญิงแห่งวงการHR

TALK TODAY
เผยแพร่ 21 พ.ย. 2562 เวลา 05.45 น. • เพจ เจ้าหญิงแห่งวงการHR

ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ หัวหน้าเคยเล่านิทานเรื่องไก่กับพระอาทิตย์ให้ฟัง สืบเนื่องมาจากความตอนนั้นเราก็ไฟแรง และมั่นใจในตัวเองมาก เลยจะติดนิสัยชอบทำงานคนเดียว ไม่ไว้ใจใคร แล้วก็เอาตัวเองเป็นที่ตั้งสุดๆ ซึ่งเราก็มั่นใจนะว่าทำงานเก่ง แต่กลายเป็นคนที่ทำงานเก่งเฉพาะงานที่ทำคนเดียว แต่พอเป็นงานที่ต้องร่วมกับคนอื่นจะไม่ค่อย work เท่าไหร่ 

ซึ่งก็ตรงกับบทพ่อไก่ในนิทานเรื่องนี้แหละค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่า

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

มีครอบครัวไก่อยู่ครอบครัวหนึ่ง ประกอบด้วย พ่อไก่ แม่ไก่ และลูกไก่ตัวผู้อีกตัวหนึ่ง ในแต่ละวันพ่อไก่ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวก็จะขยันขันแข็งที่จะตึ่นขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ส่งเสียงขันตั้งแต่เช้าตรู่ทุกวัน พอพ่อไก่ขันเสร็จสักครู่ใหญ่ก็เห็นดวงอาทิตย์ขึ้น ทำให้พ่อไก่เข้าใจว่า 

"ดวงอาทิตย์ขึ้นเพราะเสียงขันของตน" และทุกๆชีวิตที่พ่อไก่เห็นก็เริ่มต้นวันใหม่หลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้นในแต่ละวัน จนทำให้เกิดความอวดดีและทะนงตัวว่าตัวเองสำคัญ วันไหนที่เจ็บป่วยก็รู้สึกกังวลและทุกข์ใจมากๆ กลัวว่าพระอาทิตย์จะไม่ขึ้น สัตว์ทั้งหลาย รวมถึงมนุษย์ก็จะอยู่ไม่ได้ เราเป็นผู้สำคัญที่สุด โลกนี้ขาดเราไม่ได้ 

อยู่มาวันหนึ่ง ด้วยความชราภาพตามเวลา พ่อไก่ที่เต็มไปด้วยความอวดดีและถือตัว ก็ตื่นขึ้นมาขันเหมือนเช่นทุกวัน 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แต่พอจะขยับปีกทำท่าจะขันก็ตกลงจากขอนไม้ ลูกไก่โต้งซึ่งก็โตเป็นไก่หนุ่มแล้ว พอจะขันได้ แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ขันซักครั้ง 

เพราะพ่อห้ามไว้ เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น จึงอาสาทำหน้าที่ขันแทนพ่อไก่ แต่ก็ถูกห้ามไว้อีกว่า "ลูกเป็นใคร นึกหรือว่าลูกขันแล้วดวงอาทิตย์จะขึ้น" ว่าแล้วพ่อไก่ก็แข็งใจกระโดดขึ้นกิ่งไม้ แล้วก็พลัดตกลงพื้นอีกรอบ ในที่สุดเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ไหว จึงเรียกลูกไก่ แม่ไก่มาสั่งให้รีบหนีเอาตัวรอด 

เพราะเข้าใจผิดคิดว่าถัาตัวเองขันไม่ได้แล้ว ดวงอาทิตย์จะไม่ขึ้น สัตว์ทั้งหลายในโลกนี้จะต้องตายหมด …

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

และพ่อไก่ก็ตายจากไปพร้อมกับความเชื่อที่ว่าพระอาทิตย์ขึ้นทุกเช้าเพราะตัวเองส่งเสียงขัน

ในขณะที่เช้าวันรุ่งขึ้น ครอบครัวไก่ที่เหลือได้เรียนรู้แล้วว่าพระอาทิตย์ก็ยังขึ้นตามปกติ แม้ว่าจะไม่มีไก่ตัวไหนส่งเสียงขันเลยก็ตาม

………………………………………………………………………..

ในการทำงานก็เช่นเดียวกัน 

ข้อแรกคืออย่าทะนงตนผิดไปเมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ อย่างเช่นพ่อไก่ที่มีหน้าที่ขันเพื่อบอกเวลา แน่นอนว่าถ้าไก่ไม่ขันในตอนเช้าคนอาจจะไม่ตื่นมาทำภารกิจของตัวเองได้ตามปกติ แต่คิดผิดไปว่าตัวเองเป็นผู้กำหนดเวลา ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเราจะ focus เป้าหมายในการทำงานผิด และจะไม่มีทางเกิดผลได้อย่างที่ต้องการ เราควรสนใจหน้าที่และเป้าหมายของตัวเอง ตำแหน่งที่ได้เป็นสิ่งที่บ่งบอกภารกิจและความรับผิดชอบ ไม่ใช่เอาไว้ใช้บอกว่าเราเหนือกว่าใคร

และนอกจากนั้นก็อย่ายึดมั่นถือมั่นว่าตนเองนั้นสำคัญที่สุดแต่เพียงผู้เดียว อย่าคิดว่าความคิดของเราจะถูกต้องแต่เพียงผู้เดียวเสมอไป ไม่มีกฎใดที่บอกว่าหัวหน้าถูกเสมอ หรือความคิดของลูกน้องไม่มีทางดีกว่าหัวหน้า เราอย่าเป็นไก่ตัวนั้นที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่จนเป็นผู้กำหนดผิดถูกได้เอง และไม่มีทางที่จะเชื่อใจคนอื่นทำให้ลูกน้องไม่มีโอกาสในการพัฒนาและเติบโตก้าวหน้าได้เลย

