ไลฟ์สไตล์

โชคดีที่โดนติ - ศุ บุญเลี้ยง

TOP PICK TODAY
เผยแพร่ 28 ม.ค. 2563 เวลา 17.00 น. • ศุ บุญเลี้ยง

ห้องอัดวันนั้นเย็นเยียบด้วยเครื่องปรับอากาศ

แต่บรรยากาศยิ่งเย็นเข้าไปอีก 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อพนักงานเวิร์คพอยท์คนหนึ่ง เดินพินอบพิเทาเข้ามา 

.

“พี่ครับ ผมอยากจะขอโทษพี่

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ก่อนหน้านี้ห้าหกปีก่อน ผมเคยพูดไม่ดีกับพี่ไว้

พี่อาจจะจำไม่ได้ แต่ผมจำได้ดี…”

เขาพูดค่อยๆ เหมือนกลัวคนอื่นจะได้ยิน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

.

“คือวันนั้นผมเจอพี่ร้องเพลงอยู่ในห้องอัด

เป็นเพลงโฆษณาอะไรสักอย่างนี่แหละ

แล้วผมก็บอกว่า…เสียงร้องของพี่มันไม่เหมาะกับเพลงนั้น”

.

ผมทบทวนความหลังหนนั้น

คุ้นๆว่าเคยมาใช้ห้องอัดที่นี่ เพื่อทำเพลงโฆษณาอยู่บ้างแม้ไม่บ่อย

.

“อ๋อ… ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่ได้ถือสาว่าอะไร”

ผมพูดเบาๆให้เขาได้ยิน

น้องยังทำหน้าตาไม่สบายใจ

“ตอนนั้นผมไม่ค่อยรู้จักพี่สักเท่าไหร่  

..ผมไม่น่าจะพูดแบบนั้นกับพี่เลย”

.

“ ไม่เป็นไรหรอก.. พี่ไม่ได้โกรธ

จริงๆ พี่ก็รู้ว่า เสียงพี่ไม่เหมาะกับเพลงนั้นจริงๆ 

แต่ลูกค้าอยากได้ก็เลยต้องร้องให้เขา”

.

คงมีไม่กี่คนหรอกที่กล้าบอกคนอื่นว่า เสียงของเขาไม่เหมาะกับเพลงนั้น

แต่ครูทัศนา ซึ่งเป็นครูสอนประวัติศาสตร์เมื่อสมัยมัธยม บอกผมอยู่เรื่อยๆ หมายถึงบอกตอนที่ผมบันทึกเสียงเป็นนักร้องออกอัลบั้มมีชื่อเสียงแล้วด้วยนะ

“นี่เธอเวลาร้องเพลง ลูกทุ่ง ลูกคอเธอยังไม่ค่อยเอื้อนสักเท่าไหร่

ครูว่า เวลาหายใจ เธอดูหายใจแรงไปหน่อยนะ

บางเพลงเสียงมันเกร็งๆ….”

.

ผมบอกขอบคุณครูทุกครั้ง

บอกครูว่าวันหลังไปช่วยฟังในห้องอัดเลยดีไหมครู

ที่พูดไปนี่ไม่ได้ประชดประชัน แต่ครูสอนประวัติศาสตร์ของผมคนนี้เป็นนักฟังเพลง และฟังได้ละเอียดลออ มีประสาทสัมผัสซึ่งจับสัญญานการร้องได้ดีเป็นพิเศษ

.

ล่าสุดผมทำเพลงใหม่เสร็จ พอถ่ายทำบันทึกเสียงส่งไปในกลุ่มไลน์ของพี่น้องครอบครัวตัวเอง หวังว่าพี่ๆ จะช่วยกันส่งให้กระหึ่ม

.

พี่สาวคนสนิท รีบไลน์ตอบกลับมา 

“ฟังแล้วไม่เร้าใจ” 

ผมนึกในใจ นี่ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงจะน้อยใจ พาลโกรธและหมดกำลังใจ

.

แต่ผมรู้ว่าแม้เราจะเป็นคนดนตรี มีประสบการณ์ในวงการมานานหลายปี

แต่สามัญสำนึก หรือเซ้นส์ของคนฟังดนตรีธรรมดาๆ นี่แหละควรรับฟังอย่างยิ่ง

หากพี่สาวคนสวยของผมผู้ซึ่งเรียนจบเกษตรศาสตร์พืชสวน แต่ชอบดูคอนเสิร์ตเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ชอบนี่ 

รับรองได้ว่าโอกาสจะแจ้งเกิดยากเต็มที

.

ที่สำคัญ ผมไม่เคยรู้สึกโกรธที่คนเหล่านั้นต่อว่า หรือบอกกล่าวเลย

เสียงเหล่านี้ กลับเป็นเสียงน่าฟัง 

และคงจะมีกี่ครั้งที่เขาจะกล้าเอ่ยออกมา โดยที่เขาเหล่านั้นไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วยเลยสักนิด 

จริงทำเป็นชมๆกดไลค์ไปก็หมดเรื่อง 

.

ผมอยู่กับเสียงปรบมือและคำชมเชยมาตลอด

จนจำแทบไม่ได้หรอกว่า ใครชมอะไรบ้าง เพราะมันต่อเนื่องมานานหลายสิบปี

.

แต่เกือบทุกคำติ มักจะจำได้ไม่ค่อยลืม

โดยเฉพาะคำติที่ออกมาจากใจ ของคนที่เป็นพรรคพวกเดียวกัน

.

ช่วงนี้ผมผันตัวเองมาทำงานจัดอบรม 

เป็นงานซึ่งต้องใช้ทีมงานช่วยหลายคนโดยเฉพาะน้องๆ คนรุ่นใหม่ๆ

ล่าสุดรับน้องใหม่มาสองคน

.

คนแรกเรียบร้อย ใสๆ จากเมืองแพร่

ตอนคุยสรุปงานกัน น้องบอกว่า อ้ายจุ้ย เวลาทำงานชอบเปลี่ยนแผนไปมา จนคนทำตามทำไม่ค่อยจะถูก ไม่เหมือนกับงานที่หนูเคยทำ

น้องอีกคนมาจากสงขลา แม้จะเรียนยังไม่จบ แต่มีประสบการณ์ทำงานมาระหว่างเรียน บอกว่า 

ตอนจบงาน มันยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หนูว่า ถ้าจบให้เจ๋งกว่านี้จะดีกว่า ปล่อยคนเลิกอบรมไปกินของว่างเฉยๆ แบบนั้นมันดูจบแบบจืดๆ

.

ทั้งสองความคิดเห็นช่างน่าสนใจ เมื่อออกมาจากปากจากใจของน้องๆ ที่เพิ่งมาร่วมงานกันเป็นครั้งแรก

แม้ผมจะทำการอบรมมาหลายปี แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งต้องนำไปปรับปรุงทั้งสิ้น

.

ช่วงหนึ่งของการอบรม

ผมให้ผู้เข้าอบรม ส่งงานกลุ่มที่ให้ไปถ่ายทำคลิปมา

บอกเขาว่า จะเปิดขึ้นจอให้ชมร่วมกันรอบแรก

เมื่อได้รับการ ติชมแล้วค่อยนำไปปรับปรุง แล้วคืนนี้จะเปิดให้ผู้บริหาร และสื่อมวลชนชมอีกครั้ง

ผู้เข้าอบรมอิดออดแล้วประท้วงว่า หากเปิดให้ชมสองครั้ง ค่ำคืนนี้มันก็จะกร่อยๆ

อ้าวแล้วจะทำยังไง

เขาบอกว่า ก็เปิดดูชมเป็นการส่วนตัวก่อน ติชมกันแล้วไปแก้ พอคืนนี้ก็ค่อยชมพร้อมๆ กัน

.

ผมคิดแล้วก็ปรับไปตามที่ผู้เข้าอบรมแนะนำ 

นึกๆว่านี่ขนาดเราทำงานด้านการดูแลอารมณ์ของผู้คนมาตลอด

ยังมีบางภาวะที่ความคิดผิดพลาดเหมือนเป็นออทิสติกชั่วคราว 

คือคิดอะไรแบบที่ไม่สมควรคิด

.

รู้สึกว่า การประท้วง สิ่งซึ่งเรายังคิดไม่รอบคอบนั้นเป็นสิ่งดี

เราควรจะยอมรับและสร้างวัฒนธรรมของการเห็นต่าง และกล้าเสนอความคิดที่ดีกว่า

ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหนๆ

เพราะเสียงเหล่านี้ คือเสียงสะท้อนอย่างแท้จริง 

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเสียงติ ที่มาจากใจ ไม่ว่าจะแก้ไขได้หรือไม่

พลางคิดว่า เรานี่ช่างโชคดีเหลือเกินที่มีคนคอยชี้แนะบอกให้ตลอดเวลา

น่ายินดีว่าได้ยืนอยู่ในจุดที่มีคนกล้าติ

พลางคิดสงสัยและนึกสงสาร

คนซึ่งขาดไร้ซึ่งกัลยาณมิตร คอยติติงระหว่างเส้นทาง

แล้วปล่อยให้เขาเหล่านั้นเดินผิดทิศไปผิดทาง

จนกลับไม่ได้ไป..ต่อก็ไม่ถึง…เพราะไม่มีใครคอยตักเตือน

__

ติดตามบทความใหม่ ๆ จากศุ บุญเลี้ยง ได้ทุกวันพุธ บน LINE TODAY และหากสามารถอ่านบทความอื่นได้ที่เพจศุ บุญเลี้ยง

ความเห็น 18
  • ในสังคมของเราทุกวันนี้ น้อยคนนักที่จะมีคนที่ยอมรับกับในความเป็นจริงต่อในสิ่งผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากตนเอง เห็นมีแต่จะหาข้ออ้างและเหตุผลของตนเองเสมอ สังคมถึงได้มีปัญหาเกิดขึ้นมาแทบจะทุกวัน.
    29 ม.ค. 2563 เวลา 03.58 น.
  • vitaya
    เรื่องการเมืองก็ควรเคารพในดวามเห็นต่างนะจุ้ย
    29 ม.ค. 2563 เวลา 07.54 น.
  • ภูวดล
    ถ้ายังยกย่องคนชั่วไม่เห็นค่าของคุณความดีก็สมควรโดน
    29 ม.ค. 2563 เวลา 04.14 น.
  • Umpon
    ขอบคุณครับ จะนำไปปรับใช้นะครับ
    29 ม.ค. 2563 เวลา 04.31 น.
  • Yongyuth
    ถ้าได้คนดีมาตำหนิติเตียน ก็ถือว่าเป็นโชคดี แต่ถ้าได้คนชั่ว ช้าสามานย์ มาตำหนิติเตียน ถือว่าโชคร้าย เพราะคนชั่วมักจะชอบคนชั่ว ชมเชยคนชั่ว ด้วยกัน และจะหา โอกาส ตำหนิติเตียน คนดี ด้วยความอิจฉาริษยาอยู่เป็นประจำ
    29 ม.ค. 2563 เวลา 15.47 น.
ดูทั้งหมด