 เราไม่มีทางกอดทุกอย่างไว้กับตัวเองได้ทั้งหมดหรอกนะคะ เข้าใจว่าหลายๆ คนมีความรับผิดชอบสูงมากๆ อยากทำทุกอย่างด้วยตัวเองทุกหมด แต่ถ้าเราไม่ให้โอกาสใคร ไม่ทำให้ใครสามารถทำงานที่เราทำได้ เราก็จะต้องทำงานนั้นไปตลอด จนทำให้บางคนไม่สามารถเติบโตก้าวหน้าไปได้ เพราะมัวแต่ทำงานเดิมที่เคยทำซ้ๆอยู่แบบนั้นมาตลอด 

 หนึ่งในคุณสมบัติของผู้นำที่ลูกน้องต้องการคือต้องการการให้โอกาส และต้องการหัวหน้าที่ทำให้เราเก่งขึ้น หัวหน้าที่เรารักควรจะทำให้เรามีความสำคัญเช่นเดียวกับเค้า ไม่ใช่เป็นแค่คนเบื้องหลังคอยส่องแสงสว่างให้หัวหน้าไปเฉิดฉายจากผลงานของเรา 

เราไม่ใช่ไก่ตัวนั้นที่คิดว่าตัวเองสำคัญกว่าใครในโลกใบนี้ แต่เราเป็นไก่ตัวนึงที่มีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำมันให้สำเร็จเช่นเดียวกับไก่ตัวอื่นๆ … ส่วนสิ่งตอบแทนที่จะได้รับนั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีกว่ากันเท่านั้นเองเราควรเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ แต่ไม่ควรคิดว่าเราเป็นเจ้าของสิ่งนั้น

No matter how good you are , you can always be replaced .ไม่ว่าจะเป็นใคร เราจะถูกทดแทนได้ในวันหนึ่ง !!! เราทุกคนต่างเคยมาทดแทนใคร และวันหนึ่งก็จะมีใครมาทดแทนเรา ต่อให้เป็นคนเก่ง และเคยมีผลงานที่ดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้เป้าหมายในการทำงานที่เปลี่ยนไป ก็จะยิ่งมีโอกาสที่จะลดความสำคัญลงได้เสมอ

วันนึงองค์กรเคยต้องการคนขยันทุ่มเท แต่อีกวันนึงอาจจะต้องการคนที่ฉลาดคิดเพื่อลดกระบวนการทำงาน … คนขยันที่ไม่ฝึกใช้ความคิด ก็หมดความสำคัญลง หรือต่อให้เราเป็นที่สำคัญ ส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรกว่าใครๆ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะทำอะไรก็ได้ที่ไม่เหมาะสม พึงระลึกไว้เสมอว่า

พระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นเพราะไก่ขัน อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญจนมองข้ามการทำงานร่วมกับคนอื่นให้มีประสิทธิภาพ เพราะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนเก่งคนเดียว จะทำงานได้ดีกว่าคนเก่งหลายคนร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน

ในอีกทางหนึ่ง อย่าทำงานจนต้องเสียทุกอย่าง ความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ซึ่งเราต้องรู้เช่นกันว่าในชีวิตนี้เราต้องแสดงความรับผิดชอบต่ออะไรบ้าง

งาน

ครอบครัว

เพื่อนฝูง

สังคม

… และต้องรับผิดชอบตัวเองความสมดุลเป็นเรื่องดีการจัดลำดับความสำคัญในแต่ละช่วงเวลาให้ได้ก็สำคัญเช่นกันทุ่มเทเพื่องานเป็นเรื่องดี แต่ถ้าต้องทุ่มทั้งชีวิต ก็ต้องคิดนะว่าคุ้มมั้ย

#รักนะคะ

#เจ้าหญิงแห่งวงการHR

ความเห็น 14
  • คุณไนท์
    ขาดเรา เขา (บริษัท) ยังอยู่ และสามารถหาคนมาทดแทนได้เรื่อยๆตลอดไป อย่าหลงเชื่อคำเยินยอหวานหูที่หัวหน้าบอก อย่าระเริงกับผลงานที่ดีมากบรรลุเกินเป้าหมาย เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะคนหรือเครื่องจักร ก็มีทดแทนกันได้เสมอ กฏแห่งธรรมชาติ..
    21 พ.ย. 2562 เวลา 07.04 น.
  • Nutri
    สุดยอดอีกหนึ่งบทความ นำไปปรับใช้กับชีวิตได้...ชีวิตต้องเดินต่อไป
    21 พ.ย. 2562 เวลา 08.45 น.
  • ไม่มีใครดีทุกอย่าง ไม่มีใครเก่งทุกอย่าง จนหาคนมาทดแทนได้ อย่ายึดคิด อย่าหลงตัวเอง ชีวิตมีขึ้นมีลง แบ่งปันและเอื้อเฟื้อกันดีกว่า ชีวิตไม่ได้ยืนยาว แต่ชีวิตสวยงามเสมอ
    21 พ.ย. 2562 เวลา 06.15 น.
  • S.Sawadwor
    บางคนก็ครอบครัว+เพื่อน+สังคมเกิน งานเช้าชามเย็นชาม สุดท้ายได้นอนเล่นอยู่บ้านกับครอบครัวเพื่อนสังคมสมใจ
    21 พ.ย. 2562 เวลา 08.59 น.
  • Rainny L.(อิมกึมบี)🌦
    เรียกว่าอย่าหลงตัวเองจะดีกว่า
    21 พ.ย. 2562 เวลา 06.18 น.
ดูทั้งหมด